Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ - Coggle…
บทที่ 3
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
วิวัฒนาการของกฎหมายวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ความหมายและลักษณะของกฎหมายแพ่ง
กฎหมายแพ่งเป็นส่วนหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กฎหมายพาณิชย์: เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายหรือกิจการใดๆ
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง: เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับวิธีการดาเนินพิจารณาพิพากษาคดี
องค์ประกอบของนิติกรรม
ผู้กระทำต้องแสดงออกในฐานะที่เป็นเอกชน หมายถึง ผู้กระทำนิติกรรมต้องแสดงออกในฐานะเอกชน มิใช่เจ้าพนักงานของรัฐ
การกระทำโดยเจตนา เป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยใจสมัคร เพื่อให้บุคคลภายนอกรับรู้ถึงความต้องการหรือเจตนาของตนที่จะทานิติกรรมตากฎหมาย
การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง การกระทำที่กฎหมายให้อานาจบุคคลกระทำได้โดยชัดแจ้ง หรือกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ว่าห้ามกระทำ
ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวสิทธิ หมายถึง ผลของการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งแก่คู่กรณีตามนิติกรรมนั้นๆ
ประเภทของนิติกรรม
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามการมีผลของนิติกรรม
นิติกรรมที่มีผลขณะผู้แสดงเจตนายังมีชีวิต เช่น การให้โดยเสน่หา สัญญาการซื้อขาย สัญญาการใช้ทุนการศึกษา สัญญาค้าประกัน
นิติกรรมที่มีผลขณะผู้แสดงเจตนาไม่มีชีวิต เช่น พินัยกรรม
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามจานวนคู่กรณี
นิติกรรมฝ่ายเดียว ได้แก่ นิติกรรมที่เกิดผลโดยการแสดงเจตนาของบุคคลเพียงฝ่ายเดียว และมีผลผูกพันทางกฎหมาย
นิติกรรมหลายฝ่าย ได้แก่ นิติกรรมที่เกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป และทุกฝ่ายตกลงยินยอมตามข้อตกลง
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามค่าตอบแทน
นิติกรรมที่มีค่าตอบแทน อาทิ สัญญาจ้างงาน สัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาเช่าทรัพย์
นิติกรรมที่ไม่มีค่าตอบแทน อาทิ การให้โดยเสน่หา สัญญายืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ย
บุคคลธรรมดา หมายถึง มนุษย์ที่มีชีวิตรอดภายหลังการคลอดจากครรภ์มารดา ในทางกฎหมายกาหนดให้สภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก
การตายโดยธรรมชาติ หมายถึง การป่วยตาย แก่ตาย หรือถูกะ่าตายของบุคคล ทาให้สภาพบุคคลสิ้นสุด
การสาบสูญ หมายถึง การที่บุคคลได้ไปจากภูมิลาเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่า บุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
นิติบุคคล หมายถึง สิ่งซึ่งกฎหมายสมมติให้เป็นบุคคล
เพื่อให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้เยาว์ (Minor) หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในทางกฎหมาย บุคคลจะพ้นจากการเป็นผู้เยาว์หรือบรรลุนิติภาวะใน 2 กรณี คือ อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
คนไร้ความสามารถ (Incompetence)บุคคลที่สมองพิการหรือจิตใจผิดปกติ โดยมีอาการหนัก ขนาดเสียสติ พูดไม่เข้าใจและไม่รู้ผิดชอบชั่วดี นอกจากนี้ศาลฎีกายังรวมถึงบุคคลที่มีสติวิปลาส หรือไม่มีสติสัมปชัญญะ
คนเสมือนไร้ความสามารถ (Quasi – incompetence) หมายถึง บุคคลที่ไม่สามารถจัดทาการงานโดยตนเอง หรือจัดกิจการไปในทางเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว และศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์สาหรับพยาบาล และการกระทำความผิดที่พบบ่อย
ความหมายและลักษณะของกฎหมายแพ่ง
กฎหมายพาณิชย์: เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายหรือกิจการใดๆ ที่ได้กระทาในเรื่องหุ้นส่วนบริษัท ประกันภัย ตั๋วเงิน
กฎหมายแพ่ง เป็นส่วนหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.) ที่กาหนดสิทธิ หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง: เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับวิธีการดาเนินพิจารณาพิพากษาคดีในกรณีที่เกิดข้อพิพาทในทางแพ่งขึ้น
นิติกรรม
ปพพ. มาตรา 149 “นิติกรรม หมายความว่า การใดๆ อันทาลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
นิติกรรม หมายถึง การกระทาของบุคคลด้วยใจสมัครและถูกต้องตามกฎหมาย มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับสิทธิระหว่างบุคคล
องค์ประกอบของนิติกรรม
ผู้กระทำต้องแสดงออกในฐานะที่เป็นเอกชน หมายถึง ผู้กระทำนิติกรรมต้องแสดงออกในฐานะเอกชน มิใช่เจ้าพนักงานของรัฐ
การกระทาโดยเจตนา เป็นการกระทาอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยใจสมัคร เพื่อให้บุคคลภายนอกรับรู้ถึงความต้องการหรือเจตนาของตนที่จะทานิติกรรมตามกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งหรือการแสดงเจตนาโดยปริยาย
การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง การกระทาที่กฎหมายให้อานาจบุคคลกระทาได้โดยชัดแจ้ง หรือกฎหมายไม่ได้กาหนดไว้ว่าห้ามกระทำ
ทาให้เกิดการเคลื่อนไหวสิทธิ หมายถึง ผลของการกระทาที่ชอบด้วยกฎหมาย ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งแก่คู่กรณีตามนิติกรรมนั้นๆ
ประเภทของนิติกรรม
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามการมีผลของนิติกรรม
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามค่าตอบแทน
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามจานวนคู่กรณี
ความสามารถของบุคคลในการให้การยินยอมรักษาพยาบาล
บุคคล
บุคคลธรรมดามนุษย์ที่มีชีวิตรอดภายหลังการคลอดจากครรภ์มารดา ในทางกฎหมายกาหนดให้สภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย
นิติบุคคล หมายถึง สิ่งซึ่งกฎหมายสมมติให้เป็นบุคคล เพื่อให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
นิติบุคคล
ผู้เยาว์ (Minor) หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในทางกฎหมาย บุคคลจะพ้นจากการเป็นผู้เยาว์หรือบรรลุนิติภาวะใน 2 กรณี คือ อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือการสมรส เมื่อหญิงและชายอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์
คนไร้ความสามารถ (Incompetence) หมายถึง คนวิกลจริต หรือ อยู่ในภาวะผัก ที่คู่สมรส ผู้สืบสันดาน (ลูก หลาน เหลน ลื้อ) บุพการี (บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด) ผู้อนุบาล
คนเสมือนไร้ความสามารถ บุคคลที่ไม่สามารถจัดทำการงานโดยตนเอง
ลูกหนี้ที่ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ตาม พรบ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เมื่อศาลมีคาสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว
สามีภริยา เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน จึงต้องให้ความยินยอมซึ่งกันและกันเป็นการทานิติกรรมบางประเภท
สภาพบังคับทางแพ่ง
โมฆะกรรม ความเสียเปล่าของนิติกรรม ที่กระทาตั้งแต่ต้น จึงไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวสิทธิและหน้าที่ของคู่กรณีที่กระทำนิติกรรม
โมฆียกรรม การทำนิติกรรมที่มีผลสมบูรณ์ในขณะกระทำ แต่สามารถบอกล้างหรือปฏิเสธนิติกรรมโดยผู้เสียหายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
การบังคับชาระหนี้ เป็นการชาระเงิน ส่งมอบทรัพย์สิน กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อใช้หนี้ หรืองดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อใช้หนี้
การชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน หมายถึง การที่กฎหมายรับรองและคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายให้กลับคืนสู่ฐานะเดิมมากที่สุด
ความรับผิดทางแพ่งที่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
การกระทาต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย การประทุษกรรม หรือกระทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมายด้วยการฝ่าฝืนข้อห้าม หรือละเว้นการกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายบัญญัติให้กระทำ
การกระทำโดยจงใจหรือประมาทการกระทำที่ตั้งใจหรือเจตนาโดยผิดกฎหมาย ไม่มีสิทธิหรือใช้สิทธิเกินขอบเขต ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย การกระทำที่ทำให้บุคคลอื่นขาดประโยชน์ที่เคยได้รับ หรือได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สินและสิทธิต่างๆ
อายุความ
ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากการละเมิดภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้เรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทาละเมิด และไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๒๐
มาตรา ๒๑
มาตรา ๒๓
มาตรา ๒๔
มาตรา ๑๙
มาตรา ๒๕
มาตรา ๒๐
มาตรา ๒๖
กฎหมายอาญาสาหรับพยาบาล และการกระทาความผิดที่พบบ่อย
ประเภทของความรับผิดทางอาญา
ความผิดต่อแผ่นดิน เป็นความผิดที่สาคัญและร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายและ สังคมส่วนรวม
ความผิดต่อส่วนตัว เป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายฝ่ายเดียว และกฎหมายบัญญัติประเภทไว้ชัดเจน
ลักษณะสาคัญของความรับผิดทางอาญา
ต้องมีบทบัญญัติความผิด และกาหนดโทษไว้โดยชัดแจ้ง กล่าวคือ ในขณะที่กระทาผิด ต้องมีกฎหมายบัญญัติความผิดและโทษเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
ต้องตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร การตีความ หมายถึง การถอดความหมายของข้อความหรือศัพท์ต่างๆ ในบทบัญญัติออกมา
ไม่มีผลย้อนหลังที่เป็นโทษ จะไม่มีผลในการเพิ่มโทษแก่บุคคล หากขณะกระทำยังไม่มีกฏหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด แม้ต่อมาภายหลังมีกฎหมายบัญญัติว่าการการกระทำอย่างเดียวกันนั้นจะเป็นความผิด
หลักเกณฑ์ความรับผิดทางอาญา
การกระทา หมายถึง การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือไม่เคลื่อนไหวร่างกาย โดยรู้สานึกและอยู่ภายใต้การบังคับของจิตใจ
กฎหมายบัญญัติว่าการกระทานั้นเป็นความผิดและกาหนดโทษ ซึ่งเป็นลักษณะสาคัญของความรับผิดตามกฎหมายอาญา ที่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า
กระทำโดยเจตนา ประมาท หรือไม่เจตนา ความผิดทางอาญานอกจากมีการกระทาที่เป็นองค์ประกอบภายนอกแล้ว กฎหมายยังคานึงถึงองค์ประกอบภายใน
เหตุยกเว้นความรับผิดทางอาญา การกระทาของบุคคลที่เป็นความผิดทางอาญา หากกฎหมายระบุเหตุเพื่อยกเว้นความรับผิด ยกเว้นโทษ หรือลดหย่อนโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง
อายุความ หมายถึง ระยะเวลาที่กฎหมายกาหนดให้ต้องฟ้องร้องผู้กระทาความผิด หรือนาตัวผู้กระทาความผิดมาที่ศาล เพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษภายในกาหนด ซึ่งหากพ้นกาหนดแล้วไม่สามารถฟ้องหรือลงโทษผู้นั้นได้
โทษทางอาญา
โทษประหารชีวิต เป็นโทษสูงสุด สาหรับลงโทษผู้กระทาความผิดคดีอุกฉกรรจ์ ปัจจุบันวิธีการประหารชีวิตได้เปลี่ยนแปลงจากเดิม
โทษจาคุก เป็นโทษจากัดเสรีภาพของนักโทษที่ถูกควบคุมไว้ในเรือนจา ตามระยะเวลาที่กาหนดไว้ในคาพิพากษา ในบางกรณีแม้จาเลยกระทาผิดแต่ศาลอาจให้รอการลงโทษ เพื่อให้โอกาสจาเลย กลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลกาหนด แต่ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคาพิพากษา
โทษกักขัง เป็นโทษที่เปลี่ยนจากโทษอย่างอื่นมาเป็นโทษกักขัง ได้แก่ เปลี่ยนโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน โทษปรับแล้วไม่ชาระค่าปรับ ขัดขืนคำพิพากษาของศาลให้ริบทรัพย์สิน ไม่ยอมทำทัณฑ์บน หรือหาหลักประกันไม่ได้ และไม่ชาระเงินตามที่ศาลสั่งเมื่อกระทำผิดทัณฑ์บน
โทษปรับ การเสียค่าปรับ คือ การชำระเงินต่อศาลตามจำนวนที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษา ถ้าไม่ชาระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นอาจถูกยึดทรัพย์สินหรือกักขังแทนค่าปรับ แต่โดยทางปฏิบัติถ้าไม่ชาระค่าปรับก็จะถูกกักขังแทน การคำนวณระยะกักขังแทนค่าปรับให้ถือ 500 บาทต่อวัน
โทษริบทรัพย์สิน ศาลมีอานาจสั่งริบทรัพย์สิน
5.1 ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้ใช้ในการกระทำความผิด
5.2 ทรัพย์สินซึ่งกฎหมายบัญญัติว่า ผู้ใดทาหรือมีไว้ในครอบครองเป็นความผิด เช่น ยาบ้า ยาเสพติด ธนบัตรปลอม ปืนเถื่อน
5.3 ทรัพย์สินซึ่งเกี่ยวข้องกับสินบนของเจ้าพนักงานเพื่อจูงใจ ให้รางวัลในการกระทาความผิด
ความรับผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการพยาบาล
ความประมาทในการประกอบวิชาชีพ (Malpractice / Professional negligence / Professional misconduct) หมายถึง การกระทาหรือการพยาบาลโดยขาดความระมัดระวัง หรือไม่ได้ใช้ ความระมัดระวังเพียงพอตามวิสัยของวิชาชีพ จนเกิดความเสียหายอันตรายต่อสุขภาพหรือชีวิตแก่ผู้ใช้บริการ
1) ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ (Failure to follow standard of care) ซึ่งรวมถึงการประเมินผู้ป่วยแรกรับไม่ครบถ้วน ไม่ซักประวัติการแพ้ยาหรือสารอื่นๆ ไม่สอบถามยาที่ผู้ป่วยได้รับ ไม่วางแผนการดูแล
2) ใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์การแพทย์ไม่ถูกต้อง (Failure to use equipment in a responsible manner) ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยใช้ในการแพทย์มากขึ้น พยาบาลวิชาชีพต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือนั้นๆ อย่างดี เพื่อให้ใช้เครื่องมืออย่างปลอดภัย
3) ความบกพร่องด้านการสื่อสาร (Failure to communication) เช่น ไม่รายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือรายงานแพทย์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ไม่รับฟังความกังวลของผู้ป่วย ให้ข้อมูลการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วยก่อนจาหน่ายออกจากโรงพยาบาลไม่เพียงพอ
4) ความบกพร่องด้านการบันทึก (Failure to document) เช่น ไม่บันทึกความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยไว้ในเวชระเบียน รายละเอียดของบาดแผล ประวัติการแพ้ยา แพ้สารต่างๆ คาสั่งการรักษาของแพทย์เมื่อมีคาสั่งการรักษาทางโทรศัพท์ พยาบาลวิชาชีพไม่บันทึกสาระของคาสั่งพร้อมกับลงเวลาที่สั่ง รวมถึงช่วงเวลาที่โทรตาม
5) ความบกพร่องด้านการประเมินและเฝ้าระวังอาการ (Failure to assess and monitor) เช่น ประเมินอาการในแต่ละเวรไม่ครบถ้วน ไม่ปรับปรุงแผนการดูแล ไม่สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
6) ความบกพร่องด้านการไม่พิทักษ์สิทธิของผู้ป่วย (Failure to act as patient advocate) เช่น ไม่ทักท้วงเมื่อแพทย์มีคาสั่งให้จาหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยอาการยังไม่ดีพอที่จะกลับบ้าน
ความประมาทในการประกอบวิชาชีพกับการปฏิเสธการรักษา
1) ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายเล็กน้อยแก่ร่างกายหรือจิตใจ เป็นความผิดลหุโทษ คือต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
2) ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำจะได้รับโทษหนักขึ้น กล่าวคือ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
การทอดทิ้งหรือละเลยผู้ป่วย ความผิดฐานนี้เกี่ยวกับผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายหรือสัญญาที่ต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้ เพราะอายุ ความเจ็บป่วย กายพิการ หรือจิตพิการ ทอดทิ้งบุคคลที่ตนเองรับผิดชอบตามหน้าที่หรือตามสัญญา เป็นเหตุให้อันตรายแก่ชีวิต ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
การเปิดเผยความลับของผู้ป่วย
2) เปิดเผยความลับนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
3) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
1) รู้ความลับผู้อื่นมาเนื่องจากการประกอบอาชีพหรือจากการศึกษาอบรม
การปฏิเสธความช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิตการไม่ช่วยเหลือหรือปฏิเสธการช่วยเหลือผู้อื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทั้งๆ ที่ตนอาจช่วยได้ (ปอ. มาตรา 374) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร: การปลอมเอกสารและการทำหรือรับรองเอกสารเท็จ
การทำให้หญิงแท้งลูก (Induced abortion)การแท้งบุตร (Abortion) หมายถึง การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ขณะที่อายุครรภ์น้อยกว่า 20 สัปดาห์ หรือทารกมีน้าหนักน้อยกว่า 500 กรัม ส่วน “แท้ง” ในทางกฎหมาย หมายถึง การทาให้ทารกตายในครรภ์ หรือคลอดออกมาในลักษณะที่ไม่มีชีวิต ซึ่งความผิดฐานทาให้แท้งลูก กฎหมายบัญญัติไว้ 5 มาตรา
ประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๓๐ ในการกักขังแทนค่าปรับ ให้ถืออัตราห้าร้อยบาทต่อหนึ่งวัน และไม่ว่าในกรณีความผิดกระทงเดียวหรือหลายกระทง ห้ามกักขังเกินกาหนดหนึ่งปี เว้นแต่ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป
มาตรา ๓๐/๑ ในกรณีที่ศาลพิพากษาปรับ ผู้ต้องโทษปรับซึ่งมิใช่นิติบุคคลและไม่มีเงินชาระค่าปรับอาจยื่นคาร้องต่อศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีเพื่อขอทางานบริการสังคมหรือทางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
มาตรา ๒๙ ผู้ใดต้องโทษปรับและไม่ชาระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินเพื่อใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ
มาตรา ๓๐/๒ ๒๔ ถ้าภายหลังศาลมีคาสั่งอนุญาตตามมาตรา ๓๐/๑ แล้ว ความปรากฏแก่ศาลเองหรือความปรากฏตามคาแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่าผู้ต้องโทษปรับมีเงินพอชาระค่าปรับได้ในเวลาที่ยื่นคาร้องตามมาตรา ๓๐/๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งหรือเงื่อนไขที่ศาลกาหนด ศาลจะเพิกถอนคาสั่งอนุญาตดังกล่าวและปรับ หรือกักขังแทนค่าปรับ โดยให้หักจานวนวันที่ทางานมาแล้วออกจากจานวนเงินค่าปรับก็ได้
มาตรา ๒๘ ผู้ใดต้องโทษปรับ ผู้นั้นจะต้องชาระเงินตามจานวนที่กาหนดไว้ในคาพิพากษาต่อศาล
มาตรา ๓๐/๓ คาสั่งศาลตามมาตรา ๓๐/๑ และมาตรา ๓๐/๒ ให้เป็นที่สุด
มาตรา ๒๓ ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน
มาตรา ๓๒ ทรัพย์สินใดที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทาหรือมีไว้เป็นความผิด ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นของผู้กระทาความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคาพิพากษาหรือไม่
มาตรา ๑๙ ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต ให้ดาเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตายหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิต ให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมกาหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๓๓ ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอานาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอานาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อี
มาตรา ๑๘ โทษสาหรับลงแก่ผู้กระทาความผิดมี ประหารชีวิต,จำคุก,กักขัง,ปรับ,ริบทรัพย์สิน
มาตรา ๓๔ บรรดาทรัพย์สิน
มาตรา ๒ บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้
มาตรา ๔๖ถ้าความปรากฏแก่ศาลตามข้อเสนอของพนักงานอัยการว่าผู้ใดจะก่อเหตุร้ายให้เกิดภยันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น หรือจะกระทาการใดให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๓๙ สิทธินาคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ดังต่อไปนี้
(๑) โดยความตายของผู้กระทาผิด
(๒) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ถอนคาร้องทุกข์ ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
(๓) เมื่อคดีเลิกกันตามมาตรา ๓๗
(๔) เมื่อมีคาพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง
(๕) เมื่อมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทาผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น
(๖) เมื่อคดีขาดอายุความ
(๗) เมื่อมีกฎหมายยกเว้นโท
มาตรา ๒๔๗ คดีที่จาเลยต้องประหารชีวิต ห้ามมิให้บังคับตามคาพิพากษา จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยอภัยโทษแล้วหญิงใดจะต้องประหารชีวิต ถ้ามีครรภ์อยู่ ให้รอไว้จนพ้นกาหนดสามปีนับแต่คลอดบุตรแล้ว ให้ลดโทษประหารชีวิตลงเหลือจาคุกตลอดชีวิต เว้นแต่เมื่อบุตรถึงแก่ความตายก่อนพ้นกาหนดเวลาดังกล่าว ในระหว่างสามปีนับแต่คลอดบุตร ให้หญิงนั้นเลี้ยงดูบุตรตามความเหมาะสมในสถานที่ที่สมควรแก่การเลี้ยงดูบุตรภายในเรือนจา