Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 การป้องกันและการควบคุม การติดเชื้อ, นายศราวุฒิ เป็งมูล…
บทที่ 1
การป้องกันและการควบคุม การติดเชื้อ
1.1 วงจรการติดเชื้อ
การติดเชื้อ (Infection)
เป็นปฏิกิริยาของร่างกาย (Host interaction) ที่เกิดขึ้นเมื่อมีเชื้อโรค(Microorganisms) เข้าสู่ร่างกาย
เชื้อจะแบ่งตัวในร่างกายอย่างมาก
ทําให้หน้าที่ของร่างกายผิดปกติ
Immune response
ไม่มีอาการและอาการแสดงของโรค
Inapparent infection
มีอาการของโรค
ปรากฏให้เห็น
Infectious disease
1.1.1 เชื้อก่อโรค (Infectious agent)
1) แบคทีเรีย
Salmonella
โรคกระเเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเฉียยบพลัน
Clostridium tetani
บาดทะยัก
2) โปรโตซัว
Entamoeba histolytica
โรคบิด
3) เชื้อรา
Candida albicans
Canduda glabrata
4) ไวรัส
เชื้อหัด
อีสุกอีใส
เริม
ไข้หวัดใหญ่
Corona virus
5) พยาธิ
พยาธิเส้นด้าย (พบมากในเด็ก)
พยาธิใบไม้ในตับ
1.1.2 แหล่งกักเก็บเชื้อโรค (Reservoir)
แหล่งของเชื้อโรคเป็นที่ให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและมีการขยายตัว
คนหรือสัตว์ที่มีเชื้อก่อโรคอยู่ในตัวและตนเองไม่เกิดโรค แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่นได้เรียกว่า Carrier
1.1.3 ทางออกของเชื้อ (Portal of exit)
เชื้อจุลชีพออกจากร่างกายของคน
ซึ่งเป็นโรคได้หลายทาง
ระบบทางเดินหายใจ
เชื้อออกทางระบบสืบพันธุ์
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ผิวหนัง
สายสะดือ
1.1.4 หนทางการแพร่กระจายเชื้อ (Mode of transmission)
การสัมผัส
การหายใจ
การแพร่กระจายโดยมีตัวนํา
1.1.5 ทางเข้าของเชื้อ (Portal of entry)
โดยการหาทางเข้าไปในร่างกายมนุษย์ใหม่ (Host) โดยมากทางเข้ามักเป็นทางเดียวกับที่ออกมา
1.1.6 ความไวในการรับเชื้อของบุคคล (Susceptible host)
บุคคลติดเชื้อง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับลักษณะของเชื้อจุลชีพ ธรรมชาติของเนื้อเยื่อที่รับเชื้อ สุขภาพทั่วไปของแต่ละบุคคล ภูมิคุ้มกันโรค
1.2 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
1.2.1 ความเครียด (Stress)
มีความไวต่อการติดเชื้อได้ง่าย
1.2.2 ภาวะโภชนาการ
บุคคลที่ได้รับอาหารครบถ้วนความไวต่อการติดเชื้อจะน้อยกว่าคนที่ขาดอาหาร
โปรตีนเป็นสารอาหารที่ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อ
1.2.3 ความอ่อนเพลีย
พักผ่อนไม่เพียงพอจะติดเชื้อง่าย
1.2.4 ความร้อนหรือเย็น
ความร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไปมีความไวต่อการติดเชื้อ
ลดการเคลื่อนไหวของขนอ่อนในระบบทางเดินหายใจ
ลดจํานวนเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อพื้นผิว
กดการสร้างแอนติบอดี
1.2.5 โรคภูมิแพ้หรือโรคเรื้อรัง
มีความต้านทานต่ำกว่าคนปกติ
1.2.6 เพศ
โรคบางชนิดพบมากในแต่
ละเพศไม่เท่ากัน
1.2.9 การรักษาทางการแพทย์บางชนิด
การฉายรังสี มีการทําลายเนื้อเยื่อบริเวณนั้น
1.2.7 กรรมพันธุ์
บางคนขาดสาร Immunoglobulin ซึ่งเป็นตัวการสําคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
1.2.8 อายุ
เด็กมีความไวต่อการติดเชื้อง่ายกว่าผู้ใหญ่
คนสูงอายุมีภูมิต้านทานน้อยกว่า
1.2.10 อาชีพ
คนเลี้ยงนกพิราบมีโอกาสติดเชื้อไวรัส H1N1
1.3 การติดเชื้อในโรงพยาบาล
ความหมาย
1.ผู้ป่วยได้รับเชื้อจุลชีพขณะอยู่ในโรงพยาบาล
2.ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
1.3.1 องค์ประกอบของการติดเชื้อในโรงพยาบาล
1) เชื้อโรค
ส่วนใหญ่เป็นเชื้อประจําถิ่น
หรือเชื้อที่พบบนร่างกายผู้ป่วยเอง
เชื้อก่อโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลที่พบมากที่สุด
เชื้อแบคทีเรียแกรมลบทรงแท่ง
ดื้อต่อยาปฏิชีวนะในอัตราสูง
เชื้อ MRSA
Pseudomonas aeruginosa
2) คน
ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ
3) สิ่งแวดล้อม
อาคาร สถานที่ เครื่องมือ เครื่องใช้ บุคลากรในโรงพยาบาล และญาติที่มาเยี่ยม
1.3.2 การแพร่กระจายเชื้อ
1.Contact transmission
Indirect–contact transmission
อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อก่อโรค
เครื่องช่วยหายใจ
Direct–contact transmission
มีการสัมผัสกันโดยตรงระหว่างคนต่อคน
การทําแผล
2.Droplet spread
สัมผัสกับฝอยละอองน้ํามูกน้ำลายที่มีเชื้ออยู่
Ebora, Mers
3.Airborne transmission
โดยการสูดหายใจเอาเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
เชื้อสุกใส เชื้อวัณโรค งูสวัด
4.Vehicle transmission
เกิดจากการที่มีเชื้อจุลชีพปนเปื้อนอยู่ในเลือด
ผลิตภัณฑ์ของเลือด อาหาร น้ํา ยา สารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดําแก่ผู้ป่วย
5.Vector-Borne transmission
เป็นการแพร่กระจายเชื้อโดยแมลง หรือสัตว์นําโรค
การถูกยุงที่มีไวรัสเด็งกี่กัด
1.4 การทําลายเชื้อ และการทําให้ปราศจากเชื้อ
1.4.1 การทําลายเชื้อ (Disinfection)
1) การล้าง
สวมถุงมือยาง ผ้ากันเปื้อน และแว่นป้องกันตา
2) การต้ม
เป็นวิธีการทําลายเชื้อที่ดีที่สุดต้มเดือดนาน 20 นาที
3) การใช้สารเคมี
เป็นวิธีการสุดท้ายที่จะใช้ถ้าไม่มีวิธีอื่น
4) การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ
(1) Normal hand washing ใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลว
(2) การล้างมือก่อนทําหัตถการด้วย Chlorhexidine 4% หรือ Iodophor 7.5% อย่างน้อย 5 นาที
(3) การเตรียมผิวหนัง
เพื่อการฉีดยาใช Alcohol 70%
ผ่าตัดเล็กใช้ Alcohol 70% หรือ Tr.iodine 2%
ผ่าตัดใหญ่ใช้ฟอกให้เป็นบริเวณกว้างด้วย Chlorhexidine 4%
(4) การทําแผล ล้างแผลให้สะอาดด้วย Steriled normal saline ถ้าแผลสกปรก
เช็ดผิวหนังรอบ ๆ แผลด้วย Alcohol 70%
(5) การทําความสะอาดฝีเย็บก่อนคลอดใช้ Cetrimide15% + Chlorhexidine 1.5% เจือจาง 1:100
(6) การสวนล่างช่องคลอดใช้ Cetrimide 15% + Chlorhexidine 1.5% เจือจาง1:100
(7) การทาช่องคลอดก่อนผ่าตัดใช้ Iodophor 10%
ระดับการทําลายเชื้อ ได้เป็น 3 ระดับ
การทําลายเชื้อระดับสูง (High-level disinfection)
สามารถทําลายจุลชีพก่อโรคได้
ทุกชนิด รวมทั้งสปอร์ของเชื้อแบคทีเรีย
Glutaraldehyde, Chlorine dioxide, Hydrogen peroxide และ Peracetic acid
การทําลายเชื้อระดับกลาง (Intermediate-level disinfection)
สามารถทําให้เชื้อ Mycobacterium tuberculosis แต่ไม่สามารถทําลายสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้
แอลกอฮอล์ (70-90% Ethanol), Chlorine compounds, Phenolic และ Pasteurization
การทําลายเชื้อระดับต่ํา (Low-level disinfection)
สามารถทําลายเชื้อแบคทีเรียเชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิด แต่ไม่สามารถทําลายเชื้อที่มีความคงทน
Quaternary ammonium compounds, Iodophors หรือ Phenolic
1.4.2 การทําให้ปราศจากเชื้อ (Sterilization)
1) วิธีการทางกายภาพ (Physical method)
(1) การใช้ความร้อน
การเผา (Incineration)
การใช้ความร้อนแห้ง (Dry heat)
การต้ม (Boiling)
การใช้ความร้อนชื้น (Moist heat)
3) วิธีการทางเคมี
(1) การใช้แก๊ส
Ethylene oxide gas (EO)
Formaldehyde ที่ความเข้มข้น 37%
(2) การใช้ High-level disinfectant
(2) การใช้รังสี (Ionizing radiation)
การใช้รังสีคลื่นสั้นในการทําให้อุปกรณ์ปราศจาก
เชื้อเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ
การห่ออุปกรณ์
ทุกห่อต้องเขียน วัน เดือน ปี ที่ได้รับการทําให้ปราศจากเชื้อและ
วันหมดอายุด้วย
Shelf life ได้นานเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและความหนาของวัสดุที่ใช้ห่ออุปกรณ์
วิธีเก็บรักษา
เก็บไว้ในตู้มีฝาปิดมิดชิด
เก็บไว้ในที่แห้ง ห่างจากอ่างล้างมือ
เก็บไว้ในปริมาณพอเหมาะ
วัสดุปราศจากเชื้อห่อพลาสติกหรือกระดาษ
วัสดุที่ห่อและทําให้ปราศจากเชื้อในสถานพยาบาล
1.5 การควบคุม การแพร่กระจายเชื้อ
1.5.1 Standard precautions
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากเลือด สารน้ําของร่างกายสารคัดหลั่งทุกชนิด และสารขับถ่าย ยกเว้นเหงื่อ
การปฏิบัติตามหลัก Standard precautions
1) ล้างมือให้สะอาด
การล้างมือธรรมดาวิธีการ 7 ขั้นตอน
การล้างมือภายหลังสัมผัสผู้ป่วย ฟอกด้วยน้ํายาทําลายเชื้อ เช่น Hibiscrub
การล้างมือก่อนทําหัตถการ ทําลายเชื้อหรือทําลายจุลชีพซึ่งอยู่ชั่วคราวบนมือ
การใช้ Alcohol hand rub ทดแทนการล้างมือในกรณีเร่งด่วน
2) สวมเครื่องป้องกัน
(1) ถุงมือ มี 2 ประเภท
ถุงมือปราศจากเชื้อ ใช้เมื่อจะหยิบ จับ เครื่องมือที่ปราศจากเชื้อ
ถุงมือสะอาด ใช้เมื่อจะหยิบ จับ สิ่งของสกปรก
(2) เสื้อคลุม
เช่น การอุ้มเด็กที่มีแผลพุพองตามลำตัว
(3) ผ้าปิดปากและจมูก
3) หยิบจับอุปกรณ์ที่มีคมที่ใช้กับผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง
4) ทําความสะอาดสิ่งแวดล้อมที่เปื้อนเลือดหรือสารคัดหลั่งอย่างถูกวิธี
5) บรรจุผ้าเปื้อนในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น
6) ทําความสะอาดและทําลายเชื้อ หรือทําให้ปราศจากเชื้ออุปกรณ์การแพทย์ทุกชิ้นที่ใช้กับผู้ป่วยแล้ว
1.5.2 Transmission-base precautions
การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อที่ทําให้
เกิดโรคตามทางที่เชื้อออกจากตัวผู้ป่วย
1) Airborne precautions
(1) แยกผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อไว้ในห้องแยกพิเศษ
(2) ผู้ป่วยด้วยโรคเดียวกัน จัดให้อยู่ห้องเดียวกันได้
3) อากาศภายในห้องแยกควรถูกดูดออกภายนอกโดยตรง
(4) ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยต้องใส่ผ้าปิดปาก-จมูก ชนิด N95
(5) จํากัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
3) Contact precautions
(1) สวมถุงมือเมื่อให้การดูแลผู้ป่วย
(2) ถอดถุงมือและล้างมือด้วยสบู่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนออกจากห้องผู้ป่วย
3) สวมเสื้อคลุม หากคาดว่าอาจสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง หนอง อุจจาระของผู้ป่วย
(4) เคลื่อนย้าย ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิด
การแปดเปื้อนอนเชื้อในสิ่งแวดล้อม
(5) หากสามารถทําได้ควรแยกอุปกรณ์ชนิด Non-critical items สําหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ
2)Droplet precautions
1) แยกผู้ป่วยไว้ในห้องแยก
(2) ผู้ป่วยด้วยโรคเดียวกัน จัดให้อยู่ห้องเดียวกันได้
(3) ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยหรือดูแลผู้ป่วยต้องใส่ ผ้าปิดปาก-จมูก
(4) จํากัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ
1) กําจัดเชื้อโรค แหลงของเชื้อโรคอาจจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรืออาคารสถานที่
2) ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันโรคน้อย ควรจะแยกจากแหล่งของเชื้อโรค
3) สิ่งแวดล้อม อาคาร สถานที่ ควรให้สะอาดและแห้ง
(1) การทําลายขยะ
2) การแยกขยะในโรงพยาบาล
4) การทําลายเชื้อและการทําให้ปราศจากเชื้อต้องกระทําอย่างถูกต้อง
5) การใช้ยาต้านจุลชีพอย่างถูกต้องและมีนโยบายที่แน่นอน
6) การเฝ้าระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาล
7) การติดเชื้อของบุคลากรในขณะปฏิบัติงานในโรงพยาบาล
ถูกเข็มตําหรือของมีคมบาด
มือมีบาดแผล
เลือดหรือสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าตา ปาก จมูก
1.6 กระบวนการพยาบาลในการป้องกัน
และควบคุมการติดเชื้อ
โดยยึดหลักปฏิบัติ
Aseptic technique
1.6.1 การประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของผู้ป่วย
การซักประวัติและตรวจร่างกายเกี่ยวกับโรคของผู้ป่วย การรักษาที่ได้รับ ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
1.6.2 การวินิจฉัยทางการพยาบาล
เมื่อรวบรวมข้อมูลจากการประเมินมาแล้วนําข้อมูลที่ได้มากําหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.6.3 การวางแผนและให้การพยาบาล
1) ล้างมือก่อนและหลังการให้การพยาบาลผู้ป่วย
2) ใช้หลัก Airborne precautions
3) ให้คําแนะนําการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยและญาติ
4) รายงานอุบัติการณ์การเฝ้าระวังการเกิดโรคต่อคณะกรรมการการติดเชื้อของโรงพยาบาล
1.6.4 การประเมินผลการพยาบาล
1) ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อสู่ญาติและบุคลากรในหอผู้ป่วย
นายศราวุฒิ เป็งมูล รหัสนักศึกษา 6201210255 เลขที่ 11 Section B
วิชา SN 213 การพยาบาลพื้นฐาน
:star:
:star:
:star:
:star:
:star:
:star: