Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7 กฎหมายเกี่ยวข้องกับนิติเวชและนิติจิตเวช, นางสาว สุรีรัตน์ พึงประสพ…
บทที่ 7 กฎหมายเกี่ยวข้องกับนิติเวชและนิติจิตเวช
ความหมายและความสําคัญของนิติเวชและนิติจิตเวช
นิตเวช
การนําหลักทางการแพทยประยุกต์ใช้เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทและพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีความ
นิติจิตเวช
การนําหลักจิตเวชประยุกต์เพื่อประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรมและความสงบของสังคม
จิตเวช
ความเจ็บปวยทางจิตความผิดปกติของอารมณ์และบุคลิกภาพ
การวินิจฉัย และขั้นตอนในการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
การวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
การตรวจทางจิตเวชต้องทําอย่างละเอียดรอบคอบ
โดยได้ข้อมูลจากทีมนิติจิตเวช
การรวบรวมข้อมูลแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่เกี่ยวกับคดี
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวยทางจิต
พิจารณาวัตถุประสงค์ว่า ส่วนตัวผู้ปวยมาเพื่อต้องการทราบอะไร
ขั้นตอนในการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
1.พิจารณาวัตถุประสงค์
คือ ต้องกระจ่างในความมุ่งหมาย ให้พิจารณาจากใบส่งตัว
เพื่อที่จะทราบว่าใคร (ตํารวจ ศาล เรือนจํา คุมประพฤติ)นําส่ง
2.การตรวจทางจิตเวช
ต้องรีบทำอย่างละเอียด โดยการตรวจสภาพจิตใจ ตรวจร่างกาย ตรวจทางระบบประสาท ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทดสอบทางจิตใจ
การรวบรวมข้อมูล
แบ่งเป็น 2 ส่วน
จากพยานเอกสารอื่นๆ จากทางราชการ
สำเนาคำฟ้องจากอัยการ
พฤติกรรมผู้ป่วยขณะอยู่โรงพัก
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อคดี โดยซักถามหรือขอข้อมูลจากผู้ใกล้ชิด พฤติกรรมขณะประกอบคดีจากพยานบุคคล
วิเคราะห์ วินิจฉัย
พิจารณาข้อสรุปเพื่อการวินิจฉัยดําเนินการ
สรุปผลการวินิจฉัย
การวินิจฉัยทางคลินิก(clinical diagnosis)เพื่อการรักษาการพยากรณ์โรค
การวินิจฉัยทางกฎหมาย(legal diagnosis)ส่งที่ต้องพิจารณา
ขณะตรวจ วิกลจริต และสามารถต่อสู้คดีได้หรือไม่
ขณะประกอบคดี สามารถรู้ผิดชอบหรือบังคับตนเองได้หรือไม่
ความเห็นหรือข้อเสนอแนะ เช่น ภาวัอันตราย
การเตรียมตัวให้ปากคำต่อศาล
กระบวนการเกี่ยวกับนิติจิตเวช
บุคคลที่สงสัยว่าวิกลจริต หรือมีปัญหาสุขภาพจิตขณะประกอบคดี
ถูกจับดำเนินคดี
ปล่อยตัวถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำความผิด
มีหลักฐานว่ากระทำความผิด
งดสอบสวนหรือพิจารณาคดี
ตรวจวินิจ ตามมาตรา 14
รักษาตามขั้นตอน
อาการทางจิตไม่ทุเลา
แจ้งผลการรักษาเป็นระยะ
อาการทางจิตทุเลา
1 more item...
อาการทางจิตทุเลา
บทบาทพยาบาลกับงานนิติจิตเวช
บทบาทของพยาบาลกับงานนิติจิตเวช
ใช้การสังเกต และการบันทึกอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด และเป็นระยะๆ
เก็บข้อมูลของผู้ป่วยเป็นความลับ เว้นแต่เป็นเรื่องทางกฎหมาย
ในกรณีที่บริษัทประกันร้องขอข้อมูลของผู้ป่วย พยาบาลต้องแจ้งให้แพทย์เจ้าของไข้ทราบ
ในการณีผู้ป่วยจิตเวช พยาบาลควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยที่าจก่อให้เกิดอันตรายในอนาคต
บทบาทของพยาบาลกับการชันสูตรพลิกศพ
พยาบาลมีบทบาทที่ในการบำบัดรรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตใจ ติดตามผลการรักษาผู้ปวย นิติจิตเวช ประสานงานกับทีมนิติจิตเวช และพิทักษ์สิทธ์ของผู้ปวยโดยแหล่งนำส่งผู้ปวยนิติจิตเวช อาจเป็นญาติ ตํารวจ หน่วยงานราชการ ทนายหรือศาล
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวช และนิติจิตเวช
3.1 กฎหมายเกี่ยวกับความผิดทางอาญาของบุคคลวิกลจริต
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65
“ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
การพิจารณาความผิดทางอาญา
1) ไม่สามารถรู้ผิดชอบหมายถึงขณะประกอบคดีผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่รู้ว่าการกระทำของตนถูกหรือผิดดีหรือชั่วควรหรือไม่ควร
2) ไม่สามารถบังคับตนเองได้ หมายถึง ขณะประกอบคดี ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่สามารถห้ามจิตใจ มิให้ร่างกายทำการนั้นได้ อันเกิดจากโรคจิต จิตบกพร่อง หรือจิตฟั่นเฟือน
3.2 ความสามารถในการต่อสู้คดี หรือวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายมาตรา 14
การสอบสวนไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณาไว้จนกว่าผู้นั้นหายวิกลจริต หรือสามารถต่อสู้คดีได้ และให้มีอำนาจส่งตัว ผู้นั้นไปยังโรงพยาบาล โรคจิตหรือมอบให้แก่ผู้อนุบาล ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้อื่นเต็มใจรับไปดูแลรักษาตามแต่ จะเห็นสมควร
3.3 วิธีการเพื่อความปลอดภัย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 48
“ถ้าศาลเห็นว่าการปล่อยตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน ซึ่งไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับการลดโทษตามมาตรา 65 จะเป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ศาลจะสั่งให้ส่งตัวไปควบคุมไว้ในสถานพยาบาลก็ได้ และคำสั่งนี้ศาลจะเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้”
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 49
“ในกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษ หรือพิพากษามีความผิด แต่รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษบุคคลใด ถ้าศาลเห็นว่าเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ ศาลจะกำหนดในคำพิพากษาว่า บุคคลนั้นจะต้องไม่เสพย์สุรายาเสพติดให้โทษอย่างใดอย่างหนึ่ง
3.4 วิธีเพิ่มโทษ ลดโทษ และการรอการลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
“ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฎว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน ผู้นั้นหรือสภาพความผิดหรือเหตุอื่นอันควรปราณีแล้วเห็นเป็นการสมควร
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 57
“เมื่อความปรากฏแก่ศาลหรือความตามคำแถลงของพนักงานอัยการหรือเจ้าหนักงานว่า ผู้กระทำความผิด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังที่ศาลกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณี แต่ถ้าในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา 56 ศาลอาญาตักเตือนผู้กระทำความผิด
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58
“ถ้าภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้กระทำความผิด อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น จากการที่ถูกกำหนดโทษหรือถูกลงโทษในคดีนั้น แล้วแต่กรณี”
3.5 ความรับผิดชอบในทางอาญา
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 66
“ความมึนเมาเพราะเสพย์สุรา หรือสิ่งเมาอย่างอื่น จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวตามมาตรา 65 ถ้าผู้นั้นยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”
3.6 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 246
“ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อน จนกว่าเหตุอันสมควรทุเลาจะหมดไปในกรณีต่อไปนี้
1) เมื่อจำเลยวิกลจริต
2) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก
3) ถ้าจำเลยมีครรภ์แต่เจ็ดเดือนขึ้นไป
4)ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงเดือนในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้น ให้ศาลสั่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจัดให้บุคคลดังกล่าวแล้วอยู่ในสถานที่อันควร”
3.7 ความหมายเกี่ยวกับผู้ดูแล
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 373
“ผู้ใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริต ปล่อยปละละเลยให้บุคคลวิกลจริตนั้น อาจเที่ยวตามลาพังต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท”
3.8 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ป.พ.พ. มาตรา 29
“บุคคลวิกลจริตผู้ใด ถ้าภริยาสามีก็ดี ผู้บุพการีกล่าวคือ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวดก็ดี ผู้สืบสันดานกล่าวคือ ลูกหลาน เหลน ลื้อก็ดี ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ก็ดี หรือพนักงานอัยการก็ดี ร้องขอต่อศาลแล้วศาลจะสั่งให้บุคคลผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถก็ได้ คำสั่งอันนี้ให้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษา”
ป.พ.พ. มาตรา 30
“บุคคลผู้ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถนั้น ท่านว่าต้องจัดให้อยู่ในความอนุบาล”
ป.พ.พ. มาตรา 31
“การใด ๆ อันบุคคลผู้ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้ทำลงไปการนั้นท่านว่าเป็นโมฆียะ”
ป.พ.พ. มาตรา 32
“การใด ๆ อันบุคคลวิกลจริตได้ทำลง แต่หากบุคคลนั้นศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถไซร้ ท่านว่าการนั้นจะเป็นโมฆียะ ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าได้ทำลงในเวลาซึ่งบุคคลนั้นวิกลจริตอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วด้วยว่าผู้ทำเป็นคนวิกลจริต”
ป.พ.พ. มาตรา 429
“บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ต้องรับผิดในผลที่ตนละเมิดบิดา มารดา หรือผู้อนุบาลเช่นว่านี้ ย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร แก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น”
ป.พ.พ. มาตรา 430
“ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จาต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้น ๆ มิได้ระมัดระวังตามสมควร”
นางสาว สุรีรัตน์ พึงประสพ รุ่น 36/2 เลขที่ 46 รหัส 612001127