Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันและการควบคุม การติดเชื้อ - Coggle Diagram
การป้องกันและการควบคุม การติดเชื้อ
วงจรการติดเชื้อ
เป็นปฏิกิริยาของร่างกาย (Host interaction)
ที่เกิดขึ้นเมื่อมีเชื้อโรค(Microorganisms) เข้าสู่ร่างกาย
เชื้อก่อโรค (Infectious agent)
แบคทีเรีย
แบคทีเรียทั้งกรัมบวก (Gram positive)
แบคทีเรียกรัมลบ (Gram negative)
Staphylococcus epidermidis
Staphylococcus aureus
Clostridium difficile
โปรโตซัว
Entamoeba histolytica ทําให้เกิดโรคบิด
เชื้อรา
Candida albicans
ไวรัส
เชื้อหัด
อีสุกอีใส
พยาธิ
พยาธิเส้นด้าย (พบมากในเด็ก)
พยาธิใบไม้ในตับ
แหล่งกักเก็บเชื้อโรค (Reservoir)
เป็นที่ให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและมี
การขยายตัว
ทางออกของเชื้อ (Portal of exit)
เชื้อจุลชีพออกจากร่างกายของคนซึ่งเป็นโรคได้หลายทาง
ระบบทางเดินหายใจ โดยเชื้อออกมาพร้อมน้ำมูก ลมหายใจ
เชื้อออกทางระบบสืบพันธุ์ ระบบทางเดินปัสสาวะ
เชื้อที่อยู่บนแผลที่ผิวหนัง
เชื้อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์โดยผ่านทางสายสะดือ
หนทางการแพร่กระจายเชื้อ (Mode of transmission)
เชื้อแพร่กระจายจากผู้ติดเชื้อ
หรือผู้ป่วยไปสู่ผู้อื่นได้หลายทาง
ทางเข้าของเชื้อ (Portal of entry)
เมื่อเชื้อโรคออกจากแหล่งเชื้อโรคแล้วจะทําให้เกิด
โรคได้ โดยการหาทางเข้าไปในร่างกายมนุษย์ใหม่
ความไวในการรับเชื้อของบุคคล (Susceptible host)
หลังที่เชื้อจุลชีพเข้าไปในร่างกายและจะทําให้บุคคลติดเชื้อง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับลักษณะของเชื้อจุลชีพ
การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ
Standard precautions
ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือสบู่ยาฆ่าเชื้อทุกครั้ง
ล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย ก่อนให้
การพยาบาลผู้ป่วย เมื่อสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่ง
หลังสัมผัสผู้ป่วยหลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย
การล้างมือธรรมดา (Normal hand washing)
ปัจจุบันการล้างมือมี
วิธีการ 7 ขั้นตอน
การล้างมือภายหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือสิ่งปนเปื้อนเชื้อโรค (Hygienic handwashing)
การล้างมือก่อนทําหัตถการ (Surgical hand washing)
การใช้ Alcohol hand rub ทดแทนการล้างมือในกรณีเร่งด่วน หรือในบริเวณที่ไม่มีอ่างล้างมือ
สวมเครื่องป้องกันเมื่อคาดว่าจะสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งผู้ป่วย
ถุงมือ มี 2 ประเภท
ถุงมือปราศจากเชื้อ (Sterile glove) ใช้เมื่อจะหยิบ
จับ เครื่องมือที่ปราศจากเชื้อ
การเจาะ การผ่าตัด
ถุงมือสะอาด(Non–sterile glove) ใช้เมื่อจะหยิบ จับ สิ่งของสกปรก น่ารังเกียจ มีสารพิษ
เสื้อคลุม ใช้เมื่อจะสัมผัสกับสิ่งที่มีเชื้อโรค
การทําผ่าตัด ทําคลอด
ผ้าปิดปากและจมูก ใช้ป้องกันการแพร่เชื้อจากจมูกและปากจากผู้สวมสู่คนที่อยู่ใกล้เคียง
หยิบจับอุปกรณ์ที่มีคมที่ใช้กับผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง
ทิ้งอุปกรณ์มีคมที่ใช้แล้วในภาชนะที่เหมาะสม
ทําความสะอาดสิ่งแวดล้อมที่เปื้อนเลือดหรือสารคัดหลั่งอย่างถูกวิธ
บรรจุผ้าเปื้อนในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น
ทําความสะอาดและทําลายเชื้อ หรือทําให้ปราศจากเชื้ออุปกรณ์การแพทย์ทุกชิ้นที่ใช้กับผู้ป่วยแล้ว
หลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลขณะปฏิบัติงาน โดยเฉพาะถูกเข็มที่ใช้กับผู้ป่วยตํา
Transmission-base precautions
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ (Airborne precautions)
แยกผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อไว้ในห้องแยกพิเศษ (Isolation) และปิดประตูทุกครั้ง
หลังเข้าหรือออกจากห้องผู้ป่วย
ผู้ป่วยด้วยโรคเดียวกัน จัดให้อยู่ห้องเดียวกันได้
อากาศภายในห้องแยกควรถูกดูดออกภายนอก
โดยตรงหรือผ่านเครื่องกรองที่มีประสิทธิภาพ
ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยหรือดูแลผู้ป่วยต้องใส่ผ้าปิดปาก-จมูก ชนิด N95
จํากัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ในกรณีความจําเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอกห้องให้ผู้ป่วยใส่ผ้าปิดปาก-จมูกชนิดใช้แล้วทิ้ง
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากฝอยละอองน้ำมูกน้ำลาย (Dropletprecautions)
แยกผูเ้ป่วยไว้ในห้องแยก และปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรือออกจากห้องผู้ป่วย
ผู้ป่วยด้วยโรคเดียวกัน จัดให้อยู่ห้องเดียวกันได้
หากไม่มีห้องแยกและไม่สามารถจัดให้ผู้ป่วยอยู่รวมกันได้ ควรจัดระยะห่างระหว่างเตียง ไม่น้อยกว่า 3 ฟุต
ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยหรือดูแลผู้ป่วยต้องใส่ ผ้าปิดปาก-จมูก
เมื่อให้การดูแลผู้ป่วยในระยะ 3 ฟุต
จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หากจําเป็นควรให้ผู้ป่วยใส่ผ้าปิดปาก-จมูกชนิดชนิดใช้แล้วทิ้ง
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากการสัมผัส (Contact precautions)
สวมถุงมือเมื่อให้การดูแลผู้ป่วย และเปลี่ยนถุงมือคู่ใหม่เมื่อสัมผัสสิ่งคัดหลั่ง
ถอดถุงมือและล้างมือด้วยสบู่ผสมน้ํายาฆ่าเชื้อก่อนออกจากห้องผู้ป่วย
สวมเสื้อคลุม หากคาดว่าอาจสัมผัสเลือด สารคดั หลั่ง หนอง อุจจาระของผู้ป่วย
หากจําเป็ํนต้องเคลื่อนย้าย ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิด
การแปดเปื้อนเชื้อในสิ่งแวดล้อม
หากสามารถทําได้ควรแยกอุปกรณ์ชนิด Non-critical items สําหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ
กําจัดเชื้อโรค แหล่งของเชื้อโรคอาจจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรืออาคารสถานที่
ต้องกําจัดให้มากที่สุดเท่าที่ทําได้
ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันโรคน้อย ควรจะแยกจากแหล่งของเชื้อโรค
สิ่งแวดล้อม อาคาร สถานที่
ควรให้สะอาดและแห้ง ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
การทําลายขยะ ขยะพวกที่เป็นเลือด หนอง หรือน้ำสามารถเทลงโถส้วมได้
สําหรับกระดาษ ผ้าต่างๆ ทิ้งแบบขยะธรรมดาได้ ยกเว้นพวกที่เป็นเข็ม ใบมีด เชื้อโรคจากห้องปฏิบัติการ
การแยกขยะในโรงพยาบาล
ขยะติดเชื้อ ใส่ถุงสีแดง
ขยะทั่วไป แยกเป็นขยะแห้งและขยะเปียก ใส่ถุงสีดํา
ขยะเป็นพิษ เช่น แท่งแก๊ส
ขยะที่นํากลับไปใช้ใหม่ (Recycle) ใส่ถุงสีขาว เช่น กระดาษ ขวดน้ำเกลือ
การทําลายเชื้อและการทําให้ปราศจากเชื้อต้องกระทําอย่างถูกต้อง
การใช้ยาต้านจุลชีพอย่างถูกต้องและมีนโยบายที่แน่นอน
การเฝ้าระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาล
การติดเชื้อของบุคลากรในขณะปฏิบัติงานในโรงพยาบาล
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ความเครียด (Stress)
ถ้าบุคคลมีความเครียดเกิดขึ้น จะมีความไวต่อการติดเชื้อได้ง่ายกว่า
ภาวะโภชนาการ
บุคคลที่ได้รับอาหารครบถ้วนความไวต่อการติดเชื้อจะน้อยกว่าคนที่ขาดอาหาร
ความอ่อนเพลีย
พบว่าคนที่อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอจะติดเชื้อง่ายกว่า มีความต้านทานต่อเชื้อโรคน้อยกว่า
ความร้อนหรือเย็น
นที่ได้รับความร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไปมีความไวต่อการติดเชื้อมากกว่า
โรคภูมิแพ้หรือโรคเรื้อรัง
คนที่มีอาการแพ้ต่าง ๆ หรือมีโรคเรื้อรัง มีความต้านทานต่ํากว่าคนปกติ
ทําให้ความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่รุกรานเข้ามาน้อยลง
เพศ
เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับการติดเชื้อเหมือนกัน พบว่าโรคบางชนิดพบมากในแต่
ละเพศไม่เท่ากัน เช่น มักพบโรคปอดบวมในผู้ชายมากกว่า
กรรมพันธุ์
บางคนขาดสาร Immunoglobulin ซึ่งเป็นตัวการสําคัญในการสร้าง
ภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
อายุ
เด็กมีความไวต่อการติดเชื้อง่ายกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ไม่ได้ดีเท่าผู้ใหญ่
การรักษาทางการแพทย์บางชนิด
ติดเชื้อได้ง่าย เช่น คนที่ได้รับการรักษา
ด้วยการฉายรังสี มีการทําลายเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ลดการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี
อาชีพ
บางอาชีพมีโอกาสที่จะสัมผัสกับเชื้อได้ง่าย หรือลดประสิทธิภาพของกลไกการป้องกันตนเอง
การทําลายเชื้อ และการทําให้ปราศจากเชื้อ
การทําลายเชื้อ (Disinfection)
การล้าง
การต้ม
การใช้สารเคมี
การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ
การล้างมือธรรมดา (Normal hand washing) ใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลว
การล้างมือก่อนทําหัตถการ (Surgical handwashing) เช่น การผ่าตัด การทําคลอด
การเตรียมผิวหนัง
การทําแผล ล้างแผลให้สะอาดด้วย Steriled normal saline ถ้าแผลสกปรก
เช็ดผิวหนังรอบ ๆ แผลด้วย Alcohol 70%
การทําความสะอาดฝีเย็บก่อนคลอดหรือก่อนการตรวจภายใน ใช้ Cetrimide
15% + Chlorhexidine 1.5% เจือจาง 1:100
การสวนล้างช่องคลอดใช้ Cetrimide 15% + Chlorhexidine 1.5% เจือจาง1:100
การทาช่องคลอดก่อนผ่าตัดใช้ Iodophor 10%
ระดับการทําลายเชื้อ
การทําลายเชื้อระดับสูง (High-level disinfection) สามารถทําลายจุลชีพก่อโรคได้ทุกชนิด
การทําลายเชื้อระดับกลาง (Intermediate-level disinfection) การทําลายเชื้อวิธีนี้
สามารถทําให้เชื้อ Mycobacterium tuberculosis เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา
การทําลายเชื้อระดับต่ำ (Low-level disinfection) สามารถทําลายเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิด แต่ไม่สามารถทําลายเชื้อที่มีความคงทน
การทําให้ปราศจากเชื้อ (Sterilization)
วิธีการทางกายภาพ (Physical method)
การใช้ความร้อน (Thermal or Heat sterilization) เป็นวิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายและมี
ประสิทธิภาพสูงสุด
การเผา (Incineration)
การใช้ความร้อนแห้ง (Dry heat)
การต้ม (Boiling)
การใช้ความร้อนชื้น (Moist heat)
การใช้รังสี (Ionizing radiation)
การใช้รังสีคลื่นสั้นในการทําให้อุปกรณ์ปราศจาก
เชื้อเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทั้งรังสีเอกซ์(X-ray) และรังสีแกมมา (Gamma rays)
วิธีการทางเคมี(Chemical method)
การใช้แก๊ส ได้แก่ Ethylene oxide gas และ Formaldehyde gas
การใช้ High-level disinfectant ได้แก่ Glutaraldehyde, Hydrogen peroxide
และ Peracetic acid
การติดเชื้อในโรงพยาบาล
การติดเชื้ออันเป็นผลจากการที่
ผู้ป่วยได้รับเชื้อจุลชีพขณะอยู่ในโรงพยาบาล
องค์ประกอบของการติดเชื้อในโรงพยาบาล
การติดเชื้อในโรงพยาบาลมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
เหมือนกับการติดเชื้อทั่วไป
เชื้อโรค (Agent)
ส่วนใหญ่เป็นเชื้อประจําถิ่น
ในประเทศไทยเชื้อก่อโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลที่พบมากที่สุด คือ เชื้อแบคทีเรียกรัมลบทรงแท่ง
อัตราดื้อต่อยาปฏิชีวนะในอัตราสูง
คน (Host)
ผู้ที่ติดเชื้อในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย แต่อาจจะเป็นบุคลากรในโรงพยาบาลได้
ความแข็งแรงหรือภูมิต้านทานโรคเป็นปัจจัยสําคัญ
สิ่งแวดล้อม (Environment)
อาคาร สถานที่ เครื่องมือ
เครื่องใช้ บุคลากรในโรงพยาบาล และญาติที่มาเยี่ยม
การแพร่กระจายเชื้อ
การแพร่กระจายเชื้อโดยการสัมผัส (Contact transmission)
การแพร่กระจายเชื้อโดยการสัมผัสโดยตรง (Direct–contact transmission)
การพลิกตะแคงตัวผู้ป่วย
การอาบน้ําเช็ดตัวผู้ป่วย
การแพร่กระจายเชื้อโดยการสัมผัสโดยอ้อม (Indirect–contact transmission)
ของเล่นในแผนกเด็กป่วย ลูกบิดประตู ผ้าปูที่นอน เครื่องช่วยหายใจ
การแพร่กระจายเชื้อโดยฝอยละออง (Droplet spread)
การสัมผัสกับฝอยละอองน้ํามูกน้ําลายที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน มักเกิดขึ้นในระยะไม่เกิน 3 ฟุต
การแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ (Airborne transmission)
การสูดหายใจเอาเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
การแพร่กระจายเชื้อโดยการผ่านสื่อนํา (Vehicle transmission)
แพร่กระจายเชื้อซึ่งเกิดจากการที่มีเชื้อจุลชีพปนเปื้อนอยู่ในเลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือด อาหาร น้ำ ยา สาร
น้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดําแก่ผู้ป่วย
การแพร่กระจายเชื้อโดยสัตว์พาหนะ (Vector-Borne transmission)
แพร่กระจายเชื้อโดยแมลง หรือสัตืวนําโรค คนได้รับเชื้อจากการถูกแมลงหรือสัตว์กัด และเชื้อที่มีอยู่ในตัวแมลงถูกถ่ายทอดสู่คน
กระบวนการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
ยึดหลักปฏิบัติAseptic technique หรือ เทคนิคปลอดเชื้อ
การประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของผู้ป่วย (Assessment)
การซักประวัติ
และตรวจร่างกายเกี่ยวกับโรคของผู้ป่วย
การรักษาที่ได้รับ ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
เมื่อรวบรวมข้อมูลจากการ
ประเมินมาแล้วนําข้อมูลที่ได้มากําหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การวางแผนและให้การพยาบาล (Planning and Implementation)
ได้ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล จากข้อมูลสนับสนุนที่ประเมินได้ต้องกําหนดวัตถุประสงค์เกณฑ์การ
ประเมินผล
การพยาบาลตามปัญหาของผู้ป่วย เพื่อให้สามารถแก้ไข หรือบรรเทาปัญหาของผู้ป่วยได้
รวมทั้งมีการประเมินผลภายหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อสู่ญาติและบุคลากรในหอผู้ป่วย