Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่4.3.5การพยาบาลมารดาที่มีภาวะสายสะดือพลัดต่ำหรือสายสะดือโผล่ - Coggle…
บทที่4.3.5การพยาบาลมารดาที่มีภาวะสายสะดือพลัดต่ำหรือสายสะดือโผล่
ชนิด
Occult (Hidden) prolapse of cord หมายถึง สายสะดือเคลื่อนต่าลงมาพอที่จะถูกส่วนนาของทารกกดได้
Forelying cord หมายถึง สายสะดือเคลื่อนต่าลงมาจนถึงปากมดลูก ถ้าตรวจภายในจะสามารถคลาพบสายสะดือได้
Complete prolapse of cord หมายถึง สายสะดือพลัดออกมาจนพ้นปากมดลูก ในกรณีที่ถุงน้าแตกแล้วจะสามารถมองเห็นสายสะดือโผล่พ้นออกมาจากปากช่องคลอด
สาเหตุ
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าก้น (Breech presentation) ท่าขวาง (Transverse lie)
ตั้งครรภ์แฝดเด็กหรือแฝดน้ำ
ทารกมีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์ (Small for gestational age)
ส่วนนำไม่กระชับกับช่องทางคลอด
ถุงน้ำแตกก่อนกาหนด
การคลอดก่อนกำหนด
สายสะดือยาวกว่าปกติ โดยเฉพาะถ้ายาวเกิน 75 ชม. จะทำให้พลัดต่ำได้ง่าย
รกเกาะต่ำทาให้สายสะดืออยู่ใกล้กับปากมดลูก
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อมารดาส่วนใหญ่มักเกิดจากการได้รับยาสลบจากการช่วยคลอด เช่น การผ่าตัดทารกออกทางหน้าท้อง หรือการใช้คีม (Forceps extraction) นอกจากนี้หากทารกเสียชีวิตมารดาจะประสบกับภาวะเศร้าโศก เสียใจ ได้รับความกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจ จากการเกิดความสูญเสีย
ภาวะสายสะดือพลัดต่าจะคุกคามต่อชีวิตทารก เนื่องจากการกดสายสะดือจะเป็นการตัดการไหลเวียนของเลือดจากรกมาสู่ทารก ซึ่งเป็นสาเหตุทาให้ทารกขาดออกซิเจนและถึงแก่ชีวิตได้
อาการ
ถ้าเป็นชนิด Complete prolapse cord จะพบว่าสายสะดือโผล่ออกมาจากช่องคลอด หรือมารดามีความรู้สึกขัดตุงบริเวณช่องคลอดภายหลังจากถุงน้าแตก
ตรวจภายในพบสายสะดือพลัดต่ากว่าส่วนนาของทารก โดยอาจตรวจพบการเต้นของหัวใจทารกบริเวณสายสะดือ
ถ้าสายสะดือพลัดต่าเป็นชนิด Occult prolapse cord จะไม่พบส่วนของสายสะดือโผล่ออกมาหรือคลาไม่ได้ แต่จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจทารก ซึ่งอ่านผลจากเครื่อง Monitor พบ Variable deceleration หรือมี Bradycardia ถ้าหากสายสะดือถูกกดอยู่นาน
การป้องกัน
แนะนาให้มารดาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสายสะดือพลัดต่า เช่น ครรภ์แฝด ครรภ์ไม่ครบกาหนดทารกอยู่ในท่าผิดปกติ หรือส่วนนาไม่กระชับกับช่องเชิงกราน ไม่ควรเบ่งก่อนเวลาที่เหมาะสม หรือให้รีบมาโรงพยาบาลทันทีที่ถุงน้าแตก
ในการเจาะถุงน้า ควรทาด้วยความระมัดระวัง โดยเจาะในเวลาที่มดลูกมีการหดรัดตัว และส่วนนาลงมาชิดกับปากมดลูกเพื่อป้องกันการพลัดต่าของสายสะดือ และปล่อยน้าให้ไหลออกมาช้า ๆ เมื่อเจาะถุงน้าแล้วควรตรวจภายในทุกครั้ง แล้วฟังเสียงหัวใจทารกทันที เพื่อประเมินว่าสายสะดือถูกกดหรือไม่ เพราะเมื่อสายสะดือถูกกดทารกจะไดรับเลือดและออกซิเจนน้อยลงจะพบว่าหัวใจทารกเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia)
ในกรณีที่ถุงน้าคร่าแตกเอง ควรตรวจภายในเพื่อประเมินว่ามีสายสะดือพลัดต่าหรือไม่ รวมทั้งประเมินความก้าวหน้าของการคลอดด้วย
มารดาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสายสะดือพลัดต่า ควรจัดให้นอนท่า Semi – Fowler’s position เพื่อช่วยส่งเสริมให้ส่วนนาเคลื่อนลงสู่ช่องเชิงกรานได้ดีขึ้น และควรจากัดกิจกรรมไม่ให้ลุกเดินบ่อย (Buckley & Kulb, 1990)
ควรบันทึกการเต้นของหัวใจทารก
การวินิจฉัย
จากอาการและอาการแสดง
จากการประเมินพบการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจทารกเป็นชนิด Variable deceleration
การรักษา
พยายามลดการกดทับของส่วนนาบนสายสะดืออย่างทันทีทันใด โดยจัดให้มารดานอนในท่ายกก้นสูง อาจเป็นท่า Trendelenburg หรือ Knee – chest หรือใช้หมอนหนุนบริเวณสะโพกให้สูงขึ้น (Sim’s position)
สวมถุงมือ Sterile แล้วดันส่วนนาไม่ให้กดทับบริเวณสายสะดือจนกว่าการคลอดจะสิ้นสุดลง
ห้ามดันสายสะดือที่โผล่พ้นออกจากช่องคลอดกลับเข้าไปใหม่ ควรใช้ผ้า Sterile นุ่ม ๆ ชุบน้าเกลือที่อุ่น ๆ คลุมบริเวณสายสะดือที่โผล่ออกมา
พยายามช่วยให้ทารกคลอดออกมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทาได้ ถ้าปากมดลูกยังเปิดไม่เต็มที่ แพทย์จะผ่าตัดทารกออกทางหน้าท้อง แต่ถ้าปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้ว และทารกอยู่ในท่า Vertex presentation หรือปากมดลูกเปิดเกือบหมด ส่วนใหญ่แพทย์จะช่วยคลอดโดยใช้เครื่องดูดสูญญากาศ หรือใช้คีม (Vacuum or Forceps extraction) เพื่อให้มารดาได้รับความบอบช้าน้อยที่สุด
ให้ออกซิเจนแก่มารดา 8 – 10 ลิตร/นาที
ถ้าหากทารกเสียชีวิตแล้ว แพทย์จะช่วยให้การคลอดเป็นไปตามธรรมชาติ หรืออาจช่วยคลอดโดยการใช้คีม