Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต, ชื่อ นางสาวมาลินี…
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
Hypertensive crisis
สาเหตุ
การหยุดยาลดความดันโลหิตทันที
Acute or chronic renal disease
Exacerbation of chronic hypertension
การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
อาการและอาการแสดง
hypertensive encephalopathy
ปวดศรีษะ
การมองเห็นผิดปกติ
สับสน
คลื่นไส้
อาเจียน
Acute cardiovascular syndromes
Myocardial infarction
Unstable angina
Pulmonary edema
Aortic dissection
การซักประวัติ
การเป็นโรคประจำตัว
ความสม่ำเสมอในการรับประทานยา
ผลข้างเคียงของยาที่ใช้
การสูบบุหรี่
ประวัติความดันโลหิตสูงที่เป็นในสมาชิกครอบครัว
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
สอบถามอาการของอวัยวะที่ถูกผลกระทบจากโรคความดันโลหิตสูง
การตรวจร่างกาย
วัดสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต
ตรวจจอประสาทตา
ตรวจบริเวณหน้าอก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
ตรวจ CBC ประเมินภาวะ microangiopathic hemolytic anemia (MAHA)
ตรวจการทำงานของไต
การรักษา
ให้ยาลดความดันโลหิตชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ให้การรักษาทันทีใน ICU
เมื่อควบคุมความดันโลหิตได้คงที่แล้วเป้าหมายการรักษาจะเป็นการรักษาสาเหตุที่ทำให้เกิด Hypertensive crisis
การพยาบาล
ในระยะเฉียบพลัน เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
neurologic
cardiac
renal systems
ในระหว่างได้รับยา
ประเมินและบันทึกการตอบสนองต่อยา
โรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ควรลด SBP ลงมาต่ำกว่า 120 มม.ปรอท ความดันโลหิต DBP ที่เหมาะสม คือ 70-79 มม.ปรอท
สมองขาดเลือดร่วมกับความดันโลหิตสูงวิกฤต ควรควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 180/105 มม.ปรอท
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง
ประเมินการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลาย
ประเมินการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงไต
การรักษาด้วย short-acting intravenous antihypertensive agents
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจกรรม
ให้ความรู้/ข้อมูลแก่ผู้ป่วย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ
วิตกกังวล
พร่องความรู้
Cardiac dysrhythmias
Atrial fibrillation (AF)
การพยาบาล
เตรียมผู้ป่วยในการจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง
ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันสมอง ปอด แขนและขา
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการทำ Cardioversion
ประเภท
Lone AF
Permanent AF
Paroxysmal AF
Persistent AF
Recurrent AF
สาเหตุ
hyperthyrodism
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
ภาวะหัวใจล้มเหลว
โรคหัวใจขาดเลือด
โรคหัวใจรูห์มาติก
ความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ
อาการและอาการแสดง
เหนื่อยเวลาออกแรง
ใจสั่น
อ่อนเพลีย
คลำชีพจรที่ข้อมือได้เบา
Ventricular tachycardia (VT)
ประเภท
Nonsustained VT
VT ที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลาน้อยกว่า 30 วินาที
Sustained VT
VT ที่ลักษณะของ QRS complex เป็นรูปแบบเดียว
Monomorphic VT
VT ที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 30 วินาที
Polymorphic VT
VT ที่ลักษณะของ QRS complex
สาเหตุ
Myocardial infarction
Rheumatic heart disease
ถูกไฟฟ้าดูด
ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
พิษจากยาดิจิทัลลิส
กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น
ความดันโลหิตต่่ำ
หน้ามืด
เจ็บหน้าอก
หายใจลำบาก
หัวใจหยุดเต้น
การพยาบาล
นำเครื่อง Defibrillator มาที่เตียงผู้ป่วยและรายงานแพทย์ทันทีและเปิดหลอดเลือดดำเพื่อให้ยาและสารน้ำ
คลำชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว เจ็บหน้าอก ภาวะเขียว จำนวนปัสสาวะ
ดูแลให้ได้รับยาและแก้ไขสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรได้ร่วมกับมีอาการของการไหลเวียนโลหิตในร่างกายลดลง ให้เตรียมผู้ป่วยในการทำ synchronized cardioversion
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรไม่ได้ (Pulseless VT) ให้เตรียมเครื่อง Defibrillator
ทำ CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
Ventricular fibrillation (VF)
สาเหตุ
Hypovolemia
Hypoxia
Hydrogen ion (acidosis)
Hypokalemia
Hyperkalemia
Hypothermia
Tension pneumothorax
Cardiac tamponade
Toxins
Pulmonary thrombosis
Coronary thrombosis
อาการและอาการแสดง
หมดสติ
ไม่มีชีพจร
รูม่านตาขยาย
เสียชีวิต
การพยาบาล
ป้องกันภาวะ tissue hypoxia
ติดตามค่าเกลือแร่ในเลือด
ติดตามผลข้างเคียงของยา
ติดตามและบันทึกอาการแสดงของภาวะอวัยวะและเนื้อเยื่อได้รับเลือดไปเลี้ยง (Tissue perfusion) ลดลง
ติดตามและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของ สัญญาณชีพ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ให้ยา antidysrhythmia ตามแผนการรักษาและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำ synchronized cardioversion
ทำ CPR ร่วมกับทีมรักษาผู้ป่วย
Acute Heart Failure (AHF)
ชนิด
แบ่งตามเวลาการเกิดโรค
New onset: หัวใจล้มเหลวที่เกิดขึ้นครั้งแรก โดยอาจเป็นแบบเฉียบพลัน (Acute onset) หรือเกิดขึ้นช้า (Slow onset)
Transient: หัวใจล้มเหลวที่มีอาการชั่วขณะ เช่น เกิดขณะมีภาวะหัวใจขาดเลือด
Chronic: หัวใจล้มเหลวที่มีอาการเรื้อรัง
แบ่งตามการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ
Systolic heart failure หรือ Heart failure with reduced EF (HFREF)
Diastolic heart failure หรือ Heart failure with preserved EF (HFPEF)
แบ่งตามอาการและอาการแสดง
Left sided-heart failure
Right sided-heart failure
แบ่งตามลักษณะของ Cardiac output
High-output heart failure
Low-output heart failure
สาเหตุ
ความผิดปกติแต่กำเนิด
Atrial septal defect
Ventricular septal defect
Valvular heart disease
ลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว
Myocardial disease
Left ventricular systolic dysfunction
Hypertrophic cardiomyopathy
ความผิดปกติของเยื่อหุ้มหัวใจ
Constrictive pericarditis
coronary artery disease
Myocardial ischemia
induced heart failure
อาการและอาการแสดง
อาการเหนื่อย
อาการเหนื่อยขณะที่ออกแรง
อาการเหนื่อย หายใจไม่สะดวกขณะนอนราบ
อาการหายใจไม่สะดวกขณะนอนหลับและต้องตื่นขึ้น
บวมในบริเวณที่เป็นระยางค์ส่วนล่างของร่างกาย
อ่อนเพลีย
แน่นท้อง ท้องอืด
ตรวจพบบ่อย
หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว
เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง
หัวใจโต โดยตรวจพบว่ามีApex beat หรือ Point of Maximum Impulse (PMI)
เสียงหัวใจผิดปกติ
เสียงปอดผิดปกติ
ตับโต หรือมีน้ำในช่องท้อง
บวมกดบุ๋ม
การวินิจฉัย
Chest X-ray, CXR
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจเลือด
CBC
Renal function
Liver function test
Echocardiography
แนวทางเวชปฏิบัติ
ควรได้รับการประเมินหาสาเหตุหรือปัจจัยกระตุ้น
ให้ยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำชนิด Loop diuretic
ไม่ตอบสนองต่อยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำชนิด Loop diuretic
ประเมินผู้ป่วยใหม่
เพิ่มขนาดของยา
เปลี่ยนการบริหารยาเป็นแบบ Continuous infusion
เพิ่มยาขับปัสสาวะที่ออกฤทธิ์แตกต่าง
พิจารณาให้ยากระตุ้นหัวใจทางหลอดเลือด หรือยาขยายหลอดเลือด
เมื่อใช้แนวทางปฏิบัติข้างต้น แล้วไม่ได้ผลให้พิจารณา Ultrafiltration
ชั่งน้ำหนักผู้ป่วยและวัดปริมาตร Intake และ output ทุกวันอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
ควรติดตามค่าการทำงานของไต
พิจารณาให้ยาช่วยกระตุ้นหัวใจบางรายที่มีภาวะน้ำคั่ง
พิจารณาใช้ยาขยายหลอดเลือด
ใช้ Sodium nitroprusside
ใช้ Nitroglycerine
ให้ Tolvaptan ในระยะเวลาสั้น
พิจารณาการสวนหัวใจเพื่อวัดความดันโลหิต
ไม่ควรใช้การสวนหัวใจห้องขวาเพื่อวัดความดัน
ให้ Oxygen supplement
ไม่แนะนำให้ Oxygen supplement
แนะนำ Noninvasive ventilation
พิจารณา Mechanical circulatory support device (MCSD)
ควรยึดแนวทางปฏิบัติและคำแนะนำในการดูแล
บทบาทพยาบาล
ผู้ป่วยอาการหัวใจล้มเหลวดีขึ้น
ผู้ป่วยไม่มีภาวะน้ำเกินหรือขาดน้ำ
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นที่เป็นสาเหตุ
ผู้ป่วยได้รับการค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้อาการกำเริบ
การพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยได้ Bed rest
จัดท่านั่งศีรษะสูง 30-90 องศา
ประเมิน V/S ทุก 1 ชั่วโมง
ฟังเสียงหัวใจทุก 2-4 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาและมีการติดตามประเมินผล
ยาดิจิทาลิส (Digitalis)
ยาโดปามีน (Dopamine)
ยาไนโตรกลีเซอรีน (Nitroglycerine)
ยากลุ่ม ACE inhibitor
ยาขับปัสสาวะ
ชั่งนํ้าหนักผู้ป่วยทุกวันในเวลาเดิม
จํากัดนํ้าในแต่ละวันตามแนวทางการรักษา
ประเมินความรู้สึกและปัญหาต่างๆของผู้ป่วยพร้อมทั้งซักถามความต้องการ
ประเมินความพร้อมในการรับรู้ข้อมูล ให้ข้อมูล คำแนะนำ
Shock
ประเภท
Low cardiac output shock
Hypovolemic shock
Cardiogenic shock
Obstructive shock
Cardiac tamponade
massive pulmonary embolism
tension pneumothorax
severe pulmonary artery hypertension
High cardiac output shock
Septic shock
Anaphylactic shock
Endocrinologic shock
Adrenal crisis
thyroid storm
Neurogenic shock
Drug and toxin
อื่นๆ
Shock management
การรักษาจำเพาะ
การรักษาประคับประคอง
Supportive treatment
Airway: กรณีที่มี Upper airway obstruction ควรทำการเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
Breathing: ในผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะช็อกควรให้ออกซิเจนร่วมด้วย
Circulation: พิจารณาการให้สารน้ำหรือ Vasopressors / inotropes
Fluid therapy
shock ที่ควรให้
Hypovolemic shock
Right side cardiogenic shock
Obstructive shock
Distributive shock (High cardiac output shock)
ตำแหน่ง
ควรเลือกเส้นเลือดดำที่เป็น Peripheral vein
ควรใช้ขนาดเข็มที่ให้สารน้ำ No. 16 หรือ No. 18
มีประโยชน์ในการรักษาช็อกทุกประเภท ยกเว้น Left-sided cardiogenic shock
ข้อระวัง
Normal saline
Volume overload
Hypernatremia
Hyperchlorermic metabolic acidosis
Ringer's lactate solution
Volume overload
Lactic acidosis
Hyperkalemia
Hypercalcemia
Ringer's acetate solution
เหมือน Ringer's lactate solution แต่โอกาสการเกิด Lactic acidosis น้อยกว่า
Colloids
Anaphylactic / anaphylactoid reaction
Renal toxicity อาจทำให้เกิด Acute kidney injury
Coagulopathy/platelet dysfunction
Vasoactive drug
กลไกการออกฤทธิ์
Positive inotropic effect
Positive chronotropic effect
Vasopressor effect
การเลือกใช้
Hypovolemic shock โดยทั่วไปไม่มีที่ใช้ของ Vasoactive drugs
Cardiogenic shock
ความดันโลหิตยังต่ำ ควรเลือกใช้ Dopamine
ต่ำมาก เช่น Systolic BP ต่ำกว่า 70 มม. ปรอท อาจเลือก Norepinephrine
Obstructive shock ควรให้สารน้ำก่อน
Septic shock ควรให้สารน้ำก่อน
Endocrinologic shock ได้แก่ Adrenal crisis และ Thyroid storm ควรให้สารน้ำและให้การรักษาทดแทนทางฮอร์โมน
Anaphylactic shock เลือก Epinephrine (Adrenaline) ก่อนเสมอ
Neurogenic shock เลือก Dopamine ก่อน
ชื่อ นางสาวมาลินี คำมา เลขที่ 62
รหัส 6001211368 Section A