Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่6 6.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต นาย พงศกร…

- - - - ปวดศรีษะ (Headache)
      - มองเห็นไม่ชัดหรือตามัวชั่วขณะ (blurred vision)
      - ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ (change in level of
        consciousness)
  - - - ให้คลำชีพจรที่แขนและขาทั้ง 2
        ข้าง และวัดความดันโลหิตที่แขนทั้ง 2 ข้าง
        
        จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน เรียกว่า pseudohypotension
  - - - 160/100 มม.ปรอท ภายใน 6 ชั่วโมง
    - - sodium nitroprusside
        
        ผลข้างเคียงBPต่ำอย่างรวดเร็ว
      - nitroglycerin
        
        รับประทานยาแล้วบ่นปวดศีรษะ ต้องให้Para
  - - - ได้แก่ neurologic,
        cardiac, and renal systems
    - - ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ควรลด SBP ลงมาต่ำกว่า 120 มม.ปรอท
        
        ความดันโลหิต DBP ที่เหมาะสม คือ 70-79 มม.ปรอท
- - - - เรียกว่า RVR= rapid ventricular response
        (AF C RVR)
        
        พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว จากการที่ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมองขนาดเล็ก
    - - พบบ่อยในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด
      - โรคหัวใจรูห์มาติก
      - ภาวะหัวใจล้มเหลว
      - ความดันโลหิตสูง เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
    - - ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยเวลาออกแรง คลำชีพจรที่ข้อมือได้เบา
    - - AFทำให้เกิดstroke ทำให้เกิด pulmonary embolus เกิดลิ่มเลือด (thromboembolism)
      - ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
      - สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน สมอง ปอด แขนและขา
      - ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ เช่น digoxin, beta-blocker, calcium channel blockers,amiodarone
      - เตรียมผู้ป่วยในการจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง (Radiofrequency Ablation) ในผู้ป่วยที่เป็น AF และไม่สามารถควบคุมด้วยยาได้
  - - - แต่จะพบ QRS complex มีรูปร่างผิดปกติกว้างมากกว่า 0.12 วินาท
    - - เน้น Sustained VT คือ VT ที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 30วินาท
    - - พบบ่อย ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
      - กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
    - - อาการเกิดทันทีผู้ป่วยจะรู้สึกใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ
        หน้ามืด เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หัวใจหยุดเต้น
    - - คลำชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว เจ็บหน้าอก ภาวะเขียว จำนวนปัสสาวะ
      - ในผู้ป่วยที่เกิด VT ให้เตรียม
        ผู้ป่วยในการทำ synchronized cardioversion
      - ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรไม่ได้(Pulseless VT) เพื่อให้แพทย์ทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ
  - - - Tension pneumothorax
      - Cardiac tamponade
      - Toxins
      - Pulmonary thrombosis
      - Coronary thrombosis
    - - อาการเกิดทันทีคือ หมดสติไม่มีชีพจร รูม่านตาขยาย
    - - สิ่งที่สำคัญคือ การช็อกไฟฟ้าหัวใจทันทีและการกดหน้าอก
    - - ปริมาณเลือดออกจากหัวใจในหนึ่งนาทีลดลงเนื่องจากความผิดปกติของ อัตรา และจังหวะการเต้นของหัวใจ
    - - O2 saturationน้อยกว่า 93% ในผู้ป่วยที่เป็น Stroke หรือ Acute MI
        
        ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
      - ติดตามค่าเกลือแร่ในเลือด
      - ติดตามและบันทึกอาการแสดงของภาวะอวัยวะและเนื้อเยื่อได้รับเลือดไปเลี้ยง (Tissue perfusion) ลดลง
        
        จากระดับความรู้สึกตัวลดลง ความดันโลหิตลดลง สีของผิวหนังเขียว
        
        อุณหภูมิของผิวหนังเย็นลง จำนวนปัสสาวะลดลง
        และ capillary refill time นาน
      - ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่า
        60 ครั้งต่อนาที ให้เตรียมอุปกรณ์สeหรับใส่ temporary pacing
- - - - อาการแสดงที่เกิดจากปัญหาของ
        หัวใจห้องล่างซ้าย หรือห้องบนซ้าย
        
        Orthopnea หรือ Paroxysmal nocturnal dyspnea (PND)
        
        เกิดจากความ ดันในหัวใจห้องบนซ้ายหรือห้องล่างซ้ายสูงขึ้น
    - - อาการแสดงที่เกิดจากปัญหาของหัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle) หรือ ห้องบนขวา (Right atrium)
        
        อาการบวม ตับโต
  - - - ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ซีด ภาวะขาดวิตามินบี1 (Beri Beri heart disease)
    - - ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute heart failure)
        
        ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลวมาก่อนแต่มีอาการเลวลง (Acutedecompensated heart failure หรอื ADHF)
        
        อาการเกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว
      - ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง (Chronic heart failure)
        
        ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมาก่อน
  - - - ในผู้ป่วยที่มีหัวใจโตขึ้นจะเลื่อนไปทางรักแร้และลงล่าง
        
        คลำพบหัวใจห้องล่างซ้าย (Left ventricular heaving) หรือ หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricular heaving) ได้
  - - - การทำงานของไต (Renal function): การตรวจ BUN, creatinine
  - - - ประเมินผู้ป่วยใหม่
      - เพิ่มขนาดของยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำชนิด Loop diuretic
      - เปลี่ยนการบริหารยาเป็นแบบ Continuous infusion
      - เพิ่มยาขับปัสสาวะที่ออกฤทธิ์แตกต่างlow-dose dopamine
      - ไม่ได้ผลให้พิจารณา Ultrafiltration
      - พิจารณาใช้ยาขยายหลอดเลือด ได้แก่ Sodium nitroprusside หรือ Nitroglycerine
        
        ในกรณีที่มีPulmonary edema และความดันซิสโตลิก มากกว่า 110 มิลลิเมตรปรอท
      - ให้ Oxygen supplement
        
        Oxygen saturation น้อยกว่าร้อยละ 90 หรือ pO2 น้อยกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท
  - - - ผู้ป่วยอาการหัวใจล้มเหลวดีขึ้น
      - ผู้ป่วยไม่มีภาวะน้ำเกินหรือขาดน้ำ
      - ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นที่เป็นสาเหตุ
  - - - ยาที่นิยมคือ Lasix ซึ่งสามารถขับน้ำออกจากร่างกายได้มาก
        
        จึงทําให้สูญเสียโปแตสเซียมไปกับปัสสาวะมากขึ้น
    - - หากมีนํ้าหนักเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัมใน 1 วัน แสดงว่าขณะนั้นมีนํ้าเกิน
- - - - เป็นภาวะช็อกที่หลอดเลือดตีบ (Vasoconstriction)
    - - เป็นภาวะช็อกที่หลอดเลือดขยายตัว (Vasodilatation)
  - - - กรณีที่มี Upper airway obstruction ควรทำการเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
    - - ในผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะช็อกควรให้ออกซิเจนร่วมด้วย
    - - พิจารณาการให้สารน้ำหรือ Vasopressors / inotropes ตามสาเหตุของช็อก
  - - - เนื่องจากการให้สารน้ำ (Fluid therapy) โดย Crystalloids ที่ใช้ในการ Resuscitation คือ Normal saline, Ringer's lactate solution, Ringer's
        acetate solution
    - - ระวัง Potassium สูง
    - - มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เป็นพิษต่อไต
  - - - เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ (Cardiac contractility)
    - - เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate)
    - - เพิ่มความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลาย (Systemic vascular
  - - - ห้ามให้Vasoactive drugs
        
        ให้น้ำเกลือแทน
    - - เลือกใช้ Dopamine
        
        HRต่ำให้ได้ แต่HRสูงห้ามให้เด็ดขาด
      - เลือก Norepinephrine ได้
        
        ให้ได้เพราะปลอดภัย
    - - ความดันโลหิตยังต่ำอยู่ พิจารณาใช้ Dopamine
  - - - ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาเข้าทางหลอดเลือดดำใหญ่ตรง Antecubital vein โดยใช้ infusion pump
        
        เช็ค set IV ทุก 8 hr.
    - - ดูแลส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดโดยจัดท่านอนและให้ออกซิเจน
      - ประเมินสัญญาณชีพ O2 Saturation ทุก 15 นาที
    - - อธิบาย ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับภาวะโรคและแผน
        การรักษา
    - - ดูแลเช็ดตัวลดไข้