Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้พื้นฐานและหลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา - Coggle Diagram
ความรู้พื้นฐานและหลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา
ความหมายของยา
วัตถุที่รับรองไว้ในตำราที่รัฐมนตรีประกาศ
วัตถุที่ใช้ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษา หรือ
ป้องกันโรค หรือความเจ็บป่วยของมนุษย์หรือสัตว์
วัตถุที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์ หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป
วัตถุที่ให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้าง หรือการกระทำหน้าที่ใดๆ ของร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์
ไม่หมายความว่า
ใช้ในการเกษตรหรือการอุตสาหกรรมตามที่รัฐมนตรีประกาศ
ใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ เครื่องกีฬา เครื่องมือ เครื่องใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ เครื่องสำอาง หรือเครื่องมือ ใช้ในการประกอบโรคศิลปะหรือวิชาชีพเวชกรรม
ใช้ในห้องวิทยาศาสตร์สำหรับวิจัย วิเคราะห์ หรือการชันสูตรโรคซึ่งมิได้กระทำโดยตรงต่อมนุษย์
เภสัชวิทยาและเภสัชกรรม
เภสัชวิทยา (Pharmacology)
วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติของยาและฤทธิ์หรือผลต่างๆของยาที่มีต่อร่างกาย รวมทั้งผลที่ร่างกายกระทำต่อยา
เภสัชกรรม (Pharmacy)
วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมยา ผสมยาและจ่ายยาเพื่อรักษา
ความสำคัญของเภสัชวิทยาต่อวิชาชีพพยาบาล
พยาบาลวิชาชีพให้ยาแก่ผู้ป่วยเมื่อแพทย์มีคำสั่งการรักษาเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
นักศึกษาพยาบาลให้ยาแก่ผู้ป่วยได้ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพยาบาลวิชาชีพซึ่งเป็นอาจารย์พยาบาลหรือพยาบาลประจำการตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์เท่านั้น
ประเภทของยา
ยารักษาโรคปัจจุบัน
ยาแผนปัจจุบัน
ยาแผนโบราณ
ยาอันตราย
ยาควบคุมพิเศษ
ยาใช้ภายนอก
ยาใช้เฉพาะที่
ยาสามัญประจำบ้าน
ยาบรรจุเสร็จ
ยาสมุนไพร
แบ่งตามเภสัชตำรับ
ตำแหน่งการออกฤทธิ์ทางกายวิภาค
ประโยชน์ในการรักษา
กลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
แหล่งที่มาของยา , คุณสมบัติทางเคมี และเภสัชวิทยาของยา
แหล่งกำเนิดยา
จากธรรมชาติ
จากพืช
ได้จากส่วนต่างๆของพืชโดยตรง นำมาปรุงเป็น
ยาโดยไม่เปลี่ยนแปลงรูป เรียกว่า "สมุนไพร"
(Crude drug) หากสกัดเอาสารที่มีอยู่ในพืชมา
ทำให้บริสุทธิ์ เรียกว่า "สารสกัดบริสุทธิ์" (Purified drug)
จากสัตว์
สกัดจากอวัยวะบางส่วนของสัตว์
จากแร่ธาตุ
เช่น ไอโอดีน
ตัวอย่างยาที่ได้จากแร่ธาตุ ยาใส่แผลสดTincture iodine ใช้ภายนอก
จากการสังเคราะห์
ปัจจุบันยาส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราห์ อาศัยปฏิกิริยาทางเคมีในห้องปฏิบัติการ
การเรียกชื่อ
เรียกชื่อตามสูตรเคมี (Chemical name)
เรียกตามลักษณะส่วนประกอบทางเคมีของยา
เรียกชื่อสามัญทางยาหรือชื่อตัวยา (generic name)
แบ่งเป็นกลุ่มๆ ชื่อยาที่ออกฤทธิ์เหมือนกัน
เรียกชื่อตามการค้า (trade name)
ชื่อบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายยา
เภสัชภัณฑ์หรือยาเตรียม
รูปแบบที่เป็นของแข็ง (solid form)
ยาแคปซูล (Capsule) มีเจลาตินหุ้ม เพื่อกลบรสขมของยา
ยาเม็ด (Tablet) ยาผงแห้งอัดเม็ด
ยาเม็ดเคลือบ
ยาเม็ดที่ไม่ได้เคลือบ
ยาอมใต้ลิ้น (Sublingual) ดูดซึมได้ดีในเยื่อบุใยช่องปาก
ยาเม็ดสำหรับเคี้ยว เคี้ยวก่อนยาถึงจะออกฤทธิ์
ยาอม (Lozenge) และโทรเช (Troche) แก้เจ็บคอ
ยาผงเดือดฟู่ (Effervescent powder) ละลายน้ำได้ดี
ยาผง (Power) ผสมเป็นผงเก็บรักษาได้นานและกลิ่นรสดีขึ้น
ยาเหน็บ (Suppositories) เตรียมขึ้นเพื่อใช้สอดเข้าไปในช่องคลอด
ประเภทของเหลว
ยาน้ำสารละลาย
ยาน้ำสารละลายที่ตัวละลายเป็นน้ำ
รับประทานและชนิดใช้ภายนอกหรือใช้เฉพาะที่ เป็นสารที่ละลายอยู่ในตัวทำละลายที่เป็นน้ำบริสุทธิ์
ยาน้ำสารละลายที่ตัวละลายไม่ใช้น้ำ
รับประทานและใช้ภายนอกหรือเฉพาะที่
ยาน้ำกระจายตัว
มีสารช่วยมนการทำให้ยาแขวนตะกอนอยู่เมื่อตั้งทิ้งไว้ยาจะตกตะกอน เวลาใ้ต้องเขย่าเพื่อให้ยากระจายได้ทั่วถึง
รูปแบบประเภทกึ่งเเข็ง
มีลักษณะต่างๆกัน บางชนิดต้องบรรจุในภาชนะพิเศษ แบะมีลักษณะพิเศษในการใช้
ประเภทอื่นๆ
ยาฉีด (Injections)
ยาทาผิวหนัง (Applications)
ยาพ่นฝอย (Spray)
ยาดม (Inhalant)
หลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชจลนศาสตร์
เภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic)
การดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย (Drug absorption)
ปัจจัยเกี่ยวกับตัวยา
ขนาดโมเลกุลของยา
วิธีผลิตนา และรูปแบบยา
ขนาดยาที่ให้
คุณสมบัติในการละลายในไขมัน
ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ป่วย
ให้ยาผ่านทางเดินอาหาร
ให้ยาดูดซึมผ่านหลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ลิ้น
ให้ยาดูดซึมผ่านทางระบบทางเดินหายใจ
ให้ยาโดยการฉีดใต้ผิวหนัง , กล้ามเนื้อ , หลอดเลือดดำ
ให้ยาดูดซึมผ่านทางผิวหนัง
ให้ยาแบบเหน็บทวารหนักหรือช่องคลอด
การกระจายตัวของยา (Drugs distribution)
ปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะนั้นๆ จากยาถูกดูดซึม
คุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของยาแต่ละชนิด
การจับตัวของยากับโปรตีนในพลาสม่าโมเลกุลของยา (plasma protein binding)
ความสามารถในการผ่านเข้าสมองและรก
(capillary permeability)
การสะสมของยาที่ส่วนอื่น (accumulation at other site)
ที่เซลล์ไขมัน (fat as a reservoir) กระดูกและฟัน (bone and teeth)
การแปรสภาพยาหรือการเปลี่ยนแปลงยา (Drug metabolism)
การแปรสภาพยา
การกระตุ้นการออกฤทธิ์ของยา (mechanism of drug activation)
สิ้นสุดการออกฤทธิ์ของยา
(termination of drug action)
เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงยา
อยู่ในไซโตพลาสซึม
ในร่างกายมี enzyme
การขับถ่ายยา (Drug excretion)
ร่างกายกำจัดยาออกได้ทางไต ตับ น้ำดี และปอด น้ำนมและเหงื่อ
ปัจจัยที่มีผลต่อ drug metabolism
พันธุกรรม
สิ่งแวดล้อม
อายุ
ปฏิกิริยาระหว่างยาในระหว่างการเกิด metabolism
เหนี่ยวนำเอนไซม์ (enzyme inducer)
ยั้บยั้งเอนไซม์ (enzyme inhibitor)
คำศัพท์เฉพาะทาง
ค่าครึ่งชีวิต (Half life ; t1/2) เวลาที่ใช้ในการ
ทำให้ยาลดลงเหลือ 50% จากความเข้มข้นแรก
Loading dose ขนาดยาที่ให้ครั้งแรกเพื่อ
ให้ถึงระดับยาที่ต้องการในพลาสมา
Onset ระยะเวลาที่ให้ยาจนถึงเริ่มออกฤทธิ์
Duration of action ระยะเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์จนถึงหมดฤทธิ์
การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
เภสัชพลศาสตร์ (Pharmacodynamic)
การจับของยากับ receptor
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดยาที่ใช้กับการตอบสนองที่เกิดขึ้นในร่างกาย
กลไกการออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
ไม่จับกับ receptor
จับกับ receptor
Recptor จดจำและจับสารที่มีลักษณะโครงสร้างจำเพาะเจาะจง
ทำให้การทำงานของเซลล์นั้นๆเปลี่ยนแปลง
Agonist ยาที่จับกับ receptor ทำให้เกิดฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
Antagonist ขัดขวางการทำงานของ agonist
Partial agonist ยาที่จับกับ recept[r ออกฤทธิ์เป็นบางส่วน
คำศัพท์เฉพาะทาง
Affinity ความสามารถของยาในการจับกับ receptor
Efficacy ความสามารถของยาที่ทำให้เกิดฤทธิ์สูงสุด
Potency ความแรงของฤทธิ์ยา
ระดับความปลอดภัยของยา
(Therapeutic index ; TI)
มักทำการทดลองผ่านสัตว์ทดลอง เช่น หนูแรท
ยาที่มีค่า therapeutic index ต่ำจะมีความปลอดภัยต่ำ
ยาที่มีค่า therapeutic index สูงจะมีความปลอดภัยในการใช้สูง
TI = LD50/ED50
การแปรผันของการตอบสนองต่อยา
Idiosyncrasy
ตอบสนองที่แตกต่างจากปกติที่ไม่พบเกิดในคนเป็นส่วนใหญ่
Hyporeactivity
ตอบสนองต่อยาที่น้อยกว่าปกติ ไม่เกิดฤทธิ์รักษา
Hyperactivity
ตอบสนองต่อยาที่มากกว่าปกติ
Hypersensitivity
การแพ้ยาจากที่ร่างกายมี antibody ที่ต่อต้านต่อโครงสร้างทางโมเลกุลของยา
Tolerance
การดื้อหรือทนฤทธิ์ของยา
Tachyphylaxis
การดื้อยาที่เกิดขึ้นรวดเร็วเมื่อได้รับยา 2 - 3 ครั้ง
Placebo effect
ฤทธิ์หลอก