Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา - Coggle Diagram
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา
ความหมายของยา
1.วัตถุรับรองไว้ในตำรายาที่รัฐมนตรีประกาศ
2.วัตถุที่มุ่งสำหรับใช้ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษาป้องกันโรค
3.วัตถุที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็วรูป
4.วัตถุให้เกิดผลแก่สุขภาพ
เภสัชวิทยา (Pharmaclogy) ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติของยาและฤทธิ์ผลต่างๆของยาที่มีต่อร่างกาย รวมถึงการที่ร่างกายกระทำต่อยา
เภสัชกรรม (Pharmacy) ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมยา ผสมยา จ่ายยาเพื่อรักษา
ความสำคัญของเภสัชวิทยาต่อวิชาชีพพยาบาล
เพื่อให้เกิดผลที่พึงประสงค์แก่ผู้ป่วย
พยาบาลต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับที่กฎหมายกำหนดไว้ส่วนที่เกี่ยวข้องกับยา
สามารถให้ยาได้ก็ต่อเมื่อแพทย์มีคำสั่งการรักษาเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
นักศึกษาพยาบาลจะให้ยาผู้ป่วยได้ต้องมีการควบคุมดูแลของพยาบาลวิชาชีพซึ่งเป็นอาจารย์พยาบาลหรือพยาบาลวิชาชีพและผดุงครรภ์เท่านั้น
ประเภทของยา
1.ยารักษาโรคปัจจุบัน
ยาแผนปัจจุบัน
มุ่งสำหรับใช้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม การบำบัดโรคสัตว์
ยาแผนโบราณ
ใช้ในการประกอบยำบัดโรคสัตว์ อยู่ในตำราแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศ
หรือเป็นยาที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ
ยาอันตราย
ยาแผนปัจจุบันหรือยาแนโบราณที่รัฐมนตรีกำหนดเป็นยาอันตราย
ยาควบคุมพิเศษ
ยาแผนปัจจุบันหรือยาแนโบราณที่รัฐมนตรีกำหนดเป็นยาที่ควบคุมพิเศษ
ยาใช้ภายนอก
ยาแผนปัจจุบันหรือยาแนโบราณที่ใช้ถายนอกไม่รวมยาที่ใช้เฉพาะที่
ยาใช้เฉพาะที่
ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณใช้เฉพาะผิวหนังหูตาจมูกปากช่องคลอด
ยาสามัญประจำบ้าน
ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณที่ประกาศให้เป็นยาสามัญประจำบ้าน
ยาบรรจุเสร็จ
ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณที่ผลิตขึ้นในรูปต่างๆทางเภสัชกรรมบรรจุภายในภาชนะหรือหีบห่อปิดไว้มีฉลากครบถ้วน
ยาสมุนไพร
ยาที่ได้จากพฤกษชาติ สัตว์ แร่ ไม่มีการปรุงหรือแปรสภาพ
แบ่งตามเภสัชตำรับ
ตำแหน่งการออกฤทธิ์ทางกายวิภาค
ประโยชน์ที่ใช้ในการรักษาอาจใช้ร่วมกับการแบ่งยาตามกลไกการออกฤทธิ์ทางกายวิภาค
กลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
แหล่งที่มาของยา คุณสมบัติทางเคมี เภสัชวิทยาของยา
แหล่งกำเนิดยา
จากธรรมชาติ
จากพืช.
จากส่วนต่างๆของพืชโดนตรง
จากสัตว์
สกัดจากอัวยวะบางส่วนของสัตว์
จากแร่ธาตุ
ไอโอดีน ทองแดง น้ำมันเกลือแร่
จากการสังเคราะห์
โดยอาศัยปฏิกิริยาทางเคมีในห้องปฏิบัติการ
เช่น เกลือของเหล็ก อะลูมิเนียมไฮดอกไซด์
การเรียกชื่อยา
เรียกตามสูตรเคมี
(Chemical name)
เรียกตามส่วนประกอบทางเคมีของยา
เรัยกชื่อสามัญทางยาหรือชื่อตัวยา
(Generic name)
ชื่อที่เรียกกันทั่วไป
เรียกขื่อตามการค้า
(Trade name)
ขื่อจะขึ้นอยู่กับบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายยา มักเป็นชื่อที่น่าสนใจแลดจำง่าย
เภสัชภัณฑ์หรือยาเตรียม
รูปแบบที่เป็นของแข็ง
1.ยาแคปซูล (Capsule)
มีเจลาตินห่อหุ้ม เพื่อให้กลืนง่ายและกลบรสขมของยา
2.ยาเม็ด (Tablet)
ยาเม็ดเคลือบ
ออกฤทธิ์ที่ลำไส้ ป้องกันการแตกตัวของยาที่กระเพาะอาหาร
ยาเม็ดที่ไม่ได้เคลือบ
3.ยาอมใต้ลิ้น (Sublingual)
ในกระพุ้งแก้ม ดูดซึมได้ดีในเยื่อบุในช่องปาก เข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรงออกฤทธิ์เร็ว ไม่ทำลายโดยกระเพาะอาหาร
4.ยาเม็ดสำหรับเคี้ยว
ต้องเคี้ยวกันฤทธิ์ยาถึงจะออกได้ดี
5.ยาอม (Lozenge)และโทรเซ (Troche)
อมแก้เจ็บคอ ประกอบด้วยยาฆ่าเชื้อและยาทำลายเชื้อ
6.ยาผงเดือดฟู่ (Effervescent powder)
เป็นยาละลายน้ำได้ง่าย
ยาผง (Pulveres) เป็นยาผสมที่เป็นผลเก็บได้นานกลิ่นรสดีขึ้นมีทั้งแบบกินและโรยผง
ยาเหน็บ (Suppositories) ยาที่ใช้เพื่อสอดเข้าไปในช่องเปิด
ประเภทของเหลว
ยาน้ำสารละลาย
ยาน้ำสารละลายที่ตัวทำละลายเป็นน้ำ
มัทั้งแลลกินและใช้ภายนอก ใช้น้ำเป็นตัวละลายเพราะมีอำนาทในการละลายสูง ราคาถูก หาง่าย
น้ำปรุง (Aromatic water) น้ำมันหอมระเหย
ยาน้ำใส(Solutions) แอลกอฮอล์ ตัวยาที่ละลายอยู่มักเป็นสารไม่ระเหย
ยาน้ำเชื่อม (Syrups) สารละลายเข้มข้นของน้ำตาล เป็นยาที่ใช้รับประทานเท่านั้น
ยาจิบ (Linctuses) ประกอบด้วยตัวยาที่ใช้ระงับอาการไอ
ยากลั้วคอ (Gargale) ตัวยามีฤทธิ์ต้านการฆ่าเชื้อ ป้องกันการรักษาติดเชื้อในลำคอ
ยาอมบ้วนปาก (Moouthwash) ใช้ทำความสะอาดดับกลิ่นปาก กระพุ้งแก้ม
ยาน้ำสวนทวารหนัก (Enemas)
ยาน้ำสารละลายที่ตัวละลายไม่ใช่น้ำ
มีทั้งแบบกินและใช้ภายนอก
ยาอิลิกเซอร์ (Elixir) ตัวยาสำคัญเป็นแอลกอฮอล์3-44 เปอร์เซนต์ ใช้ทานเท่านั้น
ยาสปริริต (Spiirits) สารละลายใสของสารหอมระเหยง่าย มีแอลกอฮอลล์ค่อนข้างสูง มากกว่า 60 เปอร์เซนต์
ยาถูนวด (Linniments) ใช้เฉพาะภายนอก
ยาป้าย (Paints) ประกอบด้วยตัวยาที่มีฤทธิ์ต้านการติดเชื้อสมานแผล
ยาน้ำกระจายตัว
ยาน้ำแขวนตะกอน
เจล(Gels) ขนาดเล็กไม่ละลายน้ำลักษณะเป็นกาว
โลชั่น(Lotions) ชนิดใช้ภายนอก
มิกซ์เจอร์ (Mixtures) เป็นยาผสม ใส่หรือไม่ใส่ยาแขวนตะกอนก็ได้
อิมัลชั่น (Emulsion) เป็นยาที่มีส่วนผสมของน้ำมันกระจายอยู่ในน้ำ ลักษณะขุ่นเหนียว
รูปแบบประเภทกึ่งแข็ง
บางชิดต้อง
ขี้ผึ้ง ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยในการดูดซึมยาได้ดีขึ้น
ครีม เป็นยาน้ำแขวนตะกอนที่มีความเข้มข้นมาก ใช้ป้องกันการติดเชื้อ
ประเภทอื่นๆ
ยาฉีด (Injections)
ยาทาผิวหนัง (Applications)
ยาพ่นฝอย (Spray)
ข้อดีข้อเสียของการให้เภสัชภัณฑ์
ยาชนิดรับประทานยาแคปซูล ยาเม็ด
ข้อดี สะดวก ปลอดภัย ราคาถูก ไม่รุนแรง
ข้อเสีย ไม่เหมาะกับยาที่ดูดวึมผ่านระบบทางเดินอาหารไม่คงตัว อาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ยาชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ข้อดี ออกฤทธิ์เร็ว ไม่ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ใช้ในรายที่หมดสติและอาเจียนได้
ข้อเสีย เกิดพิษง่าย รวดเร็ว ยามีราคาแพง
ยาอมใต้ลิ้น
ข้อดี ดูดซึมและออกฤทธิ์ได้เร็วโดยไม่ผ่านตับ
ข้อเสีย รสชาติไม่ดี อาจระคายเคืองเยื่อบุภายในปาก
ยาเหน็บ
ข้อดี ออกฤทธิ์เฉพาะที่และทั่วร่างกาย
ข้อเสีย ไม่สะดวกต่อการซื้อ ราคาแพง
หลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
เภสัชจลนศาสตร์ (pharmacokinetic)
เป็นการบอกว่าร่างกายของเรามีการจัดการกับยาอย่างไรบ้างเมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย
การดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย (Drug absorption)
ปริมาณยาที่เข้าสู่กระแสเลือด
ปัจจัยเกี่ยวกับยา
ขนาดยาที่ให้เป็นปัจจัยที่กำหนดความเข้มข้นของยาบริเวณจุดที่ออกฤทธิ์
ขนาดโมเลกุลยา
วิธีการผลิตยา รูปแบบยา
คุณสมบัติในการละลายในไขมัน
ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ป่วย
ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ป่วย
การดูดซึมผ่านทางระบบทางเดินหายใจ
การให้ยาผ่านทางเดินอาหาร ยากรดอ่อนดูดซึมที่กระเพาะอาหาร
ยาด่างอ่อน ดูดซึมที่ลำไส้เล็ก
การดูดซึมผ่านหลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ลิ้น ยาที่ละลายได้ดีมีคุณสมบัติเป็นด่าง
การให้ยาโดยการฉีดเข้าผิวหนัง
การกระจายตัวของยา (Drugs distribution)
โมเลกุลของยาจะถูกกระจายไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
1.ปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปยังอัวยวะนั้นๆหลังจากยาถูกดูดซึมแล้วยาจะไปสู้อัวยวะที่อัวยวะที่มีปริมาณการไหลเวียนของเลือดสูงได้อย่างรวดเร็ว
2.คุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของยาแต่ละชนิด
3.การจับตัวของยากับโปรตีนในพลาสม่า
การแปรสภาพยาหรือการเปลี่ยนแปลงยา (Drugs metabolism )
ปัจจัยที่มีผล
1.พันธุกรรม
2.สิ่งแวดล้อม
3.อายุ
ปฏิกิริยาระหว่างยาในระหว่างการเกิด metabolism
1.ยาที่มีคุณสมบัติเหนี่ยวนำเอนไซม์
2.ยาบางชนิดมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์
3.ความเจ็บป่วยและความสามารถในการทำงานขงตับ
การขับถ่าย (Drug excretion)
สามารถขับออกได้ทางไต ตับ น้ำดี ปอด ยาที่ถูกกำจัดออกจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงก็ได้
คำสำคัญทางเภสัชจลนศาสตร์
ค่าครึ่งชีวิต เวลาที่ใช้ในการให้ยาความเข้มข้นยาจะลดลงเหลือ50 เปอร์เซนต์จากความเข้มข้นแรก เป็นตัวกำหนดการรักษา
2.loading dose ขนาดยาที่ให้ครั้งแรกเพื่อให้ถึงพลาสมา
3.Onset ระยะเวลาที่เริ่มให้ยาจนถึงยาเริ่มออกฤทธิ์ที่ต้องการ
4.Duration of action ระยะเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ที่ต้องการจนถึงหมดฤทธิ์ที่ต้องการ
การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
เภสัชพลศาสตร์ (Pharmcodynamic)
เกี่ยวกับการออกฤทธิ์ของยา
กลไกการออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
1.ออกฤทธิ์ดยจับกับ receptor
2.ออกฤทธิ์โดยจับกับ receptor
ตัวรับ (Receptor)
Agonist ยาที่จับกับreceptorแล้วสามารถทำให้เกิดฟทธิ์ของทาเภสัชวิทยา
Antagonist ยามี่จัลสามารถลดฤทธิ์ของAgonist
Partial agonist ยาที่จับรีเซปเตอร์แล้วออกฤทธิ์บางส่วน
คำสำคัญทางเภสัชพลศาสตร์
Affinity ความสามารถของยาในการเข้าจับกับreceptor
Efficacy ความสามารถของยาที่ทำให้เกิดฤทธิ์สูงสุด
Potency ความแรงของฤทธิ์ยา
ระดับความปอดภัยของยา การหาระดับความปลอดภัยของยามักจะทำการทดลองผ่านสัตว์ทดลอง
การแปรผันของการตอบสนองต่อยา
Idiosyncrasy การตอบสนองที่แตกต่างจากปกติที่ไม่พบเกิดในคนส่วนใหญื มักเกิดจากความแตกต่างทางพันธุกรรมในการเปลี่ยนแปลงยา
Hyporeactivity การตอบสนองต่อยาที่น้อยกว่าปกติ
Hypereactivity การตอบสนองต่อยาที่มากกว่าปกติ
Hypersensitivity การแพ้ยาจากการที่ร่างกายมีแอนตี้บอดี้ที่ต่อต้านโมเลกุล
Tolerance การดื้อยาที่ได้รับยาตัวนั้นหลายรอบ
Tachyphylaxis การดื้อยาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
Placebo effect ฤทธิ์หลอก