Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต, นางสาวอมรรัตน์…
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
Hypertensive crisis
ความหมาย
ภาวะความดันโลหิตสูงอย่างเฉียบพลันสูงกว่า 180/120 มม.ปรอท และทาให้เกิดการทาลายของอวัยวะเป้าหมาย
สาเหตุ
การหยุดยาลดความดันโลหิตทันที (Sudden withdrawal of antihypertensive medications)
Acute or chronic renal disease
Exacerbation of chronic hypertension
การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทาให้ความดันโลหิตสูง
อาการและอาการแสดง
ความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤตที่ทาให้เกิดอาการทางสมองเรียกว่าhypertensive encephalopathyจะมีอาการ ปวดศรีษะ การมองเห็นผิดปกติ สับสน คลื่นไส้ อาเจียน
กลุ่มอาการโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน (Acute cardiovascular syndromes) กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction) เจ็บแน่นหน้าอกแบบเฉียบพลัน/แบบไม่คงที่ (Unstable angina)
น้าท่วมปอด (Pulmonary edema)
ภาวะเลือดเซาะในผนังหลอดเลือดเอออร์ต้า (Aortic dissection)
การซักประวัติ
การสูบบุหรี่ ประวัติความดันโลหิตสูงที่เป็นในสมาชิกครอบครัว ความดันโลหิตสูงขณะ ตั้งครรภ์ โรคอื่นๆที่เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง
มีอาการ เจ็บหน้าอก (chest pain) เหนื่อยง่ายแน่นอกเวลาออกแรง
ปริมาณปัสสาวะลดลง หรืออาจไม่มีการขับถ่ายปัสสาวะ
การตรวจร่างกาย
วัดสัญญาณชีพ ความดันโลหิตเปรียบเทียบกันจากแขนซ้ายและขวา น้าหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย เส้น รอบเอว
แขนขาชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีก มองเห็นไม่ชัดหรือตามัวชั่วขณะ (blurred vision) ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ (change in level of consciousness) หมดสติ(Coma)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจ CBC
ทำงานของไตจากค่า Creatinine และ Glomerular filtration rate (eGFR)
12-lead ECG และ chest X- ray
การรักษา
ยาลดความดันโลหิตชนิดฉีดเข้าหลอด เลือดดา
การพยาบาล
ในระยะเฉียบพลัน เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของระบบต่างๆ ได้แก่ neurologic, cardiac, and renal systems
: ติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกัน การลดลงของความดันโลหิตอย่างรวดเร็ว
ประเมินการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลาย ได้แก่ ชีพจร capillary refill อุณหภูมิของผิวหนัง
การรักษาด้วยshort-actingintravenousantihypertensiveagents
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทากิจกรรม
ให้ความรู้/ข้อมูลแก่ผู้ป่วย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ (Risk for ineffective cerebral tissue perfusion)
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ (Risk for ineffective peripheral tissue perfusion)
วิตกกังวล (Anxiety related to threat to biologic, psychologic, or social integrity)
พร่องความรู้ (Deficient knowledge related to lack of previous exposure to information)
Cardiac dysrhythmias
Atrial fibrillation (AF)
ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพริ้ว
: สาเหตุ
โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจรูห์มาติก ภาวะหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง เยื่อหุ้มหัวใจ อักเสบ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ (open heart surgery), hyperthyrodism
ventricle ถ้าอัตราการเต้นของ ventricle 60-100 ครั้ง/นาที เรียกว่า controlled response ถ้าอัตราการเต้นของ ventricle มากกว่า100 ครั้ง/ นาที เรียกว่า rapid ventricular response
อาการและอาการแสดง
ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด (thromboembolism)
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน สมอง ปอด แขนและขา
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ เช่น digoxin, beta-blocker, calcium channel blockers, amiodarone
ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษาในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีลิ่มเลือดเกิดขึ้น
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการทา Cardioversion เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
เตรียมผู้ป่วยในการจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง (Radiofrequency Ablation) ในผู้ป่วยที่เป็น AF และไม่ สามารถควบคุมด้วยยาได้
Ventricular tachycardia (VT)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
อัตราที่เร็วมากแต่สม่าเสมอ 150-250 ครั้ง/นาที
ECG ไม่พบ P wave ลักษณะ QRS complex มีรูปร่างผิดปกติกว้างมากกว่า 0.12 วินาที:
สาเหตุ
กล้ามเนื้อหัวใจตายบริเวณกว้าง (Myocardial infarction) โรคหัวใจรูห์มาติก (Rheumatic heart disease) ถูกไฟฟ้าดูดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่าพิษจากยาดิจิทัลลิส(Digitalis toxicity) และ กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น ความดันโลหิตต่า หน้ามืด เจ็บหน้าอก หายใจลาบาก หัวใจหยุดเต้น
การพยาบาล : :
นาเครื่อง Defibrillator มาที่เตียงผู้ป่วยและรายงานแพทย์ทันที และเปิดหลอดเลือดดาเพื่อให้ยาและสาร น้ า
คลาชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว เจ็บหน้าอก ภาวะเขียว จานวนปัสสาวะ เพื่อประเมิน ภาวะเลือดไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะสาคัญลดลง
ร่วมกับแพทย์ในการดูแลให้ได้รับยาและแก้ไขสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในผู้ป่วยที่เกิดVTและคลาชีพจรได้ร่วมกับมีอาการของการไหลเวียนโลหิตในร่างกายลดลงให้เตรียม ผู้ป่วยในการทา synchronized cardioversion
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลาชีพจรไม่ได้ (Pulseless VT) ให้เตรียมเครื่อง Defibrillator เพื่อให้แพทย์ทา การช็อกไฟฟ้าหัวใจ ในระหว่างเตรียมเครื่องให้ทาการกดหน้าอกจนกว่าเครื่องจะพร้อมปล่อยกระแสไฟฟ้า
ทา CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
Ventricular fibrillation (VF)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ECG จะไม่มี P wave ไม่เห็น รูปร่างของ QRS complex
อาการและอาการแสดง
หมดสติ ไม่มีชีพจร รูม่านตาขยาย
การพยาบาล
CPR ทันที เนื่องจากการรักษา VF และ Pulseless VT สิ่งที่สาคัญคือ การช็อกไฟฟ้าหัวใจทันที และการกดหน้าอก
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ปริมาณเลือดออกจากหัวใจในหนึ่งนาทีลดลงเนื่องจากความผิดปกติของ อัตรา และจังหวะการเต้นของหัวใจ
การพยาบาล
ติดตามและบันทึกอาการแสดงของภาวะอวัยวะและเนื้อเยื่อได้รับเลือดไปเล้ียง (Tissue perfusion) ลดลง
ให้ยา antidysrhythmia
ทา CPR ร่วมกับทีมรักษาผู้ป่วย ในกรณีเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง (lethal dysrhythmias)
หัวใจล้มเหลว (Heart failure)
ชนิดของหัวใจล้มเหลวที่แบ่งตามเวลาการเกิดโรค
Newonset:หวัใจล้มเหลวที่เกิดขึ้นครั้งแรกโด
Transient:หัวใจล้มเหลวที่มีอาการชั่วขณะ
Chronic: หัวใจล้มเหลวที่มีอาการเรื้อรัง
ชนิดของหัวใจล้มเหลวที่แบ่งตามการทํางานของกล้ามเนื้อหัวใจ
Systolic heart failure
Diastolic heart failure
ชนิดของหัวใจล้มเหลวที่แบ่งตามอาการและอาการแสดงของหัวใจที่ผิดปกติ
Leftsided-heartfailure
ปัญหาของ หัวใจห้องล่างซ้าย หรือห้องบนซ้าย
อาการเกิดขึ้นกับปอด
Right sided-heart failure
ปัญหา ของหัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle)
อาการบวม ตับโต
ชนิดของหัวใจล้มเหลวที่แบ่งตามลักษณะของ Cardiac output
high-outputheartfailure:
หัวใจล้มเหลวเกิดจากการที่ร่างกาย ต้องการปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ (Cardiac output) มากกว่าปกติ
Low-output heart failure
หัวใจบีบเลือดออกจากหัวใจได้ น้อยลง (Low cardiac output) จนเกิดภาวะหัวใจล้มภาวะหัวใจล้มเหลว
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute heart failure)
ADHF
มีอาการ
ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง (Chronic heart failure)
ไม่มีอาการ
สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว
ความผิดปกติแต่กําเนิด (Congenital heart disease)
ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ (Valvular heart disease) :
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ (Myocardial disease)
ความผิดปกติของเยื่อหุ้มหัวใจ
ความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease)
อาการและอาการแสดง
เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้หรือเกิดจากการคั่งของเลือดในหัวใจห้องขวา ทําให้หลอด เลือดดําที่คอโป่ง ตับโต จุกแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ และบวม :
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการวินิจฉัย ภาพถ่ายรังสีทรวงอก (Chest X-ray, CXR)
ภาวะเลือดคั่งในปอด (Pulmonary congestion) ภาวะที่มีความผิดปกติของ หัวใจ
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiography)
ความผิดปกติของหัวใจ
การตรวจเลือด
Complete blood count (CBC): เพื่อตรวจหาภาวะซีด
การทํางานของไต (Renal function)
BUN, creatinine เพื่อประเมินการทํางานของไต
การตรวจการทํางานของตับ (Liver function test)
การคั่งของเลือดในตับ (Hepatic congestion) และผู้ป่วยตับแข็ง (Cirrhosis) อาจมี อาการบวมละเหนื่อยง่าย
เวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา
ประเมินผู้ป่วยใหม่
เพิ่มขนาดของยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดําชนิด Loop diuretic
เปลี่ยนการบริหารยาเป็นแบบ Continuous infusion
เพิ่มยาขับปัสสาวะที่ออกฤทธิ์แตกต่าง ได้แก่ Thiazide หรือ aldosterone antagonist,
low-dose dopamine (ขนาดตำ่กว่า 5 ไมโครกรัม / กิโลกรัม / นาที)
พิจารณาให้ยากระตุ้นหัวใจทางหลอดเลือด (Intravenous inotrope) หรือยาขยายหลอด
เลือด (Vasodilator)
เมื่อใช้แนวทางปฏิบัติข้างต้น (3.1-3.6) แล้วไม่ได้ผลให้พิจารณา Ultrafiltration
บทบาทพยาบาล
จัดท่านั่งศีรษะสูง 30-90 องศา (Fowler’s position) หรือนั่งฟุบบนโต๊ะข้างเตียง เพื่อช่วยลดปริมาตร เลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจและช่วยให้ปอดขยายตัวได้ดีขึ้น ลดอาการเหนื่อยหอบ
ประเมิน V/S ทุก 1 ชั่วโมง
ฟังเสียงหัวใจทุก 2-4 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
Shock
การแบ่งประเภทของช็อก (Classification of shock)
Low cardiac output shock (Hypodynamic shock) เป็นภาวะช็อกที่ Cardiac output ต่ํา และ เป็นภาวะช็อกที่หลอดเลือดตีบ (Vasoconstriction)
High cardiac output shock (Distributive shock, hyperdynamic shock) เป็นภาวะช็อกที่
cardiac output สูง
1) Septic shock
2) Anaphylactic shock
3) Endocrinologic shock ได้แก่ Adrenal crisis, thyroid storm
4) Neurogenic shock
5) Drug and toxin
การเลือกใช้ Vasoactive drugs ในช็อก
Septic shock ควรให้สารน้ําก่อน ถ้าให้สารน้ําเพียงพอแล้วความดันโลหิตยังไม่ขึ้น อาจให้ Dopamine หรือ Norepinephrine
Endocrinologic shock ได้แก่ Adrenal crisis และ Thyroid storm ควรให้สารน้ําและให้การรักษา ทดแทนทางฮอร์โมน หรือให้ยาต้านธัยรอยด์ใน Thyroid storm
Anaphylactic shock เลือก Epinephrine (Adrenaline)
Neurogenic shock เลือก Dopamine
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ผู้ป่วยอยู่ในภาวะปริมาณเลือดออกจากหัวใจต่อนาทีตำ่ลงเนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะช็อค
1) ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพอาการอาการแสดงของShockและระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยทุก10 นาที
2) ดูแลให้ได้รับสารน้ํา0.9%NSSloadจนครบ
3) ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ Ceftriazone 2 gm Intravenous drip in 1 hr (Septic shock)
4) บันทึกจํานวนปัสสาวะที่ออกเพื่อประเมินหน้าที่การทํางานของไตผู้ป่วยปัสสาวะ
Levophedอาจเกิดภาวะยาดังเฉพาะที่หรือรั่วซึมออกนอก หลอดเลือดเกิดเนื้อตายได้
ประเมินผลความดันโลหิตอ
เสี่ยงต่อภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจนเนื่องจากประสิทธิภาพการหายใจลดลง
จัดท่านอนและให้ออกซิเจน
ผู้ป่วยและญาติมีสีหน้าวิตกกังวล
ให้คําอธิบายตอบข้อซักถามเกี่ยวกับภาวะโรคและแผนการรักษา
ไขจ้ ากมีการติดเชื้อในกระแสเลือด (Septic shock)
เช็ดตัวลดไข้
นางสาวอมรรัตน์ สารการณ์ 6001210286 SecB เลขที่14