Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวชและนิติ จิตเวช, นางสาวชุติกาญจน์ พร้อมมูล …
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวชและนิติ จิตเวช
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวช และนิติจิตเวช
กฎหมายเกี่ยวกับความผิดทาง
อาญาของบุคคลวิกลจริต
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 65
ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่ สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิต ฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ถ้ากระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยัง สามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความ ผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
การพิจารณาความผิดทาง อาญา
1) ไม่สามารถรู้ผิดชอบหมาย ถึงขณะประกอบคดีผู้ต้องหา หรือจำเลยไม่รู้ว่าการกระทำ ของตนถูกหรือผิดดีหรือชั่วควร หรือไม่ควร
2) ไม่สามารถบังคับตนเองได้ หมายถึง ขณะประกอบคดี ผู้ ต้องหาหรือจำเลยไม่สามารถ ห้ามจิตใจ มิให้ร่างกายทำการ นั้นได้ อันเกิดจากโรคจิต จิต บกพร่อง หรือจิตฟั่นเฟือน
ความสามารถในการต่อสู้คดี
หรือวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายมาตรา 14
ในระหว่างทำการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณาถ้ามีเหตุควรเชื่อว่าผู้ ต้องหา หรือจำเลยเป็นผู้วิกลจริต และไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ให้พนักงานสอบสวน หรือศาลแล้วแต่กรณี สั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจผู้นั้นเสร็จแล้วให้เรียกพนักงาน แพทย์ผู้นั้นมาให้ถ้อยคำ หรือให้การว่าตรวจได้ผลประการใด ในกรณีที่พนักงานสอบสวน หรือศาลเห็นว่าผู้ต้องหา หรือจำเลยผู้วิกลจริต และไม่ สามารถต่อสู้คดีให้งดการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณาไว้จนกว่าผู้นั้นหาย วิกลจริต หรือสามารถต่อสู้คดีได้ และให้มีอำนาจส่งตัว ผู้นั้นไปยังโรงพยาบาล โรคจิตหรือมอบให้แก่ผู้อนุบาล ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้อื่นเต็มใจรับไปดูแล รักษาตามแต่จะเห็นสมควร
กรณีที่ศาลงดการไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณาดั่งบัญญัติไว้ในวรรคก่อนศาลจะสั่ง จำหน่ายคดีเสียชั่วคราวก็ได้”
หลักการพิจารณาความ
สามารถในการต่อสู้คดี
รู้ว่าตนเองต้องคดีอะไร
รู้ถึงความหนักเบาของโทษที่จะได้รับ
สามารถเล่ารายละเอียดของคดีได้
สามารถเข้าใจขั้นตอนการดำเนินคดี
สามารถให้ปากคำต่อกระบวนการ ยุติธรรมได้
สามารถร่วมมือกับทนายในการ ปกป้องสิทธิตนเองได้
วิธีการเพื่อความปลอดภัย
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 48
“ถ้าศาลเห็นว่าการปล่อยตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่น เฟือน ซึ่งไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับการลดโทษตามมาตรา 65 จะ เป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ศาลจะสั่งให้ส่งตัวไปควบคุมไว้ ในสถานพยาบาลก็ได้ และคำสั่งนี้ศาลจะเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 49
“ในกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษ หรือพิพากษามีความผิด แต่รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษบุคคลใด ถ้าศาลเห็นว่าเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ ศาลจะ กำหนดในคำพิพากษาว่า บุคคลนั้นจะต้องไม่เสพย์สุรายาเสพติดให้โทษอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างภายในระยะเวลาไม่เกินสองปี นับแต่วันพ้นโทษหรือวัน ปล่อยตัว เพราะรอ การกำหนดโทษหรือรอการลงโทษก็ได้
วิธีเพิ่มโทษ ลดโทษ และการ
รอการลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 56
“ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับ โทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ เมื่อเมื่อศาลใดคำนึง ถึงประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิดหรือเหตุอื่นอันควร ปราณีแล้วเห็นเป็นการสมควร ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิด แต่รอการ กำหนดโทษไว้หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวเพื่อให้โอกาส ผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาล พิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไข เพื่อคุมประพฤติของผู้นั้นหรือไม่ก็ได้
เงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำ
ผิดนั้นศาลจะกำหนดข้อเดียวหรือหลายข้อ ดังต่อไปนี้
1) ให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานที่ศาลระบุไว้ เป็นครั้งคราว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้สอบสวน
2) แนะนา ช่วยเหลือ หรือตักเตือนตามที่เห็นสมควรใน เรื่องความประพฤติและการประกอบอาชีพ
3) ให้ฝึกหัดหรือทางานอาชีพอันเป็นกิจลักษณะ
4) ให้ละเว้นการคบหาสมาคม หรือการประพฤติใด
อันอาจนาไปสู่การกระทำความผิดเช่นเดียวกันนั้นอีก
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 57
เมื่อความปรากฏแก่ศาลหรือความตามคำแถลงของพนักงานอัยการหรือ เจ้าหนักงานว่า ผู้กระทำความผิด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังที่ศาลกำหนดไว้ ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณี แต่ถ้าในเวลาที่ศาลได้ กำหนดตามมาตรา 56 ศาลอาญาตักเตือนผู้กระทำความผิด หรือ กำหนดการลงโทษที่ยังไม่ได้กำหนดหรือลงโทษ ซึ่งรอไว้นั้นก็ได้”
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 58
“ถ้าภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้กระทำ ความผิด อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และ ศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้นให้ศาลที่พิพากษาคดีหลัง กำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่ กรณีแต่ถ้าในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา 56 ผู้นั้นมิได้กระทำความผิด ดังกล่าวมาในวรรคแรกให้ผู้นั้นพ้นจากการที่ถูกกำหนดโทษหรือถูกลงโทษ ในคดีนั้น แล้วแต่กรณี”
ความรับผิดชอบในทางอาญา
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 66
“ความมึนเมาเพราะเสพย์สุรา หรือสิ่งเมาอย่างอื่น จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวตาม มาตรา 65 ไม่ได้ เว้นแต่ ความมึนเมานั้นจะได้เกิดโดยผู้เสพย์ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะ ทำให้มึนเมา หรือได้เสพย์โดยถูกขืนใจให้เสพย์และได้กระทำความผิดในขณะ ไม่สามารถรับผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ ผู้กระทำความผิดจึงจะได้ รับยกเว้นโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ถ้าผู้นั้นยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือ ยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ศาลจะลงโทษน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 246
ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการ บังคับให้จำคุกไว้ก่อน
จนกว่า เหตุอันสมควรทุเลาจะหมดไป ในกรณีต่อไปนี้
1) เมื่อจำเลยวิกลจริต
2) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึง
อันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก
3) ถ้าจำเลยมีครรภ์แต่เจ็ด เดือนขึ้นไป
4) ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงเดือน ในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้น ให้ศาล สั่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจัดให้ บุคคลดังกล่าวแล้วอยู่ในสถานที่อันควร”
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 248
“ถ้าบุคคลซึ่งต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต เกิดวิกลจริตก่อนประหารชีวิต ให้รอ การประหารชีวิตไว้ก่อนจนกว่าผู้นั้นจะหาย ขณะทุเลาการประหารชีวิตอยู่นั้น ศาลมี อำนาจยกมาตรา 46 วรรค (2) แห่งกฎหมายลักษณะอาญามาบังคับ ถ้าบุคคลวิกลจริตนั้นหายภายหลังปีหนึ่ง นับแต่วันพิพากษาถึงที่สุด ให้ลดโทษ ประหารชีวิตลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต”
ความหมายเกี่ยวกับผู้ดูแล
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 373
ผู้ใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริต ปล่อยปละ ละเลยให้บุคคลวิกลจริตนั้น อาจเที่ยวตามลา พังต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท”
ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์
ป.พ.พ. มาตรา 29
บุคคลวิกลจริตผู้ใด ถ้าภริยาสามีก็ดี ผู้บุพการีกล่าวคือ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวดก็ดี ผู้สืบสันดานกล่าวคือ ลูกหลาน เหลน ลื้อก็ดี ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ก็ดี หรือพนักงานอัยการก็ดี ร้องขอต่อศาลแล้วศาลจะสั่งให้บุคคลผู้นั้นเป็นคนไร้ความ สามารถก็ได้ คำสั่งอันนี้ให้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษา
ป.พ.พ. มาตรา 30
บุคคลผู้ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็น คนไร้ความสามารถนั้น ท่านว่า ต้องจัดให้อยู่ในความอนุบาล
ป.พ.พ. มาตรา 31
การใด ๆ อันบุคคลผู้ซึ่งศาล ได้สั่งให้เป็นคนไร้ความ สามารถได้ทำลงไปการนั้น ท่านว่าเป็นโมฆียะ”
ป.พ.พ. มาตรา 32
การใด ๆ อันบุคคลวิกลจริตได้ทำลง แต่หาก บุคคลนั้นศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ไซร้ ท่านว่าการนั้นจะเป็นโมฆียะ ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ ว่าได้ทำลงในเวลาซึ่งบุคคลนั้นวิกลจริตอยู่ และคู่ กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วด้วยว่าผู้ทำเป็นคน วิกลจริต”
ป.พ.พ. มาตรา 429
“บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือ วิกลจริตก็ต้องรับผิดในผลที่ตนละเมิดบิดา มารดา หรือผู้ อนุบาลเช่นว่านี้ ย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่ จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร แก่หน้าที่ ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
ป.พ.พ. มาตรา 430
ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จา ต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขา ได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหาก พิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้น ๆ มิได้ระมัดระวังตามสมควร”
ความหมายและความสำคัญ
จิตเวช
ความเจ็บป่วยทางจิต ความผิดปกติของ อารมณ์และบุคลิกภาพ
นิติเวช
การนำหลักทางการแพทย์ประยุกต์ใช้ เพื่อคลี่คลาย ข้อพิพาทและพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีความ
นิติจิตเวช
การนำหลักจิตเวชประยุกต์เพื่อประโยชน์ใน กระบวนการยุติธรรมและความสงบของสังคม
การวินิจฉัย และขั้นตอนในการ
ตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
การวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
พิจารณาวัตถุประสงค์ว่าส่วนตัวผู้ป่วย มาเพื่อต้องการทราบอะไร
การตรวจทางจิตเวชต้องทำอย่างละเอียด รอบคอบ โดยได้ข้อมูลจากทีมนิติจิตเวช
การรวบรวมข้อมูล
ส่วนที่เกี่ยวกับคดี
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บ ป่วยทางจิต
ขั้นตอนในการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
พิจารณาวัตถุประสงค์
ต้องกระจ่างในความมุ่งหมาย
พิจารณาจากใบส่งตัว เพื่อที่จะ ทราบว่าใคร
ขณะนี้คดีอยู่ชั้นไหน ส่งมาจากแหล่งใด ผู้ ป่วยต้องคดีอะไร ต้องการทราบอะไรบ้าง เมื่อใด
การตรวจทางจิตเวช
ต้องรีบทำอย่างละเอียด โดยการตรวจสภาพจิต ตรวจร่างกาย ตรวจทางระบบประสาท ตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ ทดสอบทางจิตวิทยา
การเฝ้าดูพฤติกรรม โดยทีมจิตเวช ได้แก่ จิตแพทย์ พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นัก อาชีวบำบัด และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
การรวบรวมข้อมูล
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อคดี โดยซักถามหรือขอข้อมูลจากผู้ใกล้ ชิด พฤติกรรมขณะประกอบคดีจากพยานบุคคล ตำรวจ หรือจาก พยานเอกสารอื่น ๆ
ข้อมูลที่เกี่ยวกับความเจ็บป่วยทางจิตเวช ตลอดจนการตรวจรักษา จากญาติ หรือจากเอกสารทางการแพทย์อื่น ๆ
วิเคราะห์ วินิจฉัย
รวมข้อมูลทั้งหมด ซึ่งการพิจารณาข้อ สรุปเพื่อการวินิจฉัยดำเนินการ
สรุปผลการวินิจฉัย
การวินิจฉัยทางคลินิก
การวินิจฉัยทางกฎหมาย
ขณะตรวจ วิกลจริต และ สามารถต่อสู้คดีได้หรือไม่
ขณะประกอบคดี สามารถรู้ผิดชอบ หรือบังคับตนเองได้หรือไม่
ความเห็นหรือข้อเสนอแนะ เช่น ภาวะอันตราย
การเตรียมตัวให้ปากคำต่อศาล
กระบวนการเกี่ยวกับนิติจิตเวช
รักษาตามขั้นตอน
อาการทุเลาลง
เเจ้งผลการรักษาเป็นระยะ
อาการจิตทุเลาลง
ส่งกลับสู่กระบวนการยุติธรรม
บทบาทของพยาบาลกับงาน นิติจิตเวช
บทบาทของพยาบาลกับงาน นิติจิตเวช
1) ใช้การสังเกต และการบันทึกอาการ ของผู้ป่วยอย่างละเอียด และเป็นระยะๆ
2) เก็บข้อมูลของผู้ป่วยเป็น ความลับ เว้นแต่เป็นเรื่องทาง กฎหมาย
3) ในกรณีที่บริษัทประกันร้องขอข้อมูลของผู้ ป่วย พยาบาลต้องแจ้งให้แพทย์เจ้าของไข้ ทราบ แพทย์อาจจะให้พยาบาลช่วยดำเนิน การในการรวบรวมข้อมูล จากนั้นให้ผนึกซอง ตีตราลับและส่งถึง ฝ่ายแพทย์ของบริษัท ประกันให้เร็วที่สุด
4) ในกรณีผู้ป่วยจิตเวช พยาบาลควรแจ้งให้ แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยที่อาจ ก่อนให้เกิดอันตราย ในอนาคต
ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาที่แก้ไขใหม่ (พ.ศ.2542) ได้ระบุว่าในกรณีมีผู้ถูกสัตว์ทำร้ายตาย และ ตายโดยอุบัติเหตุ ถ้าแพทย์ตามมาตรา 150 วรรคหนึ่งมีเหตุ จำเป็นไม่สามารถไปชันสูตรพลิกศพได้ แพทย์อาจมอบ หมายให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัด งานสาธารณสุขจังหวัด ที่ผ่านการอบรมทางนิติเวชศาสตร์ ไปร่วมชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุเบื้องต้น แล้วรีบรายงาน ให้แพทย์ทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการตามมาตรา 150 วรรคหนึ่งต่อไป
โดยในการนี้ กฎหมายได้กำหนดให้ต้องทำการ ชันสูตรพลิกศพในกรณีที่สงสัยว่ามีการตายโดยผิด ธรรมชาติหรือตายในระหว่างความควบคุมของเจ้า หน้าที่ (มาตรา 148) การตายโดยผิดธรรมชาติ ประกอบด้วย
การฆ่าตัวตาย (committed suicide)
ถูกผู้อื่นทำให้ตาย (homicide
ถูกสัตว์ทำร้ายตาย
ตายโดยอุบัติเหตุ (accident)
ตายโดยยังมิปรากฏเหตุ
(sudden & unexpected death)
หลักการเขียนรายงานการ ชันสูตรพลิกศพ
กรณีที่ได้รับมอบหมายให้เป็น
ผู้ไปชันสูตรแทนแพทย์
มีหลักการในการเขียนรายงาน ดังนี้
1) เขียนรายงาน ณ ที่เกิดเหตุ โดยมีการจดบันทึก เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั่วไป ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับศพ ความเห็นเกี่ยวกับศพ การดำเนินการเกี่ยวกับศพ
2) รายงานการผ่าศพชันสูตร ซึ่งเป็นตรวจสอบสภาพ ภายนอก / ภายในของศพนั้นๆ
3) การตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อดูพยาธิสภาพ
4) การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เพื่อดูสารในร่างกาย
5) การลงความเห็นในเรื่องเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย
หลักการเขียนรายงานการ ชันสูตรบาดแผล
ผู้ป่วยหรือแม้แต่ศพ อาจมีบาดแผลเกิดขึ้น ซึ่ง การชันสูตรและบันทึกเกี่ยวกับบาดแผลนั้น สามารถใช้เป็นพยานเอกสารได้ ดังนั้น สิ่งที่ พยาบาลต้องบันทึกคือ
1) ข้อเท็จจริง (จำนวน ชนิด ตำแหน่ง ขนาด สิ่งแปลก ปลอมที่พบในแผล ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ วิธี การรักษาพยาบาล และความผิดปกติที่เป็นผลจากการ บาดเจ็บ)
2) ความเห็นเกี่ยวกับแผล
หลักการเก็บรักษาวัตถุพยาน
พยาบาลจะต้องเข้าไปมีบทบาทในการจัดการกับ สิ่งของหรือทรัพย์สินที่มีติดตัวผู้ป่วยหรือศพมา หลักปฏิบัติ ในการเก็บรักษาสิ่งของหรือทรัพย์สิน ซึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นวัตถุพยาบาล คือ
1) รวบรวมวัตถุพยานหรือสิ่งที่
สงสัยว่าเป็นวัตถุพยาน
2) แยกหีบห่อ การบรรจุซอง เขียนรายละเอียด
3) ป้องกันการปลอมแปลงเจือปน หรือเสื่อมสภาพ
4) ส่งมอบวัตถุพยานด้วยความระมัดระวัง รัดกุม มีบันทึกการส่งมอบและผู้รับผิดชอบ
การบันทึกอาการและอาการ แสดง
การบันทึกอาการและอาการ สามารถถือเป็นพยาบาล เอกสารได้เช่นกัน พยาบาล ควรมีหลักในการบันทึกอาการ และอาการแสดง
1) บันทึกอย่างถูกต้อง ตรงตาม ความเป็นจริง กระชับ ชัดเจน ใช้การขีดฆ่าและเขียนชื่อ กำกับแทนการลบ
2) ต้องมีการสังเกตและบันทึก อาการ อาการแสดงเป็นระยะๆ
3) ในการบันทึกต้องระมัดระวัง การใช้ภาษา อย่าใช้อารมณ์ ในการเขียน
4) ควรเขียนให้สื่อความหมาย ในแง่การรักษาและกรณีที่เป็น พยานเอกสาร
5) พึงระลึกไว้เสมอว่าบันทึกอาการ และ อาการแสดงของผู้ป่วยเป็นเอกสารลับ และผู้ ป่วยสามารถขอดูได้ จึงไม่ควรเปิดเผย เอกสารนี้กับผู้อื่น ยกเว้นแพทย์ หรือในกรณี ที่ต้องที่ต้องมีการเปิดเผยตามข้อกำหนดของ ศาล
นางสาวชุติกาญจน์ พร้อมมูล
เลขที่30 ห้อง36/1