การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท
1.ชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)
การรักษา
ระยะที่กำลังมีอาการชัก
- กรณีที่มีการชักเกิน 5 นาที ต้องทำให้หยุดชักเร็วที่สุด โดยให้ยาระงับอาการชัก เช่น diazepam ทางหลอดเลือดดำหรือทางทวารหนัก
2.ให้ยาลดไข้ ร่วมกับ เช่น ตัวลดไข้ (เน้นขณะชักห้ามให้ยาชนิดรับประทาน)
ระยะหลังชัก
1.ซักประวัติตรวจร่างกายโดยละเอียด ให้ยาป้องกันการชัก รับประทานทุกวันนาน 1-2 ปี เช่น Phenobarbital , Depakine
2.โรคลมชัก (Epilepsy)
สาเหตุการชัก
- ได้รับอันตรายจากการคลอด2. พันธุกรรม3. Developmental and degenerative disorders4. โรคติดเชื้อของสมอง5. รอยโรคในสมองที่ทำให้เซลล์ประสาทหลั่งคลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ6. Metabolic และ Toxic etiologies
การรักษา
1.รักษาโดยการใช้ยาระงับอาการชักและยาป้องกันการชักซ้ำ 2.รักษาตามสาเหตุที่วินิจฉัยได้ เช่น ผ่าตัดเอารอยโรคที่สมองออกรักษาด้วยอาหาร Ketogenic diet คือการจัดอาหารสัดส่วนที่มีปริมาณไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ โปรตีนต่ำ 3.การฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
คำแนะนำ
- ให้เด็กรับประทานยากันชักต่อเนื่องทุกวันนาน อย่างน้อย 2 ปี ห้ามหยุดยาเอง แนะนำวิธีการป้องกันอุบัติเหตุขณะชัก
- มาตรวจตามนัดเพื่อแพทย์ประเมินอาการและปรับระดับยากันชักให้เหมาะสม
ชักจากการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมองMeningitis หรือเนื้อสมอง Encephalitis
3.เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
สาเหตุ
1.เชื้อแบคทีเรีย (Bacterial meningitis) 2.เชื้อไวรัส (Viral หรือ Asepitc meningitis) 3.พยาธิ (Eosinophilic meningitis) 4.เชื้อรา (Fungal memingitis)
Cerebrospinal fluid test
Pressure เด็กโต = 110-150 mmH2O ทารก 100 mmH2O
Red cells ไม่พบ White cell count ไม่พบ
Glucose 50-75 mg/dl(ครึ่งหนึ่งของน้ำตาลในเลือด)Protein 14-45 mg/dl
อาการและอาการแสดง
อาการติดเชื้อ
มีไข้ ปวดศีรษะมาก ซึมลง กระหม่อมโป่งตึง อาเจียน ชัก
อาการแสดงการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
- คอแข็ง (Stiffness of neck)2. Kernig’s sign ได้ผลบวก3. Brudzinski’s sign ได้ผลบวก
การรักษา
การรักษาเฉพาะ คือ ให้ยาปฏิชีวนะที่สอดคล้องกับผลการเพาะเชื้อน้ำไขสันหลังที่เป็นสาเหตุ
การรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ให้ยานอนหลับ ให้ยากันชัก ให้ยาลดอาการบวมของสมอง ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำรักษาภาวะไม่สมดุลย์สารน้ำและอิเล็คโทรลัยท์อาจต้องเจาะคอหรือใช้เครื่องช่วยหายใจในรายที่มีปัญหาการหายใจหรือหมดสติ
การป้องกัน ควรฉีดวัคซีน เช่น Hib vaccine , JE vaccine,BCG
4.สมองอักเสบ (Encephalitis)
สาเหตุ
- เชื้อไวรัส2. เชื้อแบคทีเรีย3. เชื้อรา4. เชื้อปาราสิต5. ปฏิกิริยาต่อวัคซีน เช่น วัคซีนป้องกันโรคไอกรน หรือวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
อาการและอาการแสดง
- ไข้สูง 2.ปวดศรีษะ 3. ปวดบริเวณต้นคอ คอแข็ง (Stiffness of neck)4. ซึมลง จนถึงขั้นโคม่าได้ภายใน 24 – 72 ชั่วโมง 5. ชัก มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ6. กระสับกระส่าย อารมณ์ผันแปร เพ้อ คลั่ง อาละวาด7. การหายใจไม่สม่ำเสมอ
การรักษา
ให้ออกซิเจน, เจาะคอ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจการให้ยา ระงับชัก ลดอาการบวมของสมอง นอนหลับ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำรักษาสมดุลของปริมาณน้ำเข้า – ออก ของร่างกาย
5.โรคไข้สมองอักเสบ Japanese encephalitis (JE)
อาการและอาการแสดง
เริ่มด้วยมีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ต่อไปอาการปวดศีรษะจะมากขึ้น มีอาการอาเจียน ง่วงซึมจนไม่รู้สึกตัว บางรายอาจมีอาการเกร็งชักกระตุกด้วย อาจมีอาการหายใจไม่สม่ำเสมอ ในรายที่เป็นรุนแรงมากจะถึงแก่กรรมประมาณวันที่ 7-9 ของโรค ถ้าพ้นระยะนี้แล้วจะผ่านเข้าระยะฟื้นตัว และมักจะมีความพิการเหลืออยู่
การรักษา
ต้องให้การดูแลรักษาเฉพาะใน Intensive care unit ให้ยาลดไข้ ลดการบวมของสมอง ระงับอาการชัก ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยการดูดเสมหะบ่อยๆ ถ้ามีเสมหะมากอาจต้องทำ tracheostomy บางครั้งจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
การป้องกัน
การป้องกัน1) หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยุงกัด ยุงนี้จะกัดเวลาพลบค่ำ 2) ไม่ควรเลี้ยงหมูในบริเวณใกล้บ้านที่อยู่อาศัย 3) ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 2-4 wk แล้วฉีดครั้งที่ 3 หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ได้ 1 ปี ควรจะเริ่มให้วัคซีนนี้พร้อมกับการให้ booster dose DTP และ OPV
การให้คำแนะนำและเตรียมความรู้แก่บิดา
แนะนำวิธีการปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีไข้
แนะนำวิธีปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยเกิดอาการชัก
แนะนำการดูแลให้ยากันชัก และผลข้างเคียงของยา
หลักการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการชัก
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ตะแคงหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยสำลักเสมหะ น้ำลาย ไม่ผูกรัดหรือตรึงผู้ป่วย ขณะชักเพื่อป้องกันกระดูกหัก
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดูดเสมหะ
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตรงตามแผนการรักษาในรายที่หายใจขัด เขียว
ขณะชักให้งดอาหาร น้ำ ทางปาก ตามแผนการรักษา
เตรียมไม้กดลิ้นไว้ที่โต๊ะข้างเตียงในรายที่มีอาการชักเกร็ง
ถ้าผู้ป่วยมีไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำธรรมดา หรือน้ำอุ่น เพื่อให้ไข้ลด ถ้าไข้ไม่ลด รายงานแพทย์ทราบเพื่อให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยากันชัก ยาคลายกล้ามเนื้อตรงตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาระงับอาการชักตรงตามแผนการรักษาในรายที่มีอาการชักนาน
ขณะที่ผู้ป่วยชัก ควรป้องกันอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุ
ช่วยแพทย์ในการเตรียมตรวจ และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตามแผนการรักษา
ให้การพยาบาลผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวล และจัดสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้เงียบและอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ภายหลังให้การพยาบาลยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้ง และจัดสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขณะชัก
สังเกตและบันทึกลักษณะการชัก และระดับความรู้สึกตัวขณะชัก
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ อย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
6..โรคสมองพิการ(Cerebral Palsy)
คือ
ปัญหาการเคลื่อนไหว เนื่องจากความผิดปกติในการทำงานของสมองทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆ อย่างเป็นปกติได้ โดยเกิดขึ้นก่อนอายุ 8 ปี
สาเหตุ
ระยะก่อนคลอด
ระยะคลอด
ระยะหลังคลอด
การมีเลือดออกทางช่องคลอดของมารดาช่วงระหว่างการตั้งครรภ์เดือนที่6-9 มารดาขณะตั้งครรภ์ขาดสารอาหาร มารดามีภาวะชักหรือมีภาวะปัญญาอ่อน การเกิดก่อนกำหนด การเกิดน้ำหนักตัวน้อย มารดาขณะตั้งครรภ์มีการใช้ยาบางชนิดทำให้สมองเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ มารดาได้รับอุบัติเหตุหรือเกิดการติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
เป็นสาเหตุของสมองพิการร้อยละ 30 ได้แก่ สมองขาดออกซิเจน ได้รับอันตรายจากการคลอด คลอดยาก รกพันคอ คลอดท่าก้น การใช้คีมดึงเด็ก
สาเหตุของสมองพิการร้อยละ 5 ได้แก่ การได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ตัวเหลืองเมื่อแรกเกิด เส้นเลือดที่สมองมีความผิดปกติ การขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ การติดเชื้อบริเวณสมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีที่สมอง เป็นต้น การได้รับสารพิษ เช่น สารตะกั่ว ยาฆ่าแมลง
อาการและอาการแสดง
ลักษณะอ่อนปวกเปียก อาจหายใจช้า พัฒนาการช้า เช่น การดูด การกลืน การเคี้ยว ทำให้สำลักนมหรืออาหารได้ง่าย รีเฟล็กซ์ผิดปกติ เป็นค้น การเคลื่อนไหวกับสมดุลของร่างกายมีความผิดปกติถ้าสมอง ส่วนที่เสียนั้นควบคุมการทรงตัว ภาวะปัญญาอ่อนตั้งแต่ขนาดน้อยถึงมาก พูดไม่ชัดเจน
การรักษา
- การให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ diazepam,baclofen 2. การทำกายภาพบำบัดของกล้ามเนื้อแขน ขา หรือลำตัว 3. การให้ early stimulation เพื่อให้สมองส่วนต่างๆที่ไม่มีความเสียหายได้พัฒนา4. การแก้ไขความผิดปกติของการรับรู้ที่สำคัญ5. การแก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น6. การให้คำแนะนำผู้ปกครองในการดูแลเด็กในชีวิตประจำวันและส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตามความสามารถและศักยภาพอย่างเหมาะสม
7.ภาวะน้ำคั่งใน โพรงสมองHydrocephalus
คือ
ภาวะที่มีการคั่งของน้ำไขสันหลังในกะโหลกศีรษะบริเวณเวนติดเคิล ( ventricle) ของสมองและ subarachnoid space มากกว่าปกติน้ำไขสันหลังที่คั่งในปริมาณมากจะทำให้เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น
สาเหตุ
1.การสร้างหรือการผลิตน้ำไขสันหลังมากผิดปกติ 2. การอุดกั้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง3. ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสันหลัง
อาการและอาการแสดง
- ศรีษะโต/ หัวบาตร (cranium enlargement)2. เด็กเล็กที่กระหม่อมยังไม่เปิดพบว่ากระหม่อมหน้าโป่งตึงกว่าปกติ(fontanelle bulging )3 หนังศีรษะบางและมองเห็นหลอดเลือดดำที่บริเวณใบหน้าหรือศรีษะโป่งตึงเห็นชัดมากกว่าปกติ(enlargement & engorgement of scalp vein)4.เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก (macewensige Cracked pot sound)5 อาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูง signs of increase intracranial pressure )6. ตาทั้ง 2 ข้างกรอกลงข้างล่าง setting -sun sign7 ตาพล่ามัว เห็นภาพซ้อน(diplopia)8 รีเฟลกซ์ และ tone ของขา2 ข้าง ไวกว่าปกติ(hyperactive reflex)9 กลิ่มเนื้ออ่อนแรง10พัฒนาการทั่วไปช้ากว่าปกติ(delay developement)11 การเจริญเติบโตและพัฒนาการช้าสติปัญญาต่ำกว่าปกติหรือปัญญาอ่อน(mental retardation
การรักษา
ผ่าตัดรักษาสาเหตุผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำไขสันหลัง (Shunt)- Ventriculo-peritoneal Shunt (V-P Shunt)
การให้ยาลดการสร้างน้ำไขสันหลัง (Diamox)
ปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดใส่ Shunt
ปัญหาที่ 1 อาจเกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูงจากการคั่งของน้ำไขสันหลัง
การพยาบาล 1.ประเมินอาการความดันในกระโหลกศีรษะสูง 2.วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวันเวลาเดียวกัน 3.จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา
ปัญหาที่ 2 อาจเกิดแผลกดทับบริเวณศีรษะ
การพยาบาล 1.จัดให้นอนบนที่นอนนุ่มๆ ใช้หมอนนุ่มรองศีรษะไหล่ 2.เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ 3.รักษาความสะอาดของผิวหนังจัดปูที่นอนให้เรียบตึง 4.ตรวจสอบประเมินการเกิดแผลกดทับสม่ำเสมอ
ปัญหาที่ 3 อาจเกิดภาวะขาดสารน้ำและอาหารเนื่องจากการสำรอกอาเจียนหรือดูดนมได้น้อย การพยาบาล 1.ดูแลให้รับนมน้ำครั้งละน้อยๆโดยแบ่งให้บ่อยครั้ง 2ขณะให้นมอุ้มท่าศีรษะสูงเสมอ 3.หลังให้นมจับเรอไล่ลม
กลุ่มอาการดาวน์ (Down ’s syndrome)
คือ
ความผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที่ 21 และเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มโรคพันธุกรรมที่ทำให้เกิดปัญญาอ่อน อุบัติการณ์ ประมาณ 1:1,000 มีโอกาสเสี่ยงจะสูงขึ้นถ้ามารดามีอายุมากกว่า 30 ปี และจะสูงขึ้นชัดเจนมากถ้าอายุมากกว่า 35 ปี และบิดามารดาของผู้ป่วยจะมีโครโมโซมปกติ
อาการและอาการแสดง
-กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก (hypotonia) -หัวแบนกว้าง (brachiocephaly) -คอสั้นและผิวหนังด้านหลังของคอค่อนข้างมากและนิ่ม -หูติดอยู่ต่ำ -brush field spot -ปากอ้าและลิ้นมักจะยื่นออก และมีรอยแตกที่ลิ้น-มือกว้างและสั้น มักจะมี simian crease-นิ้วก้อยโค้งงอ(clinodactyly)-ร่องระหว่างนิ้วโป้งเท้าและนิ้วชี้กว้าง-เส้นลายนิ้วมือมักพบ ulnar loopมากกว่าปกติและพบ distal triradius ในฝ่ามือ -ปัญญาอ่อน IQ เฉลี่ย 25-50 -ทางเดินอาหารอุดตัน ที่พบบ่อยคือ duodenum stenosis-Hypothyroidism-ร่างกายเจริญเติบโตช้า-Polycythemia-ความผิดปกติเกี่ยวกับตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ตาเข สายตาสั้น-ความผิดปกติเกี่ยวกับตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ตาเข สายตาสั้น-อวัยวะเพศของผู้ชายอาจเล็กกว่าปกติ พัฒนาการทางเพศช้า-หัวใจพิการแต่กำเนิด-การติดเชื้อ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจเกิดง่ายกว่าเด็กทั่วไป
การรักษา
การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตามวัยตั้งแต่อายุยังน้อย(early stimulation)การรักษาโรคทางกายอื่นๆที่มีร่วมด้วย คือ โรคหัวใจ ระบบทางเดินอาหารอุดกั้น ภาวะฮัยโปไทรอยด์และอื่นๆการให้คำปรึกษาแนะนำด้านพันธุกรรม
Guillain Barre ‘s Syndrome
เกิดจาก
การบวมอักเสบของระบบประสาทส่วนปลายหลายๆเส้นอย่างเฉียบพลัน (Polyradiculoneuropathy) ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการติดเชื้อในร่างกาย
สาเหตุ
เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยมีการสร้างแอนติบอดีย์ต่อ Myelin sheath ของเส้นประสาทไขสันหลัง ส่วนที่เป็น spinal nerve roots ทำให้ไขสันหลังไม่สามารถติดต่อสั่งงานมายังกล้ามเนื้อได้ตามปกติ
อาการและอาการแสดง
2.motor กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Flaccid motor paralysis) ทั้งสองข้างสมดุลกัน อาการอัมพาตใน GBS จะเริ่มต้นที่ขา เดินลำบาก และจะลุกลามขึ้นที่แขนและลำตัวด้านบน รวมไปถึงกล้ามเนื้อทรวงอก แขนทั้งสองข้าง ในรายที่ไม่รุนแรงอาจเกิดแค่ปลายเท้าตกเท่านั้น เมื่อมีการลุกลามไปที่กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจทำให้หายใจล้มเหลว
- อาการของประสาทสมอง โดยเฉพาะส่วนใบหน้า ประสาทสมองคู่ที่ 7 (Facaial nerve) พบความผิดปกติบ่อยที่สุด มีอัมพาตของหน้า ปิดตา และปากไม่สนิท ความผิดปกติของการแสดงสีหน้า ถ้ามีความผิดปกติเส้นประมาทคู่ที่ 7 (Facial nerve),9 (Glossophryngeal nerve) , และคู่ที่ 10 (Vagus nerve) ผู้ป่วยจะมีอาการกลืน พูด และหายใจลำบาก
- อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ ส่วน medulla oblongata ที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญและเส้นประสาท vagus เกิดความผิดปกติร่วมด้วยจะเกิดอาการผิดปกติในระบบประสาทอัตโนมัติซึ่งถือเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ป่วย GBS ได้แก่ การเต้นหัวใจผิดจังหวะ ความดันโลหิตไม่คงที่ หัวใจเต้นช้าหรือเร็ว หน้าแดง เหงื่อออก ปัสสาวะคั่ง และท้องอืดจาก paralytic ileus
- Sensation เริ่มมีอาการเหน็บชา เจ็บ และปวดโดยเฉพาะปลายแขนปลายขา ไหล่ สะโพก และโคนขา อาการอาจเริ่มด้วยอาการคล้ายเป็นตะคริวที่ส่วนปลาย และอาจรุนแรงต้องให้ยาแก้ปวด แล้วจึงมีอาการอ่อนแรง ชา สูญเสีย reflex
การรักษา
การรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา (Plasma Exchange หรือ Plasmapheresis)
การรักษาด้วย Intravenous Immunglobulin (IVIG) เป็นการรักษาที่สะดวกและง่ายกว่า และมีความเสี่ยงน้อยกว่าการแลกเปลี่ยนพลาสม่า แต่มีข้อเสียคือราคาแพงและมีโอกาสกับเป็นซ้ำได้มากกว่า plasmapheresisการรักษาแต่เนิ่นๆ ภายใน2-4 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีอาการครั้งแรกจะสามารถช่วยชีวิตได้เร็วขึ้น
หลักการพยาบาลในระยะเฉียบพลันและต่อเนื่อง
Check vital sign โดยเฉพาะ RR ต้องมีการตรวจวัด vital capacity , tidal volume หรือ minute volume
ให้ออกซิเจน ถ้ามีภาวการณ์หายใจไม่พอจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจพร้อมเครื่องช่วยหายใจ
ติดตามประเมินการเคลื่อนไหว กำลังของกล้ามเนื้อ การรับรู้สัมผัส สภาวะของmotor sensory และ cranial nerve ช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพ Observe อาการแทรกซ้อนจากการจำกัดการเคลื่อนไหว
ดูแลปัญหาการขาดสารอาหาร เนื่องจากผู้ป่วยจะมีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ต้องการพลังงานในการหย่าเครื่องช่วยหายใจ ทำให้ได้รับอาหารไม่เพียงพอ
สังเกตอาการปวดตามกล้ามเนื้อ
ประคับประคองด้านจิตใจ ส่งเสริมการมองโลกในแง่ดีสำหรับผู้ป่วย
Spina bifida
การวินิจฉัย
มารดามีประวัติติดเชื้อขณะตั้งครรภ์การตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบ Alphafetoprotien ในน้ำคร่ำสูง การตรวจร่างกายทารกพบความผิดปกติ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
มีโอกาสติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ง่ายจากการปนเปื้อนปัสสาวะ อุจจาระ
การพยาบาล1.จัดท่านอนตะแคงหรือคว่ำ ไม่นุ่งผ้าอ้อม 2.ดูแลทำความสะอาดแผล 3.ดูแลให้ยาAntibiotic/chek v/s
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
การพยาบาล 1.ตรวจสอบสัญญาณชีพ อาจทุก 2-4 hr 2.เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus 3.เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus 4.วัดเส้นรอบศีรษะทุกวันเพื่อประเมินภาวะHydrocephalus 5. บริหารแขนขา/ เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
อาจเกิดาการติดเชื้อเนื่องจากถุงน้ำแตก
การพยาบาล 1.จัดท่านอนหรือตะแคงคว่ำ 2.ไม่นุ่งผ้าอ้อม 3.ดูแลถุงน้ำให้ชุ่มชื้น ระวังไม่ให้เกิดแผล 4.หมั่นตรวจสอบการฉีกขาด รั่ว 5.ประเมินการติดเชื้อ
อาจมีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะเนื่องจากการคั่งของน้ำปัสสาวะ
การพยาบาล 1. ทำ Crede’manuever ทุก 2-4 hr2.ทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย3.ให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
มีกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงจากการกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง การพยาบาล 1.ทำ Passive Exercise ให้ผู้ป่วย 2.สอนผู้ปกครองในการกระตุ้นการ เคลื่อนไหวของผู้ป่วย 3. สังเกตอาการอ่อนแรงของแขนขาการควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
นางสาวธิดาพร นุษศิริ รุ่น36/1 เลขที่49
รหัสนักศุกษา612001050