Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง, นางสาวศรัญญา กันธวัง เลขที่ 28 รหัสนักศึกษา…

- - - - ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่า 2,500 กรัม
    - - ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิด 2,500 กรัม ถึงประมาณ3,800 – 4,000 กรัม
  - - - ทารกคลอดเมื่ออายุครรภ์ < 37 สัปดาห์
      - สาเหตุ
        
        มารดามีภาวะแทรกซ้อน
        
        ความดันโลหิตสูง
        
        รกลอกตัวก่อนก้าหนด
        
        แท้งคุกคามในไตรมาสแรก
        
        มีเลือดออกไตรมาสที่ 2 หรือ 3
        
        มารดาป่วยเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ไต ติดเชื้อ
        
        ครรภ์แฝด มารดาติดยาเสพติด
        
        เศรษฐานะไม่ดี
        
        อายุน้อยกว่า 16 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
      - ลักษณะ
        
        น้ำหนักน้อย รูปร่าง แขนขามีขนาดเล็ก ผิวหนังบางสีแดงและเหี่ยวย่น
        
        ลายฝ่ามือฝ่าเท้ามีน้อย หัวนมมีขนาดเล็ก ท้องป่อง
        
        ขนาดของอวัยวะเพศค่อนข้างเล็ก
        
        มีกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ผิวหนังน้อย ความตึงตัวของกล้ามเนื้อไม่ดี
        
        หายใจไม่สม่ำเสมอ เสียงร้องเบา
- - - - NPO
      - ห้ามวัดปรอททางทวารหนัก
      - แยกจากเด็กติดเชื อ / แยกผู้ดูแล
      - ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
      - ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก aseptic technique
      - เฝ้าระวังสังเกตภาวะติดเชื้อ เฝ้าระวังภาวะล้าไส้ทะลุ
- - - - ทารกเกิดก่อนกำหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 2.5 ซม.
      - ทารกครบกำหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 3.0 ซม.
    - - ทารกเกิดก่อนกำหนด วัดนาน 5 นาที
      - ทารกครบกำหนด วัดนาน 8 นาที
- - - - การป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนในระยะแรกเกิด
      - มารดาที่มีความเสี่ยงจะคลอดก่อนกำหนดแต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก ควรได้ antenatal corticosteroids อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนคลอด
    - - การให้ออกซิเจน ตามความต้องการของทารก
      - ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจน โดยการปรับลดความเข้มข้นและอัตราไหลของออกซิเจน
      - ให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อทำให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้น
      - รักษาแบบประคับประคองตามอาการ
  - - - ภาวะหยุดหายใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอก
    - - ภาวะหยุดหายใจที่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอก
    - - Infection
      - Prematurity
      - Drug
      - Gastroesophageal reflux
    - - จัดท่านอนที่เหมาะสม ศีรษะสูง เงยคอเล็กน้อย
      - สังเกตอาการขาดออกซิเจน หายใจเร็ว เขียว ปีกจมูกบาน
      - suction เมื่อจำเป็น
      - ให้การพยาบาลทารกขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ
      - ระวัง การสำลัก
  - - - ตรวจครั้งแรกเมื่อทารกอายุ 4 – 6 สัปดาห์
      - ถ้าไม่พบการด้าเนินของโรค ตรวจซ้ำทุก 4 สัปดาห์
      - ถ้าพบว่ามีการด้าเนินของโรคอยู่ตรวจซ้ำทุกอาทิตย์
      - หลังจากทารกกลับบ้านแล้วถ้าไม่มีการดำเนินของโรค นัดมาตรวจซ้ำ
      - ถ้าพบ ROP ควรนัดมาตรวจซ้ำทุก ๆ 1 – 2 สัปดาห์
    - - Zone I ระยะวงกลมซึ่งมีรัศมีเป็นสองเท่าของระยะทางระหว่างขั้วประสาทตาและศูนย์กลาง
      - Zone II จอประสาทตาจากขอบนอกของ Zone Iจนถึง nasal ora serrata
      - Zone III จอประสาทตาจากขอบนอกของ Zone IIจนถึง temporal ora serrata
    - - stage1 Demarcation line between vascularized and avascular retina
      - Stage 2 Ridge between vascularized and avascular retina
      - Stage 3 Ridge with extraretinal fibrovascular proliferation
      - Stage 4 Subtotal retinal detachment: (a) extrafoveal detachment (b) foveal detachment
      - Stage 5 Total retinal detachment
- - - - ใช้ยา Indomethacin
        
        ขนาดที่ให้ 0.1-0.2 มก./กก.ทุก 8 ชม. X 3 ครั้ง
        
        ข้อห้าม
        
        BUN > 30 mg/dl , Cr > 1.8 mg/dl
        
        Plt. < 60,000 /mm3
        
        urine < 0.5 cc/Kg/hr นานกว่า 8 hr
        
        มีภาวะ NEC
      - ใช้ยา ibuprofen
        
        เพื่อช่วยยับยั้งการสร้าง prostaglandin ซึ่งจะทำให้ PDA ปิด
        
        ให้ทุก 12-24 ชั่วโมง จำนวน 3-4 ครั้ง
        
        สามารถปิดได้ร้อยละ 70
        
        ได้ผลดีในทารกน้ำหนักตัว 500-1500 กรัม
        
        ภาวะแทรกซ้อน NEC ไตวาย ไม่ให้ยาในทารกที่มี มากกว่า serum creatinine 1.6มิลลิกรัม/เดซิลิตรและ BUNมากกว่า20 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- - - - ภาวะแทรกซ้อนของการ
        
        มีน้ำหนักตัวลดลง
        
        ภาวะเสียน้ำมากจากการระเหยของน้ำ
        
        อาจถ่ายเหลว
        
        ถ้าไม่ได้ปิดตาทารกให้มิดชิด อาจตาบอดได้
        
        อาจจะมีสีผิวคล้ำขึ้น
        
        อาจมีอุณหภูมิร่างกายสูงหรือต่ำกว่าปกติ
        
        อาจมีผื่นขึ้นตามตัวเป็นการชั่วคราว
      - การพยาบาล
        
        ปิดตาทารกด้วยผ้าปิดตา
        
        ถอดเสื้อผ้าทารกออกและจัดให้ทารกอยู่ในท่านอนหงาย
        
        ดูแลให้ทารกได้นอนอยู่บริเวณตรงกลางของแผงหลอดไฟ
        
        บันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพทุก 2-4 ชม.
        
        สังเกตลักษณะอุจจาระ ระหว่างการส่องไฟ
        
        ดูแลให้ทารกได้รับการตรวจเลือดหาระดับบิลิรูบินในเลือดอย่างน้อยทุก 12 ชม.
        
        สังเกตภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับการส่องไฟรักษา ได้แก่ ภาวะขาดน้ำ ถ่ายเหลว
    - - การพยาบาล
        
        ดูแลให้ร่างกายทารกอบอุ่น
        
        ในขณะเปลี่ยนถ่ายเลือดต้องบันทึกปริมาณเลือดเข้า ออก ตรวจวัดสัญญาณชีพ
        
        เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อม
        
        สังเกตภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจวาย แคลเซียมในเลือดต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        อธิบายให้บิดามารดาทราบ
        
        ภายหลังการเปลี่ยนถ่ายเลือดตรวจวัดสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที ทุก 30 นาที จนกระทั่งคงที่