Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันแบะควบคุมการติดเชื้อ - Coggle Diagram
การป้องกันแบะควบคุมการติดเชื้อ
การติดเชื้อ
เป็นปฏิกิริยาของรางกายที่เกิดขึ้นเมื่อมีเชื้อโรคเข้า
Inapparent infection
Infection disease
การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ
การปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้จุลชีพจากผู้ป่วยที่มีเชื้อ/ผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แต่ไม่ปรากฏอาการ แพร่ไปสู่ผู้ป่วยอื่น / ญาติผู้ป่วย บุคลากรอื่นๆ
standard precautions การนำแนวปฏิบัติของ Universal precautions และ Body substance isolation มาใช้ดูแลผู้ป่วยทุกรายที่เข้ารับการรักษาในรพ. ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อหรือไม่
การปฏิบัติตามหลัก standard precautions
ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือสบู่ย่าฆ่าเชื้อทุกครั้ง เมื่อสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่ง ก่อนและหยังทุกครั้งที่สัมผัส และเมื่อถอดถุงมือ
สใมเครื่องป้องกัน เมื่อคาดว่าจะสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งผู้ป่วย
หยิบจับอุปกรณ์ที่มีคมใช้กับผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง
ทำความสะอาดสื่งแวดล้อมที่เปื่อนเลือดหรือสารคัดหลั่งอย่างถูกวิธี
บรรจุผ้าเปื้อนในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและการสัมผัสกับสารคัดหลัง
ทำความสะอาดและทำลายเชื้อ หรือทำให้ปราศจากเชื้ออุปกรณ์การแพทย์ทุกชิ้นที่ใช้กับผูเป่วยแล้ว
หลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลขณะปฏิบัติงาน โดยเฉพาะถูกเข็มที่ให้กับผู้ป่วยตำ
2.Transmission-base precautions คือการป้องกันการแพ่กระจายของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคตามทางที่เชื้ออกจากตัวผู้ป่วย และทางที่จะเข้าสู่บุคคล
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อที่มีอนุภาคขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน
แยกผู้ป่วยที่เป็ฯโรคติดต่อไว้ในห้องแยกพิศษ และปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรือออกจากห้งอผู้ป่วย
ผู้ป่วยโรคเดียวกัน จัดให้อยู่ห้องเดียวกันได้
อากาศภายในห้องแยกควรถูกดูดออกภายนอกโดยตรงหรือผ่านเครื่องกรองที่มีห้องแยกควรมีการหมุนเวียนอย่างน้อย 6 รอบต่อชม.
ผู้ที่จะเข้ไปในห้องผู้ป่วยหรือดูแลผู้ป่วยต้องใส่ผ้าปิดปากขจมูก ชนิด N95
จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ในกรณีความจำเป็ฯต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอกห้องให้ผู้ป่วยใส่ผ้าปิดปาก-จมูก
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากฝอยละอองน้ำมูกน้ำลาย เป็นการปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจุลชีพที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน
แยกผู้ป่วยไว้ในห้องแยก และปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรือออกจากห้องผู้ป่วย
ผู้ป่วยโรคเดียวกัน จัดให้อยู่ห้องเดียวกันได้
หากไม่มีห้องแยกและไม่สารมารถจัดให้ผู้ป่วยอยู่ร่วมกันได้ ควรจัดระยะห่างระหว่างเตียงไม่น้อยกว่า 3 ฟุต
ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยหรือดูแลผู้ป่วยต้องใส่ ผ้าปิดปาก-จมูก เมื่อให้การดูแลผู้ป่วยในระยะ 3 ฟุต
จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หากจำเป็นควรให้ผู้ป่วย หากจำเป็นควรให้ผู้ป่วยใส่ผ้าปิดปาก- จมูก ชนิดใช้แล้วทิ้ง
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากการสัมผัส เป็นการปฏิบัติเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อที่เกิดจากการสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม
สวมถุงมือเมื่อให้การดูแลผู้ป่วย และเปลี่ยนถุงมือคู่ใหม่เมื่อสัมผัสสิ่งคัดหลังหรือส่วนของร่างกายที่น่าจะมีเชื้อโรคจำนวนมากขณะให้การพยาบาลผู้ป่วยรายเดิม
ถอดถุงมือและล้างมือด้วยสบู่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนออกจากห้องผู้ป่วย
สวมเสื้อคลุม หากคาดว่าอาจสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง หนอง อุจจาระของผู้ป่วย
จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการแปดเปื้อนเชื้อในสิ่งแวดล้อม
หากสามารถทำได้ควรแยกอุปกรณ์ได้ต้องทำความสะอาดและทำลายเชื้อก่อนนำไปใช้กับผู้ป่วยรายอื่น
การควบคุมการแพร่เชื้อกระจายเชื้อ อาศัยหลักการดังนี้
กำจัดเชื้อโรค แหล่งของเชื้อโรค ต้องกำจัดให้มากที่สุด
สิ่งแวดล้อม อาคาร สถานที่ ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค น้ำดื่ม น้ำใช้ สะอาดได้มาตรฐาน มีการกำจัดน้ำเสียและขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธีตามหลักวิชาการ
การแยกขยะในรพ.
เฝ้าระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาล คือลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในรพ.ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในรพ.
การติดเชื้อของบุคลากร
ถูกเข็มตำหรือของมีคมบาด
มือมีบาดแผลหรือผิวกนังแตกเป็นรอยแยก
เลือดหรือสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าตา ปาก จมูก
วงจรการติดเชื้อ
เชื้อก่อโรค
แบคทีเรีย
เชื้อรา
ไวรัส
พยาธิ
รังโรค
แหล่งที่เชื้อให้เจริญเติบโตและมีการขยายตัว
คนหรือสัตว์ที่มีเชื้อก่อโรคในตัวและไม่ทำให้เกิดโรคในตัวและตนเองไม่เกิดโรค แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่นได้เรียกว่า Carrier
ทางออกของเชื้อ
ระบบทางเดินหายใจ
ระบบสืบพันธุ์
ระบบทางเดินปัสสาวะ
เชื้อที่อยู่บนแผล
สายสะดือ
แมลงกัดและดูดเลือดไปกัดผู้อื่นต่อ
วิธิการแพร่กระจ่ายเชื้อ
การสัมผัส
การหายใจ
การะแพร่กระจายเชื้อโดยมีตัวนำ
ทางเข้าของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย
ทางเดินหายใจ
ทางเดินอาหาร
อวัยวสืบพันธุ์
ผิวหนังที่ฉีกขาด
ความไวของเชื้อ
ขึ้นอยู่กับลักษณะของเชื้อจุลชีพ ธรรมชาติของเนื้อเยื้อที่รับเชื้อ สุขภาพทั่งไปของแต่ละบุคคล
การติดเชื้อต้องมีวงจรของการติดเชื้อครบวงจร ดังนั้นการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อสามารถทำได้โดยกาตัดวงจรการรติดเชื้อ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการติดเชื้อ
ความเครียด
ภาวะด้านโภชนาการ
ความอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
การได้รับความร้อนหรือเย็นจัดเกินไป
ความเย็นจัดเกินไป
ลดการเคลื่อนไหวของขนอ่อนในระบบทางเดินหายใจ
ลดจำนวนเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อพื้นผิวและกดการสร้าง Ab ทำให่ความสามารถในการต่อต้านเชื้อโรคน้อยลง
โรคภูมิแพ้หรือโรคเรื้อรัง
เพศ
กรรมพันธุ์
อายุ
การรักษาทางการแพทย์บางชนิด
อาชีพ
การทำลายเชื้อ
การกำจัเชื้อจุลชีพบางชนิดที่แปดเปื้อนผิวหนัง อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ทางการแพทย์ ผิวต่างๆโดยใช้สารเคมี และวิธีทางกายภาพ
การทำความสะอาด
การใช้น้ำและสารขัดล้างในการขจัดสารอินทรีย์
ระดับการทำลายเชื้อ
การทำลายเชื้อระดับสูง
ทำลายจุลชีพก่อโรคได้ทุกชนิด รวมทั้งสปอร์ของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อแช่อุปกรณ์ในน้ำยานานตามข้อกำหนด
ทำลายเชื้อในกลุ่มนี้ได้อย่างรวดเร็ว
การทำล้ายเชื้อระดับกลาง
สามารถทำให้เชื้อ Mycobacterium tuberculosis เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา
ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ แต่ไม่สามารถทำลายสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้
แอลกอฮอล์ , วิธีการ Pasturization
การทำลายเชื้อระดับต่ำ
สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิด ไม่สามารถทำลายเชื้อที่มีความคงทน
เหมาะกับอุปกรณ์ประเภท Noncritical items
น้ำยาทำลายเชื้อในกลุ่มนี้ได้แก่ Quaternary ammonium compounds, iodophors / Phenolic
การทำให้ปราศจากเชื้อ
การบวนการในการทำลายหรือขจัดเชื้อจุลชีพชนิดรวมทั้งสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียจากเครื่องมือการแพทย์
วิธีการทำให้อุปกร์ปราศจากเชื้อ
วิธีการทางกายภาพ การใช้ความร้อน, lonizing radiation
ปฏิบัติง่าย และมีประสิทธิภาพสูง
การเผา ใช้ในการทำลายอุปกรณ์ที่จะไม่นำกลับมาใช้อีกต่อไป / อุปกรณ์ที่มีการบนเปื่อนมากจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
การใช้ความร้อนแห้ง บรรจุอุปกรณ์ในเตาอบ โดยใช้อุณหภูมิ 160 -180 c นาน 1-2 hr.
การต้ม ต้มน้ำให้เดือด 100 c นาน 30 นาที สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ทุกชนิดและเชื้อไวรัสได้เกลือบทุกชนิด
การใช้ความร้อนชื้น การนึ่งไอน้ำภายใต้ความดัน เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด ระยะเวลาที่นึ่งจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความดัน หากอุณหภูมิสูงขึ้น ความดัน
การใช้รังสี รังสีสัมผัสโดยตรงกับเชื้อและแทรกซึมเข้าสู่อุปกรณ์
x-ray, gamma rays, UV ทำลายเชื้อได้หลายชนิด แต่การแทรกซึมเข้าสู่อุปกรณ์ไม่ดี ไม่จัดเป็นการทำให้ปราศจากเชื้อที่แท้จริง
ช่วยลดจำนวนเชื้อก่อโรคที่มีอยู่ในอากาศในห้องผ่าตัด และห้องปฏิบัติการทางจุลชีววิทยา
วิธีการทางเคมี การใช้แก๊ส, การใช้ chemical sterilant คือ high-level disinfectant
การใช้แก๊ส
แก๊ส Ethylene oxide นิยมมากในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสำหรับวัสดุที่ทนวามร้อนไม่ได้
Formaldehyde สามารถอบให้ปราศจากเชื้อภายใน 6-12 hr.
การใช้ Chemical sterilant
high-level disinfect
glutaraldehyde
hydrogen peroxide
per acetic acid
การเก็บรักษาห่ออุปกรณ์ที่ผ่านกระบวนการทำให้ปราศจากเชื้อ
เก็บไว้ในตู้มีฝาปิดมิดชิด ไม่มีแมลงหรือสัตว์เข้าไปรบกวน
เก็บไว้ในที่แห้ง
วัสดุที่เก็บไว้ในหอผู้ป่วยควรจะเก็บไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ
วางอย่างเป็นระเบียบ ไม่เอายางรัดไว้ด้วยกัน
ต้องใช้ในกำหนดเวลา หากห่ออุปกรณ์หมดอายุจะค้องนำไปห่อใหม่และทำให้ปราศจากเชื้อก่อนใช้
การติดเชื้อในโรงพยาบาล
การติดเชื้ออันเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อจุลชีพขณะอยู่ในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อนั้นมาก่อน แต่อาจแสดงให้เห็นในขณะรับการรักษาอยู่ในรพ.
ไม่ได้อยู่ในระยะฝักตัวของเชื้อโรคนั้นๆ ขณะเรื่มเข้ารับการรักษา แต่อาการแสดงในช่วงระยะฟักตัวของโรค เมื่อออกจากรพ.
องค์ประกอบของการติดเชื้อในรพ.
เชื้อโรค
เชื้อประจำถิ่น/เชื้อที่พบบนร่างกายผู้ป่วยเอง
gram negative bacili
เป็นเชื้ออยู่ในรพ. ทำให้เกิดการดื้อยา
คน
ความแข็งแรง/ภูมิต้านทานโรค
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต
สิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต
การแพร่กระจาเชื้อ
1.Contact Transmission วิธีการสัมผัสระหว่างเชื้อก่อโรคกับบุคคลที่ไวต่อการติดเชื้อ
Direct-contact transmission
Indirect-contact transmission
Droplet spread เกิดจากการสัมผัสกับฝอยละอง
Airborne transmission เป็นการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศโดยการสูดหายใจเอาเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศเจ้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
Vehicle transmission เป็นการแพร่กระจายเชื้อโดยแมลง หรือสัตว์นำโรค
ระบบการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
พยาบาลควรจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญอยู่เสมอ โดยยึดหลักปฏิบัติ Aseptic technique/เทคนิคปลอดเชื้อ
กระบวนการพยาบาล
การประเมิน
ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
การวินิฉัยทางการพยาบาล
ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
มีโอกาสเกิดการระบาดของโรคในชุมชน
การวางแผน
หลัก Standard precautions
หลัก Transmission-Base precaution
การประเมินผลการพยาบาล
ประเมินการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้ป่วยอื่น บุคลกร ญาติผู้ป่วย
ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อสู่ญาติและบุคลากรในหอผู้ป่วย