Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่7 การพยาบาลมารดาที่ได้รับการช่วยเหลือสูติศาสตร์หัตถการ - Coggle…
บทที่7 การพยาบาลมารดาที่ได้รับการช่วยเหลือสูติศาสตร์หัตถการ
การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการทำคลอดโดยใช้คีม(Forcep extraction)
เป็นวิธีช่วยคลอดโดยผู้ทำคลอดจะใช้คีม
(forcep) ดึงศีรษะทารกให้คลอดผ่านทางช่องคลอด โดยที่คีมจะทำหน้าที่แทนแรงเบ่งของผู้คลอด
ส่วนประกอบของคีม
ใบคีม (Blade)
ก้าน (Shank)
ล็อก (Lock)
ด้ามถือ (Handle)
ประเภทของคีม
Short Curve Forcep
Long Curve Axis Traction Forcep เ
Kielland Forceps
หน้าที่ของคีม
Extractor (ตัวดึง) จะใช้ในผู้คลอดที่ไม่มีแรงเบ่งพอหรือไม่ต้องการให้ผู้คลอดออกแรงเบ่งในท่าศีรษะเป็นส่วนนำโดยใช้ Simson forcep และในกรณีท่าก้นจะใช้คีมทำคลอดศีรษะโดยใช้ Piper forceps
Rotation (ตัวหมุน) ใช้ในกรณี Deep transverse arrest of head โดยใช้ Kielland
Forceps
ชนิดของการทำคลอดด้วยคีม
การทำคลอดด้วยคีมเมื่อศีรษะมี engagement แล้ว โดยต้องทำการช่วยเหลือโดยการหมุนก่อนเมื่อเริ่มดึงถือว่าเป็น Mid Forceps
Low Forceps หมายถึง การท าคลอดด้วยคีมเมื่อเห็นหนังศีรษะที่บริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุโดยไม่ต้องแยก Labia และกะโหลกศีรษะอยู่บน Pelvic floor รอยต่อแสกกลางอยู่ในแนวหน้าหลัง
ข้อบ่งชี้ในการทำคลอดด้วยคีม
การทำเพื่อการรักษาและการปูองกัน (Prophylactic or Elective) จะทำเมื่อแรกเข้าสู่ระยะเบ่งเพื่อ
ข้อบ่งชี้ด้านแม่
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี/มารดาไม่มีแรงเบ่ง
กระดูกเชิงกรานค่อนข้างแคบหรือ Rigid pelvic floor หรือ Rigid perineum
ส่วนนำของทารกค่อนข้างใหญ่ หรือ Occiput อยู่ด้านหลัง หรือ Deep transverse arrest of head
ผู้คลอดมีภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ
ผู้คลอดอ่อนเพลีย
ผู้คลอดมีสุขภาพไม่ดีจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ, ไทรอยด์, หลอดลมอักเสบ
มีปัญหาเลือดออกในสมอง
ไส้ติ่งอักเสบ
ข้อบ่งชี้ด้านทารก
Fetal distress
สายสะดือพลัดต่ำ
สภาวะที่เหมาะสมในการทำคลอดด้วยคีม
ปากมดลูกเปิดหมด
ส่วนนำมีสภาวะที่เหมาะสมสามารถคลอดทางช่องคลอดได้
ศีรษะทารกต้อง Deep engaged แล้ว
ไม่พบภาวะผิดสัดส่วนระหว่างส่วนนำกับช่องเชิงกราน
กระเพาะปัสสาวะและทวารหนักต้องว่าง
ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่
ภาวะแทรกซ้อน
ต่อมารดา
2 more items...
การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
การทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ เป็นวิธีการคลอดโดยใช้เครื่องดูด สุญญากาศดูดและดึงศีรษะทารกให้คลอดผ่านทางช่องคลอดในระยะที่ผู้คลอดมีมดลูกหดรัด ตัวเท่านั้น และการทำคลอดไหล่ ลำตัวและแขนขาตามวิธีการคลอดตามปกติ เครื่องดูดสุญญากาศจะทำหน้าที่เสริมแรงแบ่งของผู้คลอด
ส่วนประกอบของเครื่องดูดสุญญากาศ
Vacumm cup ท าด้วยโลหะมีความลึก 20 เซนติเมตรมีหลายขนาดให้เลือกตามความเหมาะสม
ภายใน Cup จะมีแผ่นโลหะ (Mental plate) และโซ๋โลหะ (Chain) ซึ่งเป็นแผ่น
Traction bar หรือ Handle เป็นด้ามสำหรับดึงเป็นรูปกากบาท สายโว่จะถูก
Suction tube เป็นสายยางที่ต่อระหว่างถ้วยกับเครื่องดูดสุญญากาศ
เครื่องดูดสุญญากาศ มีมาตรวัดเป็นกิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ขวดนี้จะต่อ กับเครื่องปั๊มด้วยมือ เท้า หรือแบบไฟฟูา การท าให้เกิดสุญญากาศใน Cup ควรทำอย่างช้าๆและนุ่มนวล
ข้อบ่งชี้ในการทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
ข้อห้ามในการทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
CPD
ทารกในครรภ์อยู่ในท่าผิดปกติ
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะวิกฤติที่ต้องช่วยให้คลอดโดยด่วน
ทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว
ทารกคลอดก่อนก าหนด
มีการพลัดต่ าของสายสะดือ
ทารกอยู่ในภาวะ Fetal distress โดยที่ปากมดลูกยังไม่เปิด
สภาวะที่เหมาะสม
ปากมดลูกเปิดหมด แต่ถ้าในกรณีจ าเป็นอาจท าตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตรขึ้นไป และปากมดลูกมีความบางเต็มที่
ส่วนนำอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมสามารถคลอดทางช่องคลอดได้
ศีรษะในครรภ์ต้อง Deep engaged แล้ว
ไม่พบปัญหาผิดสัดส่วนกันระหว่างศีรษะทารกกับช่องเชิงกรานของผู้คลอด
กระเพาะปัสสาวะและทวาหนักต้องว่าง
ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่
ภาวะแทรกซ้อน
ด้านมารดา
มีการฉีกขาดของหนทางคลอด
อันตรายต่อกระดูกเชิงกราน เช่น Symphysis pubis แยก
กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะ
ช็อคจากความเจ็บปวด ผู้คลอดไม่ท าด้วยความนุ่มนวล
ใช้เครื่องมือไม่ถูกต้อง เกิดการตกเลือด
ติดเชื้อ
อันตรายจากการแพ้ยาระงับความรู้สึก
ด้านทารก
อาจจะเกิด Cephal hematoma
อาจจะมีเลือดอกที่จอตาแต่จะหายได้ภายใน 1 สัปดาห์
แรงกดที่ศีรษะเกิด Asphyxia
แรงดูดกระทบกระเทือนต่อกระโหลกศีรษะ สมองและหนังศีรษะทารกใน
ครรภ์
แรงดูดกระทบกระเทือนต่อ Facial nerve จะทำให้เกิด Facial Palsy
หูหนวกกระทบกระเทือนต่อ Auditory Organ
ปอดบวม (Pneumonia) และถุงลมแฟบ (Atelectasis)
การพยาบาล
การซักประวัติ
การคลอดติดขัด
การช่วยคลอดโดยใช้สูติศาสตรหัตถการ
ทารกเสียชีวิตจากการคลอด
การเจ็บปุวยของบุคคลในครอบครัว
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางหน้าท้อง เพื่อประเมินท่า และขนาดของทารก การหดรัดตัวของมดลูก
ตรวจช่องทางคลอดเพื่อประเมินลักษณะของปากมดลูก เชิงกรานมารดาและขนาดของทารก
การตรวจร่างกายทั่วไปและสัญญาณชีพ
การประเมินสภาพทารกในครรภ์ เช่น การฟังเสียงหัวใจทารก
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการท าคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
ทารกแรกเกิดมีโอกาสได้รับบาดเจ็บจากการคลอโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
Uterine inertia โดยมีปัญหามดลูกหดรัดตัวไม่ดีเนื่องจากอ่อนเพลียหรือเกิดความล่าช้าในระยะที่ 2 ของการคลอด
โรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะ Mild fetal asphyxia ซึ่งเกิดจาก Fetal distress
Mild CPD
ศีรษะทารกไม่หุนตามกลไกการคลอดปกติ เช่น Deep transverse arrest of
head หรือ Occiput posterior position
การชักนำการคลอด (Induction of labour)
การทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงเมื่ออายุครรภ์มากกว่า 28
สัปดาห์ หรือทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 1,000 กรัม
ข้อบ่งชี้ ทางด้านสูติกรรม
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (PIH) การยุติการตั้งครรภ์จะทำให้ภาวะนี้หายได้และลดอันตรายที่จะเกิดกับหญิงตั้งครรภ์
ภาวะครรภ์เกินกำหนด เนื่องจากครรภ์เกินกำหนดรกจะมีภาวะเสื่อมสภาพ ทำให้ทารกใน
ครรภ์เกิดภาวะขาดออกซิเจนและตายในครรภ์ได้
ทารกเสียชีวิตในครรภ์ (DFIU)
PROM ในรายที่อายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ และไม่เข้าสู่ระยะคลอดเองภายใน 12 ชั่ง
โมง แพทย์มักจะชักน าให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด
การติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำ (choroamnionitis) เพื่อลดอาการรุนแรงจากการติดเชื้อของมารดาและทารกในครรภ
ภาวะเลือดออกก่อนคลอดจากภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (abruptio placenta)
ทารกพิการแต่กำเนิดในครรภ์ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
ทารกเจริญเติบโตช้า (IUGR)
ภาวะน้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios)
ทารกบวมน้ำ(hydrops fetalis)
ข้อบ่งชี้ทางอายุรกรรม
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวาน
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้การทำงานของ
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
ข้อห้ามในการชักนำการคลอด
ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta previa) ภาวะที่มีเส้นเลือดทอดต่ าหรือผ่านปากมดลูก (vasa previa) ทารกท่าขวาง CPD, Previous c/s , เนื้องอกที่ขัดขวางช่องทางคลอด, Prolapsed cord, Fetal distress, Twins
วิธีการชักนำการคลอดที่นิยม คือ Medical และ Surgical
Medical นิยมใช้ Oxytocin และ prostaglandins
การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการชักน าการคลอดโดยใช้ยา Oxytocin
เตรียมสารละลายออกซิโตซิน ตามแผนการรักษา (ส่วนใหญ่นิยมใช้ 5% D/W 1000cc+Synto 10U)
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ในการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
ช่วยแพทย์ในการให้สารละลายออกซิโตซินทางหลอดเลือดดำ
สังเกตลักษณะการหดรัดตัวของมดลูก Interval น้อยกว่า 2 นาที duration มากกว่า 60
วินาที ปฏิบัติดังนี้
หยุดการให้ออกซิโตซินทางหลอดเลือดด า
ให้ผู้คลอดนอนตะแคง
ให้ออกซิเจน 6-8 ลิตร/นาที
รายงานแพทย์
ปรับหยดสารละลายออกซิโตซิน เริ่มต้น 5-10 หยด/นาที
ตรวจสอบการหยดของออกซิโตซิน ทุก 30 นาที
สังเกตสภาวะของทารกในครรภ์ โดยฟังเสียงหัวใจทารกเป็นระยะๆ ทุก 15-30 นาที หากทารกในครรภ์มีภาวะ Fetal distress ต้องหยุดให้ออกซิโตซินทันทีและรายงานแพทย์
ดูแลสภาวะทั่วไปของมารดาโดย Check BP, P, R เป็นระยะๆ
บันทึกเกี่ยวกับ
ขนาดและจำนวนของออกซิโตซินที่ได้รับทุก 30 นาที
จำนวนของหยดของออกซิโตซินที่ปรับขึ้นหรือลดลง
ลักษณะการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15-30 นาที
สัญญาณชีพทุก 2-4 ชม. และเสียงหัวใจทารก 15-30 นาที
Record I/O
ดูแลผู้คลอดให้ได้รับความสุขสบายทั้งร่างกายและจิตใจ
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการชักนำการคลอด, การคลอด
รับฟังและสอบถามปัญหาของผู้คลอด
ช่วยดูแลการทำกิจวัตรประจำวัน
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มารดามีโอกาสเกิดภาวะ Tetanic contraction เนื่องจากการได้รับสารละลายOxytocin
มารดามีโอกาสเกิดความล้มเหลวในการชักน าการคลอดด้วย Oxytocin
ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะ Fetal distress เนื่องจากการได้รับสารละลายOxytocin
การชักนำการคลอดโดยใช้หัตถการ
2.1 การเจาะถุงน้ำทุนหัว
ภาวะแทรกซ้อนจากการชักนำการคลอด
ผลต่อหญิงตั้งครรภ์
1.1 ภาวะมดลูกแตกจาการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกโดยเฉพาะรายที
1.2 การตกเลือดก่อนคลอดจากรกลอกตัวก่อนกำหนด
1.3 การตกเลือดจากการฉีกขาดของช่องทางคลอดจากการคลอดเร็วเกินไป(precipitate labor)
1.4 การติดเชื้อของเยื่อบุถุงน้ำคร่่ำ เนื่องจากระยะเวลาการชักนำถึงการคลอดนานเกินไป
1.5 เกิดการอุดตันในกระแสเลือดจากน้ำคร่่ำ ซึ่งอาจเกิดได้ขญะที่ทำการเจาะถุงน้ำคร่ำ
ผลต่อทารก
2.1 ทารกคลอดก่อนกำหนดซึ่งเกิดจากแพทย์คาดคะเนอายุครรภ์ผิดพลาด(iatrogenic prematurity) หรือในรายที่มีข้อบ่งชี้จำเป็นต่อการนำให้เกิดการคลอดอย่างเร่งด่วน
2.2 ภาวะทารกอยู่ในภาวะคับขัน (fetal distress) ซึ่งอาจเกิดเนื่องจากการหดรัดตัวของมดลูกมากเกินไป ทำให้เลือดผ่านรกไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ
2.3 อันตรายจากการเจาะถุงน้ำคร่ำ ได้แก่ ภาวะสายสะดือย้อย การเจาะถูกเส้นเลือดที่ทอดอยู่บนถุงน้ าบริเวณที่เจาะ (vasa previa)
2.4 การคลอดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายจากการทำคลอด และในทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีอุบัติการเลือดออกในสมองสูง
2.5 การติดเชื้อจากการเจาะถุงน้ำและมีการติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำ
การผ่าตัดนำทารกออกทางหน้าท้อง
การพยาบาลมารดาที่ผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง
ก่อนทำผ่าตัด
1 อธิบายถึงขั้นตอนต่างๆ ในการเตรียมร่างกายของมารดาเพื่อการผ่าตัด
2 เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ในการเตรียมผ่าตัดให้พร้อม
3 ดูแลให้มารดางดน้ าและอาหารทางปาก ก่อนผ่าตัดประมาณ 6 – 8 ชม.
4 ตัดเตรียมความสะอาดบริเวณผิวหนังโดยการโกนขนตั้งแต่บริเวณยอดอกลงมาจนถึงต้นขาทั้งสองข้าง
5 ทำการสวนคาสายปัสสาวะ ดูให้สายยาง “Foley” อยู่ในกระเพาะปัสสาวะและไม่เคลื่อนหลุดออกมา
6 ดูแลให้มารดาได้รับสารน้ำและยาก่อนการผ่าตัดตามแผนการักษาของแพทย์ครบถ้วน
7 เจาะเลือดส่งห้องปฏิบัติการเพื่อหาชนิดและหมู่เลือด
8 ส่งปัสสาวะตรวจและส่งเลือดตรวจหา CBC
9 ตรวจนับสัญญาณชีพ (Vital signs) และเสียงหัวใจทารกเป็นระยะ ๆ
10 ดูแลให้มารดาถอดฟันปลอม
การเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจ
ขั้นตอนในการเตรียมผ่าตัด
ลักษณะของห้องผ่าตัด
ชนิดของการใช้ยาระงับความรู้สึก
ความรู้สึกขณะผ่าตัด
บทบาทของผู้ใกล้ชิด
การสร้างสัมพันธภาพกับทารก
ระยะหลังผ่าตัดทันที
ระยะหลังคลอด
การพยาบาลด้านร่างกาย
พยาบาลต้องประเมินสภาวะของมารดาหลังผ่าตัด (Assessment) ในเรื่องต่อไปน
ประเมินการหายของแผล
การติดเชื้อ
ปริมาณสารอาหารและน้ า
หน้าที่ของกระเพาะปัสสาวะและล าไส้
หน้าที่ของระบบการหายใจ
ทักษะในการเลี้ยงดูทารกของมารดา
ความคิดเห็นของมารดาและครอบครัวต่อการผ่าตัดครั้งนี้
ในระยะนี้มารดามีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
.1 สังเกตอาการของการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
2 ดูแลให้มารดาได้รับยาปฏิชีวนะตามค าสั่งการรักษาของแพทย์อย่างครบถ้วน
พยาบาลจำเป็นต้องสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้
1 ดูแลให้มารดาได้รับสารน้ าทางเส้นเลือดตามค าสั่งการรักษาของแพทย์อย่างครบถ้วนตรวจดูอัตราการไหลและนับจำนวนหยด
2 ดูว่าผิวหนังบริเวณที่ให้สารน้ ามันมีการอับเสบ บวม แดงหรือไม่ และให้สารน้ำจนกว่ามารดาจะสามารถรับประทานอาหารได้หรือแพทเลิกคำสั่ง
ในระยะหลังผ่าตัดมารดามีโอกาสเกิดการคั่งค้างของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นเนื่องจากผลกระทบของการผ่าตัด
1 สังเกตและจดบันทึกปริมาณ ลักษณะสี ความขุ่น ใส ของปัสสาวะ คอยสังเกตว่าปัสสาวะไหลสะดวกดีหรือไม่
2 หลังจากเอาสายสวนปัสสาวะออกแล้ว คอยสังเกตว่ามารดาถ่ายปัสสาวะได้เองหรือไม่หมั่นตรวจดูว่ากระเพาะปัสสาวะคั่งค้างอยู่หรือไม
ในระยะนี้มารดาอาจเกิดอาการท้องอืด ท้องผูกขึ้นได้ ซึ่งเกิดจากการกระทบกระเทือนขณะผ่าตัดและผลจากยาระงับความรู้สึก ทำให้หน้าที่ของลำไส้ถูกรบกวน
ภาวะแทรกซ้อนของระบบหายใจ เช่น การใช้ออกซิเจนลดลง
อาการปวดแผลเป็นอาการที่มารดาได้รับความทรมานและต้องการให้อาการปวดหายไปทั้งนี้
การพัฒนาทักษะในการดูแลทารกหรือการแสดงบทบาทของมารดาเป็นสิ่งสำคัญแต่อาจถูกขัดขวาง
การพยาบาลด้านจิตใจ
สิ่งที่พยาบาลต้องคำนึงถึงคือ มารดาอาจขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของความต้องการทางด้านจิตใจ อารมณ์
1 อธิบายให้มารดาทราบถึงความต้องการของหญิงคลอด
.2 สอนมารดาถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อฟื้นฟูสมถรรนภาพของตนเองและเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มารดาเผชิญอยู่
3 กระตุ้นให้มารดาได้พูดถึงความรู้สึกต่างๆ ที่มีต่อการคลอดครั้งนี้และคอยประคับประคองให้กำลังใจแก่มารดา
4 อธิบายหรือชี้ประเด็นให้มารดามองเห็นถึงข้อดีต่างๆ
5 นำทารกให้มารดาและบิดาดูโดยเร็วที่สุดเท่าที่อาการของทารกจะเอื้ออำนวย
6 ให้มารดาได้มีโอกาสสัมผัส
7 กระตุ้นให้มารดาดูแลทารกด้วนตนเอง
8 ควรให้คำชมเชยแก่มารดาในขณะที่ดูแลทารก
จากการที่มารดาต้องได้รับการผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้องนี้ ระบบครอลครัวอาจกระทบกระเทือน
1 เมื่อพบบิดาและ/หรือสมาชิกในครอบครัว
2 แนะนำมารดาในเรื่องการพักผ่อนภายหลังผ่าตัด