Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้คลอดที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้คลอดที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ
การชักนำการคลอด (Induction of labour)
ข้อบ่งชี้ ทางด้านสูติกรรม
ภาวะครรภ์เกินกำหนด
ทารกเสียชีวิตในครรภ์ (DFIU)
. ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (PIH)
PROM ในรายที่อายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ และไม่เข้าสู่ระยะคลอดเองภายใน 12 ชั่งโมง แพทย์มักจะชักนำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด
การติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำ (choroamnionitis)
ภาวะเลือดออกก่อนคลอดจากภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (abruptio placenta)
ทารกพิการแต่กำเนิดในครรภ์ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
ทารกเจริญเติบโตช้า (IUGR)
ภาวะน้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios)
ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
ข้อบ่งชี้ทางอายุรกรรม
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้การทำงานของไตลดลง และการตายของทารกปริกำเนิดเพิ่มสูงขึ้น
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวาน
ความหมาย
การทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงเมื่ออายุครรภ์มากกว่า 28สัปดาห์ หรือทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 1,000 กรัม เป็นการทำให้มดลูกหดรัดตัวและปากมดลูกนุ่ม เพื่อให้การคลอดเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเริ่มต้นของการเจ็บครรภ์เองตามธรรมชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้คลอดคลอดทางช่องคลอด
ข้อห้าม
ภาวะที่มีเส้นเลือดทอดต่ำหรือผ่านปากมดลูก (vasa
previa)
ทารกท่าขวาง CPD, Previous c/s
ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta previa)
เนื้องอกที่ขัดขวางช่องทางคลอด, Prolapsed cord,
Fetal distress, Twins
วิธีการชักนำการคลอดที่นิยม คือ Medical และ Surgical
Medical นิยมใช้ Oxytocin และ prostaglandins
Prostaglandin E1
1 dose 25 ถึง 50 mg intravaginally into proterior fornix ทุก 3 -
6 ซม. ไม่เกิน 300-400 mg. ใน 24 ซม. เพื่อให้มดลูกหดรัดตัว
ข้อควรระวัง อาการคลื่นไส้-อาเจียน, ไข้, วิงเวียนศีรษะ, ปวดศีรษะ, ถ่ายเหลว, มดลูกหดรัดตัวรุนแรง (hyper uterine contraction) กว่าปกติอาจเกิดมดลูกแตกได้
Protaglandin E2
dose 10 mg. intravaginally into posterior fornix ทุก 6 ชม.
ข้อควรระวัง ปวดศีรษะ, คลื่นไส้อาเจียน, มีไข้, ความดันโลหิตต่ำ, hyperuterinecontraction
การใช้ Oxytocin
นิยมใช้เพื่อ Augmentation of labordose infusion pump and solution 10 u/1000 cc. 0.5-2 m u/min ทุก 30-60 นาที until 20-40 mu/min เพื่อให้มดลูกหดรัดตัว 40-90 mmHg (Internal mornitor) Duration 60-90 วินาที ทุก 2-3 นาท
ข้อควรระวัง
มดลูกหดรัดตัวมากเกินไป
คลื่นไส้อาเจียน
ปวดศีรษะ
ความดันโลหิตต่ำ
การพยาบาล
สังเกตลักษณะการหดรัดตัวของมดลูก Interval น้อยกว่า 2 นาที duration มากกว่า 60 วินาที
ปรับหยดสารละลายออกซิโตซิน เริ่มต้น 5-10 หยด/นาที เพิ่ม 5 หยดทุก 30 นาที จนกว่า การหดรัดตัวของมดลูกจะดี คือ Interval อยู่ในช่วง 2-3 นาที Duration อยู่ระหว่าง 45-60 วินาท
ช่วยแพทย์ในการให้สารละลายออกซิโตซินทางหลอดเลือดดำ
ตรวจสอบการหยดของออกซิโตซิน ทุก 30 นาท
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ในการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
สังเกตสภาวะของทารกในครรภ์ โดยฟังเสียงหัวใจทารกเป็นระยะๆ ทุก 15-30 นาที หากทารกในครรภ์มีภาวะ Fetal distress ต้องหยุดให้ออกซิโตซินทันทีและรายงานแพทย
เตรียมสารละลายออกซิโตซิน ตามแผนการรักษา (ส่วนใหญ่นิยมใช้ 5% D/W 1000 cc+Synto 10U)
ดูแลสภาวะทั่วไปของมารดาโดย Check BP, P, R เป็นระยะๆ
ดูแลผู้คลอดให้ได้รับความสุขสบายทั้งร่างกายและจิตใจ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มารดามีโอกาสเกิดภาวะ Tetanic contraction เนื่องจากการได้รับสารละลาย Oxytocin
มารดามีโอกาสเกิดความล้มเหลวในการชักน าการคลอดด้วย Oxytocin
ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะ Fetal distress เนื่องจากการได้รับสารละลาย Oxytocin
การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการทำคลอดโดยใช้คีม
ความหมาย
การคลอดโดยใช้คีม (Forcep extraction) เป็นวิธีช่วยคลอดโดยผู้ทำคลอดจะใช้คีม (forcep) ดึงศีรษะทารกให้คลอดผ่านทางช่องคลอด โดยที่คีมจะทำหน้าที่แทนแรงเบ่งของผู้คลอด
ส่วนประกอบของคีม
ก้าน (Shank)
ล็อก (Lock)
ด้ามถือ (Handle)
ใบคีม (Blade)
ประเภทของคีม
Long Curve Axis Traction Forcep เป็นคีมที่ใช้ในกรณีศีรษะทารกอยู่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีทั้ง Cephalic curve และ Pelvic curve
Kielland Forceps เป็นคีมที่ใช้การหมุนของศีรษะทารกภายในอุ้งเชิงกราน ไม่มีPelviccurve แต่มี Sliding lock
Short Curve Forcep เป็นคีมที่ใช้ในกรณีศีรษะทารกมาอยู่ต่ำบริเวณฝีเย็บแล้วผู้ทำคลอดใช้แรงดึงน้อย และเกิดอันตรายน้อย
หน้าที่ของคีม
Extractor (ตัวดึง) จะใช้ในผู้คลอดที่ไม่มีแรงเบ่งพอหรือไม่ต้องการให้ผู้คลอดออกแรง เบ่งในท่าศีรษะเป็นส่วนนำโดยใช้ Simson forcep และในกรณีท่าก้นจะใช้คีมทำคลอดศีรษะโดยใช้ Piper forceps
Rotation (ตัวหมุน) ใช้ในกรณี Deep transverse arrest of head โดยใช้ Kielland Forceps
ชนิดของการทำคลอดด้วยคีม
การทำคลอดด้วยคีมเมื่อศีรษะมี engagement แล้ว
Low Forceps หมายถึง การทำคลอดด้วยคีมเมื่อเห็นหนังศีรษะที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ โดยไม่ต้องแยก Labia และกะโหลกศีรษะอยู่บน Pelvic floor รอยต่อแสกกลางอยู่ในแนวหน้าหลัง
ข้อบ่งชี้ในการทำคลอดด้วยคีม
การทำเพื่อการรักษาและการปูองกัน (Prophylactic or Elective)
ช่วยลดความกดดันบางประการที่เกิดขึ้นกับผู้คลอดทั้งทางร่างกายและอารมณ์
จำกัดปริมาณการเสียเลือดจากการคลอด
ป้องกันการฉีกขาดหรือยืดขยายมากเกินไปของฝีเย็บ
ป้องกันสมองถูกทำลายจากภาวะพร่องออกซิเจน
ข้อบ่งชี้ด้านแม
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี/มารดาไม่มีแรงเบ่ง
กระดูกเชิงกรานค่อนข้างแคบหรือ Rigid pelvic floor หรือ Rigid perineum
ส่วนนำของทารกค่อนข้างใหญ่ หรือ Occiput อยู่ด้านหลัง หรือ Deep transverse arrest of head
ผู้คลอดมีภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์
ผู้คลอดอ่อนเพลีย
ผู้คลอดมีสุขภาพไม่ดีจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ, ไทรอยด์, หลอดลมอักเสบ
มีปัญหาเลือดออกในสมอง
ไส้ติ่งอักเสบ
ข้อบ่งชี้ด้านทารก
สายสะดือพลัดต่ำ
Fetal distress
สภาวะที่เหมาะสมในการทำคลอดด้วยคีม
ศีรษะทารกต้อง Deep engaged แล้ว
ไม่พบภาวะผิดสัดส่วนระหว่างส่วนนำกับช่องเชิงกราน
ส่วนนำมีสภาวะที่เหมาะสมสามารถคลอดทางช่องคลอดได้
กระเพาะปัสสาวะและทวารหนักต้องว่าง
ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
ปากมดลูกเปิดหมด
ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่
ขั้นตอนของการทำคลอดโดยใช้คีม
เมื่อใส่ใบคีมทั้งสองข้างครบจึงล็อค ถ้าล็อคไม่ได้แสดงว่าใบคีมจับส่วนนำในตำแหน่งไม่เหมาะสม
Tentative traction เป็นการทดลองก่อนดึงจริงเพื่อตรวจดูว่าใบคีมจับศีรษะทารกได้ในตำแหน่งเหมะสมหรือไม
การใส่ใบคีมต้องใส่ข้างซ้ายก่อนข้างขวา
Traction ควรดึงพร้อมกับมดลูกหดรัดตัวให้ดึงแต่ละครั้งนาน 1-2 นาที ขณะพักให้แก้ล็อคออก เพื่อลดความกดดันที่ส่วนนำทารก
แพทย์ผู้ทำประเมินสภาพช่องเชิงกรานผู้คลอดโดยการตรวจภายใน
Removal แก้ปลดล็อค นำใบคีมขวาออกก่อนจึงนำใบคีมซ้ายออก
สวนปัสสาวะให้ผู้คลอดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่องเชิงกรานของผู้คลอด และป้องกันการบาดเจ็บที่มีต่อกระเพาะปัสสาวะขณะทำหัตถการ
Birth of Head ทำคลอดศีรษะเหมือนตามปกติตามกลไกการคลอด
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามขั้นตอนการทำคลอดปกติ
ภาวะแทรกซ้อน
ต่อมารดา
กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะ
ช็อคจากความเจ็บปวด ผู้คลอดไม่ท าด้วยความนุ่มนวล
อันตรายต่อกระดูกเชิงกราน เช่น Symphysis pubis แยก
ใช้คีมไม่ถูกต้อง เกิดการตกเลือด
มีการฉีกขาดของหนทางคลอด
ติดเชื้อ
อันตรายจากการแพ้ยาระงับความรู้สึก
ต่อทารก
คีมกด Clavical plexus จะทำให้เกิด Erb’ s Palsy
คีมกด Facial nerve จะทำให้เกิด Facial Palsy
กระทบกระเทือนต่อกระโหลกศีรษะ สมองและหนังศีรษะทารกในครรภ์
หูหนวกกระทบกระเทือนต่อ Auditory Organ
แรงกดที่ศีรษะเกิด Asphyxia
ปอดบวมและถุงลมแฟบ
การพยาบาล
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางหน้าท้อง เพื่อประเมินท่า และขนาดของทารก การหดรัดตัว
ของมดลูก
ตรวจช่องทางคลอด เพื่อประเมินลักษณะของปากมดลูก เชิงกรานมารดา
และขนาดของทารก
การตรวจร่างกายทั่วไปและสัญญาณชีพ
การประเมินสภาพทารกในครรภ์ เช่น การฟังเสียงหัวใจทารก
ภาวะจิตสังคม
การประเมินความวิตกกังวลและหวาดกลัวของผู้คลอดต่อ
การช่วยคลอดด้วยคีม ซึ่งอาจจะมืผลต่อการปฏิบัติตัวและความร่วมมือในการช่วยคลอด
การซักประวัติได้แก่ ประวัติเกี่ยวกับอาการผิดปกติในการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งก่อน เช่น การคลอดติดขัด การช่วยคลอดโดยใช้สูติศาสตร์หัตถการทารกเสียชีวิตจากการคลอด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำคลอดด้วยคีม
ทารกแรกเกิดมีโอกาสได้รับบาดเจ็บจากการคลอดโดยใช้คีม
การผ่าตัดนำทารกออกทางหน้าท้อง
ความหมาย
การผ่าตัดน าทารกออกทางหน้าท้อง (Cesarean Section) ความหมาย การทำผ่าตัดเพื่อนำทารกออกจากมดลูก โดยผ่านทาหน้าท้อง (รองผ่าที่หน้าท้องและมดลูก) ทารกต้องมีน้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 1,000 กรัม
ชนิด
Classic cesarean
lower – segment cesarean
ข้อบ่งชี้
ท่าผิดปกติ เช่น ท่าขวาง
Total placenta previa
CPD
มะเร็ง ปากมดลูก
ข้อบ่งชี้ร่วม
Previous C/S
Ante partum hemorrhage
Fetal distress
ภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรม
ยาระงับความรู้สึก
Epidural block
GA
Spenal block
การพยาบาลมารดาที่ผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง
การพยาบาลหลังผ่าตัด
การติดเชื้อ
ปริมาณสารอาหารและน้ำ
ประเมินการหายของแผล
หน้าที่ของกระเพาะปัสสาวะและลำไส้
หน้าที่ของระบบการหายใจ
ทักษะในการเลี้ยงดูทารกของมารดา
ความคิดเห็นของมารดาและครอบครัวต่อการผ่าตัดครั้งนี้
การพยาบาลมารดาก่อนทำผ่าตัด
ดูแลให้มารดางดน้ำและอาหารทางปาก ก่อนผ่าตัดประมาณ 6 – 8 ชม.
ตัดเตรียมความสะอาดบริเวณผิวหนังโดยการโกนขนตั้งแต่บริเวณยอดอกลงมาจนถึงต้นขาทั้งสองข้าง เช็ดตามด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน 2 ½% แอลกอฮอล์ 70% คลุมด้วยผ้าก๊อสปราศจากเชื้อ (steriled quaze) พันทับด้วยผ้าพันท้อง
มารดาเสี่ยงต่อการติดเชื้อในขณะทำการผ่าตัดแลภายหลังการผ่าตัดพยาบาลจึงต้องมีความละเอียดรอบคอบในการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเกิดขึ้น
ทำการสวนคาสายปัสสาวะ ดูให้สายยาง “Foley” อยู่ในกระเพาะปัสสาวะและไม่เคลื่อนหลุดออกมา
ดูแลให้มารดาได้รับสารน้ าและยาก่อนการผ่าตัดตามแผนการักษาของแพทย์ครบถ้วน
เจาะเลือดส่งห้องปฏิบัติการเพื่อหาชนิดและหมู่เลือด
ส่งปัสสาวะตรวจและส่งเลือดตรวจหา CBC และค่าทางชีวะเคมี
ตรวจนับสัญญาณชีพ (Vital signs) และเสียงหัวใจทารกเป็นระยะ ๆ
ดูแลให้มารดาถอดฟันปลอม คอนเทคเลนซ์ แหวน ล้างเล็บออก
เขียนบันทึกรายงานของมารดาในฟอร์มปรอทให้เรียบร้อย
เตรียมชุดให้เลือด ผ้าห่อทารก ให้พร้อมที่จะส่งไปห้องผ่าตัดพร้อมมารดา
ให้เวลาแก่มารดาเพื่อตอบข้อข้องใจและให้ข้อมูลแก่มารดาและครอบครัวมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
ความหมาย
เป็นวิธีการคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศดูดและดึงศีรษะทารกให้คลอดผ่านทางช่องคลอดในระยะที่ผู้คลอด ในระยะที่ผู้คลอดมีมดลูกหดรัดตัวเท่านั้น และการทำคลอดไหล่ ลำตัวและแขนขาตามวิธีการคลอดตามปกติ เครื่องดูด สุญญากาศจะทำหน้าที่เสริมแรงแบ่งของผู้คลอด
ส่วนประกอบของเครื่องดูดสุญญากาศ
ภายใน Cup จะมีแผ่นโลหะ (Mental plate) และโซ๋โลหะ (Chain) ซึ่งเป็นแผ่นโลหะที่มีโซ่ติดอยู่ด้วยกัน
Traction bar หรือ Handle เป็นด้ามสำหรับดึงเป็นรูปกากบาท
Vacumm cup ทำด้วยโลหะมีความลึก 20 เซนติเมตร
Suction tube เป็นสายยางที่ต่อระหว่างถ้วยกับเครื่องดูดสุญญากาศ
เครื่องดูดสุญญากาศ
ข้อบ่งชี้
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะ Mild fetal asphyxia ซึ่งเกิดจาก Fetal distress
Mild CPD
โรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ
ศีรษะทารกไม่หุนตามกลไกการคลอดปกติ เช่น Deep transverse arrest ofhead
Uterine inertia โดยมีปัญหามดลูกหดรัดตัวไม่ดีเนื่องจากอ่อนเพลียหรือเกิด ความล่าช้าในระยะที่ 2 ของการคลอด
ข้อห้าม
ทารกในครรภ์อยู่ในท่าผิดปกติ
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะวิกฤติที่ต้องช่วยให้คลอดโดยด่วน
CPD
ทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว
ทารกคลอดก่อนกำหนด
การพลัดต่ำของสายสะดือ
ทารกอยู่ในภาวะ Fetal distress โดยที่ปากมดลูกยังไม่เปิด
สภาวะที่เหมาะสมในการทำ
ส่วนนำอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมสามารถคลอดทางช่องคลอดได้
ศีรษะในครรภ์ต้อง Deep engaged แล้ว
ปากมดลูกเปิดหมด แต่ถ้าในกรณีจำเป็นอาจทำตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 8
เซนติเมตรขึ้นไป
ไม่พบปัญหาผิดสัดส่วนกันระหว่างศีรษะทารกกับช่องเชิงกรานของผู้คลอด
กระเพาะปัสสาวะและทวาหนักต้องว่าง
ถุงน้ำคร่่ำแตกแล้ว
ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่
ขั้นตอนในการทำ
แพทย์ผู้ทำประเมินสภาพช่องเชิงกรานผู้คลอดโดยการตรวจภายใน
แพทย์ใช้ยาชาเฉพาะที่คือทำ Pudendal neve block โดยใช้ 1% Xylocain
สวนปัสสาวะให้ผู้คลอดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่องเชิงกรานของผู้คลอด
แพทย์เลือก Cupที่มีขนาดเหมาะสมกับศีรษะทารก โดยทั่วไปจะเลือกใช้ 50-60 มิลลิเมตร รเพื่อช่วยลดอันตรายต่อศีรษะทารกและช่วยกระจายแรงดูดต่อศีรษะทารกทำให้ Cupที่จับศีรษะทารกหลุดยาก
ท าความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามขั้นตอนการทำคลอดปกต
เริ่มต้นดูดด้วยแรงดูด 0.20 Kg/cm 2 ก่อน แพทย์จะใช้นิ้วประเมินรอบๆ Cup ว่าไม่มีผนังของช่องคลอดเข้าไปติดใน Cup
เพิ่มแรงดูดขึ้นอีกครั้งๆละ0.10-0.20 Kg/cm 2 พักนาน1-2 นาทีทำสลับกันไปเรื่อยๆจนได้แรงดูดสำหรับการดึงคือ 0.60-0.70 Kg/cm 2 ไม่เกิน 0.80 Kg/cm 2
การดึงโดยใช้มือขวาดึง Handle มือซ้ายแตะ Cup ที่ติดกับศีรษะทารก การดึงให้ดึงพร้อมๆ กับที่มดลูกหดรัดตัวและให้ผู้คลอดช่วยเบ่ง
ภาวะแทรกซ้อน
ด้านมารดา
ช็อคจากความเจ็บปวด ผู้คลอดไม่ทำด้วยความนุ่มนวล
ใช้เครื่องมือไม่ถูกต้อง เกิดการตกเลือด
กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะ
ติดเชื้อ
อันตรายต่อกระดูกเชิงกราน เช่น Symphysis pubis แยก
อันตรายจากการแพ้ยาระงับความรู้สึก
มีการฉีกขาดของหนทางคลอด
ด้านทารก
อาจจะเกิด Cephal hematoma
อาจจะมีเลือดอกที่จอตาแต่จะหายได้ภายใน 1 สัปดาห
แรงกดที่ศีรษะเกิด Asphyxia
แรงดูดกระทบกระเทือนต่อกระโหลกศีรษะ สมองและหนังศีรษะทารกใน
ครรภ
แรงดูดกระทบกระเทือนต่อ Facial nerve จะท าให้เกิด Facial Palsy
หูหนวกกระทบกระเทือนต่อ Auditory Organ
ปอดบวม (Pneumonia) และถุงลมแฟบ (Atelectasis)
การพยาบาล
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางหน้าท้อง เพื่อประเมินท่า และขนาดของทารก การหดรัดตัว
ของมดลูก
ตรวจช่องทางคลอดเพื่อประเมินลักษณะของปากมดลูก เชิงกรานมารดา
และขนาดของทารก
การตรวจร่างกายทั่วไปและสัญญาณชีพ
การประเมินสภาพทารกในครรภ์ เช่น การฟังเสียงหัวใจทารก
ภาวะจิตสังคม
ก่การประเมินความวิตกกังวลและหวาดกลัวของผู้คลอดต่อ
การช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
การซักประวัติ
ประวัติเกี่ยวกับอาการผิดปกติในการตั้งครรภ์ และการคลอดครั้งก่อน เช่น การคลอดติดขัด การช่วยคลอดโดยใช้สูติศาสตร์หัตถการทารกเสียชีวิตจากการคลอด การเจ็บปุวยของบุคคลในครอบครัว
การตรวจพิเศษและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจสภาพความสมบูรณ์ของทารกโดย Ultrasound การตรวจความเข้มข้นของเลือดมารดาการตรวจปัสสาวะเพื่อหา albumin และ sugar
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
ทารกแรกเกิดมีโอกาสได้รับบาดเจ็บจากการคลอโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ