Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่13 การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยง, ชื่อนางสาวทรรศนันทน์…
บทที่13 การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยง
จำแนกประเภท
ตามน้ำหนัก
Low birth weight infant (LBW infant) คือ
ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่า 2,500 กรัม แบ่งเป็น
Very low birth weight คือ น้ำหนักต่ำกว่า 1,500 กรัม
Extremely low birth weight (ELBW) คือน้ำหนักต่ำกว่า 1,000 กรัม
Normal birth weight infant (NBW infant) คือ ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิด 2,500 กรัม ถึง3,800 – 4,000 กรัม
ตามอายุครรภ์
ก่อนกำหนด (Preterm infant) คืออายุครรภ์น้อยกว่า 37 Week
หลังกำหนด (Posterm infant) อายุครรภ์มากกว่า 41 Week
ครบกำหนด (Term or mature infant)มีอายุครรภ์ มากกว่า 37-41 Week
คลอดก่อนกำหนด
การพยาบาล
ป้องกันการเกิดเลือดออกและโลหิตจาง
ให้สารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
ป้องกันการเกิดการแตกทำลายของผิวหนัง
ส่งเสริมสัมพันธภาพบิดามารดา-ทารก
ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ (36.8 - 37.2)
ป้องกันการเกิด Retinopathy of Prematurity (ROP)
สมดุลของน้ำกรด-ด่าง และอิเลคโทรลัยต์
ส่งเสริมพัฒนาการของทารกแรกเกิด
ดูแลด้านการหายใจให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ดูแลการได้รับวิตามินและเกลือแร่
ป้องกันการเกิดน้าตาลในเลือดต่ำ
ป้องกันการติดเชื้อ
ปัญหาทางเดินหายใจพิษออกซิเจน
ประเภทที่พบ
Respiratory Distress Syndrome (RDS)
ภาวะหายใจลำบากเนื่องจากการขาดสารลดแรงตึงผิวของถุงลม
การป้องกัน
เสี่ยงจะคลอดก่อนกาหนดแต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก ควรได้ antenatal corticosteroids อย่างน้อย 24 hr. ก่อนคลอด
Dexamethazone 6 mg IM ทุก 12 hr. จนครบ 4 ครั้ง
Betamethazone 12 mg IM เนื้อทุก 24 hr. จนครบ 2 ครั้ง
การป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนในระยะแรกเกิด จะทำให้เลือดเป็นกรดซึ่งเป็นเหตุให้ไปขัดขวางการทำงานของการสร้างสารลดแรงตึงผิว
การรักษา
ใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือ CPAP
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจน
ให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อทำให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้น
รักษาประคับประคองตามอาการ
อาการแสดง
หายใจลำบาก,เขียว
ภาพถ่ายรังสีปอดมีลักษณะ ground glass appearance
เลือดเป็นกรด
หายใจล้มเหลวได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกเกิด
หายใจมีเสียง Grunting
ROP (Retinopathy of Prematurity) มีการงอกผิดปกติของเส้นเลือด (neovascularization) บริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี้ยงและจอประสาทตา
ความรุนแรง
Stage1 Demarcation line between vascularized and avascular retina
Stage 2 Ridge between vascularized and avascular retina
Stage 3 Ridge with extraretinal fibrovascular proliferation
Stage 4 Subtotal retinal detachment: (a) extrafoveal detachment (b) foveal detachment
Stage 5 Total retinal detachment
ระยะการตรวจ
ครั้งแรกเมื่ออายุ4-6week
ถ้าไม่พบให้ตรวจซ้ำทุก 4 week
ถ้าพบให้ตรวจซ้ำทุก week หรือตามแผนการติดตาม
หลังกลับบ้าน ไม่มีอาการของโรคนัดตรวจซ้ำ
ถ้าพบ ควรนัดมาตรวจซ ้าทุก ๆ 1 – 2 week
BPD (Bronchopulmonary Dysplasia)
apnea of prematurity(AOP)
หยุดหายใจนานกว่า20 วินาทีมีcyanosis
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
Suction เมื่อจำเป็น
สังเกตอาการบุ๋ม หายใจเร็ว เขียว ปีกจมูกบาน อกบุ๋ม ABG
นอนหัวสูง เงยคอเล็กน้อย
ระวังการสำลัก
ให้การพยาบาลขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ
ชนิด
centralapneaภาวะหยุดหายใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม
obstruction apnea ภาวะหยุดหายใจที่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม
สาเหตุ
GERD, Infection , Metabolic disorder,drug
Perinatal asphyxia
เกณฑ์ประเมิน
APGAR SCORE
ปัญหาการติดเชื้อ
NEC (Necrotizing Enterocolitis) ปัญหาระบบทางเดินอาหาร
สาเหตุ
ได้รับอาหารเร็วเกินไป
ย่อยและการดูดซึมไม่ดี
ลำไส้ขาดเลือดไปเลี้ยง
พร่องออกซิเจน
การพยาบาล
แยกเด็กติดเชื้อ+ผู้ดูแล
เฝ้าระวังติดเชื้อ
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
NPO
ยึดหลัก aseptic technique
เฝ้าระวังภาวะลำไส้ทะลุ
ห้ามวัดปรอททางทวาร
Sepsis
ปัญหาอุณหภูมิ
Incubator(ตู้อบ)
การพยาบาล
3)Check T ทุก 4 ชม
2)ป้องกันสูญความร้อน
1)เปิดตู้อบตามจำเป็น
4)ทำความสะอาดตู้
Hypothermia( < 36.5 )
ภาวะแทรกซ้อน
ไตวาย
ท้องอืด เลือดออกในโพรงสมอง +ปอด
ลำไส้เน่า,ขาดน้ำ
น้ำหนักลด
น้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะเลือดเป็นกรด
การวินิจฉัย
<36.5 องศา (วัดทางทวารหนัก)
อาการแสดง
ใบหน้าแดงผิวหนังเย็น เขียวคล้ำ หยุดหายใจ หายใจลำบาก
ควบคุมอุณหภูมิ
ค่าปกติ 37 องศา (+/-0.2o องศา)
ปรับอุณหภูมิตู้อบเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.2 องศา ทุก 15 – 30 นาที (max 38 องศา)
ควรใส่ปรอทสำหรับวัดอุณหภูมิตู้อบ
สาเหตุ
ครรภ์แฝด
โรคหัวใจ เบาหวาน ไต
ภาวะแทรกซ้อน
อายุน้อยกว่า 16 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
ติดยาเสพติด
ปัญหาเลือดออกในช่องสมอง
Hydrocephalus
IVH (Intra-ventricular Hemorrhage)
ลักษณะ
ลายมือเรียบ
หายใจไม่สม่ำเสมอ
น้ำหนักน้อย
ผิวหนังบางสีแดงและเหี่ยวย่น
ท้องป่อง
ร้องเบา
หัวนมเล็ก
อวัยวะเพศเล็ก
ปัญหาระบบหัวใจ,เลือด
PDA (Patent Ductus Ateriosus)
การรักษา
ใช้ยา Indomethacin
ใช้ยา ibuprofen
Neonatal Jaundice หรือ Hyperbilirubinemia
Anemia
ปัญหาพัฒนาการล้าช้า
ส่งเสริมสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก
Skin to skin contact
Eye to eye contact
ปัญหาทางโภชนาการและการดูดกลืน
GER (Gastroesophageal Reflux)
Hypoglycemia
NEC (Necrotizing Enterocolitis)
การพยาบาล
ให้อาหารอย่างเหมาะสมกับสภาพของทารก
gavage feeding (OG tube) ในเด็กเหนื่อยง่าย ดูดกลืนไม่ดี
IVF ให้ได้ตามแผนการรักษา
ระวังภาวะ NEC: observe อาการท้องอืด content ที่เหลือ
ประเมินการเจริญเติบโตชั่งน้ำหนักทุกวัน (เพิ่มวันละ 15-30กรัม)
ครบกำหนด
(Hyperbilirubinemia)
ภาวะตัวเหลือง มีbilirubineในเลือดสูง
การพยาบาล
การพยาบาลExchange transfusion
เปลี่ยนถ่ายเลือดต้องบันทึกปริมาณเข้าออก
ดูแลให้ร่างกายทารกอบอุ่น
อธิบายให้พ่อแม่ทราบ
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
V/S ทุก 15 นาที และ 30 นาที
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อม
ถอดเสื้อผ้าทารกออกและจัดให้ทารกอยู่ในท่านอนหงาย หรือนอนคว่าและเปลี่ยนท่านอนทุก 2-4 ชม.เพื่อให้ผิวทุกส่วนได้สัมผัสแสง
สังเกตลักษณะอุจจาระ ระหว่างการส่องไฟทารกอาจถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น
ดูแลให้ทารกได้รับการตรวจเลือดหาระดับบิลิรูบินในเลือดอย่างน้อยทุก12ชม. จนกว่าบิลิรูบินปกติ
ปิดตาทารกด้วยผ้าปิดตา (eyes patches) เพื่อป้องกันการกระคายเคืองของแสงต่อตา
บันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของV/Sทุก 2-4 ชม.
ดูแลให้ทารกได้นอนอยู่บริเวณตรงกลางของแผงหลอดไฟในระยะห่าง ประมาณ 35-50 cm.
สาเหตุ
กำจัดบิลิรูบินได้น้อยลง ท่อน้ำดีอุดตัน
สร้างบิลิรูบินเพิ่มมากขึ้นกำจัดน้อยและเกิดติดเชื้อ
สร้างบิลลิรูบินเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ จากการทำลายเม็ดเลือดแดง
ดูดซึมของบิลิรูบินจากลำไส้มากขึ้น ลำไส้อุดตัน
ดูดซึมของบิลิรูบินจากลำไส้มากขึ้น เลี้ยงลูกนมแม่
Breastmilk jaundice syndrome พบในทารกอายุ 4-7 วัน
Breastfeeding jaundice เกิดจากได้รับน้ำนมช้า ไม่เพียงพอ บิลิรูบินดูดกลับ
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจร่างกาย
ซีด,เหลือง
มีจุดเลือดออก
ตับ ม้าม โต
ประวัติครอบครัว
อันตรายจากการมีบิลริลูบินสูง
ทำให้สมองได้รับบาดเจ็บและมีการตายของเซลล์ประสาท ทำให้ทารกมีความพิการของสมองเกิดขึ้นถาวร
ทำให้เกิด kernicterus เข้าสู่เซลล์สมอง
การรักษา
การส่องไฟ (phototherapy)
ภาวะแทรกซ้อน
ถ่ายเหลว,ผิวคล้ำจากแสงส่อง
อุณหภูมิสูงต่ำกว่าปกติ,มีผื่นตามตัว
น้ำหนักตัวลด,ตาบอดได้,ร่างกายเสียน้ำ
การเปลี่ยนถ่ายเลือด (exchange transfusion)
ชนิด
ภาวะตัวเหลืองจากสรีรภาวะ (Physiological jaundice)
ภาวะตัวเหลืองจากพยาธิภาวะ ( Pathological jaundice)
ปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำ
สาเหตุ
glycogen ที่ตับสะสมไว้น้อยจึงสร้างกลูโคสได้จำกัด
ขาดออกซิเจนอุณหภูมิกายต่ำทำให้มีการใช้น้ำตาลมาก
ไม่ได้รับกลูโคสจากแม่
การดูแล
ควบคุมอุณหภูมิห้ององและดูแลให้ความอบอุ่นแก่ทารก และสังเกตการเปลี่ยนแปลง
ในรายไม่แสดงอาการให้กินนม หรือสารละลายกลูโคสถ้ากินไม่ได้ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือดดำ
ตรวจหาระดับน้ำตาลภายใน1-2ชม. หลังคลอดและติดตามทุก1-2ชม.ใน6-8ชม.แรกหรือจนระดับน้ำตาลจะปกติ
อาการแสดง
ซึม
หยุดหายใจ
ไม่ดูดนม
มีสะดุ้งผวา
อาการสั่น
ซีดหรือเขียว
ตัวอ่อนปวกเปียก
อุณหภูมิกายต่ำ
ชักกระตุก
คือ ระดับน้ำตาลในพลาสมาต่ำกว่า 40 mg%
MAS
ความรุนแรง
อาการรุนแรงปานกลางอาการหายใจเร็วมีความรุนแรงมากขึ้น มีการดึงรั้งของช่องซี่โครง
อาการรุนแรงน้อยทารกมีอาการหายใจเร็วระยะสั้นๆเพียง24-72ชม.
ทำให้แรงดันลดลงและมีค่าความเป็นกรด-ด่าง
อาการรุนแรงมากทารกจะมีระบบหายใจล้มเหลวทันทีหรือภายใน2-3 ชั่วโมงหลังเกิด
แบ่งเป็น
ลักษณะทางพยาธิสรีรวิทยาการเคลื่อนตัวของลำไส้ที่พัฒนาสมบูรณ์แล้วของทารก
ลักษณะความผิดปกติทางพยาธิสภาพของรกและทารกในครรภ์ที่ตอบสนองต่อความเครียด
การพยาบาล
สังเกตอาการติดเชื้อ
วัดความดันโลหิตทุก2- 4 ชั่วโมง
เฝ้าระวังการเกิดความดันต่ำจาก PPHN
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนให้เพียงพอ
รบกวนทารกให้น้อยที่สุด
คือ ภาวะตื่นตัวของทารกแรกเกิดเรียกว่า vigorous 10 ถึง 15 s. หลังเกิด
อาการ
การเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
กำลังกล้ามเนื้อดี
มีแรงหายใจด้วยตนเองได้ดี
ชื่อนางสาวทรรศนันทน์ บุญสวัสดิ์ รุ่นที่36/1 เลขที่43