Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต,…
บทที่ 6.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
Hypertensive crisis
ค่าความดันโลหิตซิสโตลิก
ตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอท และความดันโลหิตไดแอสโตลิกตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอท ในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป
สาเหตุ
การหยุดยาลดความดันโลหิตทันที
Acute or chronic renal disease
Exacerbation of chronic hypertension
การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
อาการและอาการแสดง
hypertensive encephalopathy
ปวดศรีษะ
การมองเห็นผิดปกติ
คลื่นไส้ อาเจียน
Myocardial infarction
Unstable angina
Pulmonary edema
Aortic dissection
การรักษา
รักษาทันทีใน ICU
ให้ยาลดความดันโลหิตชนิดฉีดเข้าหลอด
เลือดดำ
เพื่อลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ต้องการโดยป้องกันอวัยวะต่างๆไม่ให้ถูกทำลายมากขึ้น
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา คือลดความดันโลหิตเฉลี่ย (mean arterial pressure) ลงจากระดับเดิม 20-30% ภายใน 2 ชั่วโมงแรก และ 160/100 มม.ปรอท ใน 2-6 ชั่วโมง
เมื่อควบคุมความดันโลหิตได้คงที่แล้วเป้าหมายการรักษาจะเป็นการรักษาสาเหตุที่ท าให้เกิด Hypertensive crisis
ยาลดความดันโลหิต
การเลือกใช้ยาขึ้นอยู่กับอาการและยาที่มีในโรงพยาบาล
เช่น sodium nitroprusside ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตบกพร่อง
ไม่แนะนำให้ใช้ยา Nifedipine ทั้งทางปากและบีบใส่ใต้ลิ้น เพราะความดันโลหิตอาจลดต่ำลงมากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมได้
การพยาบาล
ในระยะเฉียบพลัน เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของระบบต่างๆ
Neurologic symptoms ได้แก่ สับสน confusion, stupor, seizures, coma, or stroke
Cardiac symptoms ได้แก่ aortic dissection, myocardial ischemia, or dysrhythmias.
ในระหว่างได้รับยา ประเมินและบันทึกการตอบสนองต่อยาโดยติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกัน
การลดลงของความดันโลหิตอย่างรวดเร็ว
การรักษาด้วย short-acting intravenous antihypertensive agents
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการท ากิจกรรม เช่นการจัดท่านอนให้สุขสบาย
ให้ความรู้/ข้อมูลแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการรักษาเพื่อควบคุมความดันโลหิต
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
วิตกกังวล
Cardiac dysrhythmias
Atrial fibrillation (AF)
คือ ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพริ้ว
เกิดจากจุดปล่อยกระแสไฟฟ้า (ectopicfocus) ใน atrium ส่งกระแสไฟฟ้าออกมาถี่และไม่สม่ำเสมอและไม่ประสานกัน ทำให้atrium บีบตัวแบบสั่นพริ้วและคลื่นไฟฟ้าไม่สามารถผ่านไปยัง ventricle ได้ทั้งหมด
ECG ไม่สามารถบอก P wave ได้ชัดเจนจังหวะไม่สม่ำเสมอ QRS complex ไม่เปลี่ยนแปลง
อัตราการเต้นของ atrial มากกว่า 350 ครั้ง/นาที
ถ้าอัตราการเต้นของ ventricle มากกว่า100 ครั้ง/นาที เรียกว่า rapid ventricular response
ประเภทของ AF
Paroxysmal AF
Persistent AF
Permanent AF
Recurrent AF
Lone AF
สาเหตุ
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจรูห์มาติก ภาวะหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ (open heart surgery), hyperthyrodism
อาการและอาการแสดง:ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยเวลาออกแรง คลeชีพจรที่ข้อมือได้เบา
การพยาบาล
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ การเกิดลิ่มเลือด AF
เกิดเลือดแข็งตัวในหัวใจห้องบนซ้ายซึ่งมีโอกาสหลุดไปในกระแสเลือด
ทำให้เกิดstroke เป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์
ทำให้เกิด pulmonary embolus
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน สมอง ปอด แขนและขา
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ เช่น digoxin, beta-blocker, calcium channel blockers,amiodarone
ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษา
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการท า Cardioversion
เตรียมผู้ป่วยในการจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง ในผู้ป่วยที่เป็น AF และไม่สามารถควบคุมด้วยยาได้
Ventricular tachycardia (VT)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจ
อัตราที่เร็วมากแต่สม่ำเสมอ 150-250 ครั้ง/นาที
ECG ไม่พบ P wave ลักษณะ QRS complex มีรูปร่างผิดปกติกว้างมากกว่า 0.12 วินาที VT อาจเปลี่ยนเป็น VF ได้ในทันทีและทำให้เสียชีวิต
สาเหตุ
Myocardial infarction
Rheumatic heart disease
ถูกไฟฟ้าดูด ภาวะโพแทสเซียมในเลือดตำ
กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
อาการและอาการแสดง: เกิดทันทีผู้ป่วยจะรู้สึกใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด เจ็บหน้าอก หายใจลeบาก หัวใจหยุดเต้น
การพยาบาล
นำเครื่อง Defibrillator มาที่เตียงผู้ป่วยและรายงานแพทย์ทันที
คลำชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว เจ็บหน้าอก ภาวะเขียว จำนวนปัสสาวะ
ร่วมกับแพทย์ในการดูแลให้ได้รับยาและแก้ไขสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ทำ CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
Ventricular fibrillation (VF)
ECG จะไม่มี P wave ไม่เห็นรูปร่างของ QRS complex ระบุไม่ได้ว่าส่วนไหนเป็น QRS complex
สาเหตุที่ทำให้เกิด VF และ Pulseless VT
Tension pneumothorax
Cardiac tamponade
Toxins
Pulmonary thrombosis
Hypothermia
Hyperkalemia
Hypokalemia
Hydrogen ion (acidosis)
Hypoxia
Hypovolemia
Coronary thrombosis
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle เป็นจุดกำเนิด
อาการและอาการแสดง:อาการเกิดทันทีคือ หมดสติไม่มีชีพจร รูม่านตาขยาย เนื่องจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตออกมาได้และเสียชีวิต
การพยาบาลเตรียมเครื่งมือ อุปกรณ์และยาที่ใช้ในการช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อมและทำ CPR ทันที
Acute Heart Failure (AHF)
ชนิดของหัวใจล้มเหลวที่แบ่งตามอาการและอาการแสดงของหัวใจที่ผิดปกติ
Left sided-heart failure
เกิดจากปัญหาของหัวใจห้องล่างซ้าย หรือห้องบนซ้าย
Orthopnea หรือ Paroxysmal nocturnal dyspnea (PND)
เกิดจากความ ดันในหัวใจห้องบนซ้ายหรือห้องล่างซ้ายสูงขึ้น
Right sided-heart failure
เกิดจากปัญหาของหัวใจห้องล่างขวาหรือ ห้องบนขวา
อาการบวม ตับโต
ชนิดของหัวใจล้มเหลวที่แบ่งตามลักษณะของ Cardiac output
High-output heart failure:
เกิดจากการที่ร่างกายต้องการปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจมากกว่าปกติ โดยที่การทำงานของหัวใจอาจจะปกติได้
ผู้ป่วย ไทรอยด์เป็นพิษ ซีด ภาวะขาดวิตามินบี1 (Beri Beri heart disease)
Low-output heart failure
Chronic heart failure
Acute heart failure
ภาวะที่หัวใจบีบเลือดออกจากหัวใจได้น้อยลง จนเกิดภาวะหัวใจล้มภาวะหัวใจล้มเหลวสามารถแบ่งได้หลายชนิด
สาเหตุ
ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ (Valvular heart disease) เช่น ลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจเช่น หัวใจ ห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลง
ความผิดปกติแต่กำเนิดเช่น ผนังกั้น ห้องหัวใจรั่ว
ความผิดปกติของเยื่อหุ้มหัวใจ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจหนาบีบรัดหัวใจ
ความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ เช่น Myocardial ischemia
induced heart failure
อาการและอาการแสดง
อาการบวมในบริเวณที่เป็นระยางส่วนล่างของร่างกาย เช่น เท้า
อ่อนเพลีย (Fatigue)
Dyspnea ขณะที่ออกแรงหายใจไม่สะดวกขณะนอนราบ (Orthopnea)
แน่นท้อง ท้องอืด
หัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia) หายใจเร็ว (Tachypnea)
เส้นเลือดดำ ที่คอโป่งพอง
ัหัวใจโต โดยตรวจพบว่ามีApex beat หรือ Point of Maximum Impulse (PMI)
การวินิจฉัย
electrocardiography
Echocardiography
Chest X-ray, CXR
Shock
ประเภทของช็อก
Hypodynamic shock
เป็นภาวะช็อกที่ Cardiac output ต่ำ
เป็นภาวะช็อกที่หลอดเลือดตีบ
diastolic blood pressure สูง และ Pulse
pressure แคบทำให้ Systemic vascular resistance (SVR) สูง
Distributive shock, hyperdynamic shock
เป็นภาวะช็อกที่cardiac output สูง
เป็นภาวะช็อกที่หลอดเลือดขยายตัว
Diastolic blood pressure ต่ำและ Pulse pressure กว้าง ทำให้ Systemic vascular resistance (SVR) ต่ำ
Shock management
การรักษาจำเพาะ
การรักษาประคับประคอง
Supportive treatment
Breathing: ในผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะช็อกควรให้ออกซิเจนร่วมด้วย ในกรณีที่มี Respiratory failure ให้พิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ
Circulation: พิจารณาการให้สารน้ำหรือ Vasopressors / inotropes ตามสาเหตุของช็อกแต่ละประเภท
Airway: กรณีที่มี Upper airway obstruction ควรทำการเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
ตำแหน่งของหลอดเลือดในการให้สารน้ำ
ควรเลือกเส้นเลือดดำที่เป็น Peripheral vein มากกว่าการให้สารน้ำผ่านทาง Central venous
catheter
นางสาวสุชัญญา ยวงมณี 6001210330 เลขที่ 17 sec.B