Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต - Coggle Diagram
บทที่ 6 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต
Hypertensive crisis
การตรวจร่างกาย
วัดสัญญาณชีพ
น้ำหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว
ตรวจหาความผิดปกติที่เกิดจาก TOD
การซักประวัติ
การสูบบุหรี
ประวัติความดันโลหิตสูงที่เป็นในสมาชิกครอบครัว
ความสม่ำเสมอในการรับประทานยา
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
โรคประจำตัว
target organ damage
ไทรอยด์เป็นพิษ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
Cr eGFR
ค่าอัลบูมินในปัสสาวะ
CBC
12-lead ECG
chest X-ray
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง
อาการและอาการแสดง
Myocardial infarction
Unstable angina
Acute cardiovascular syndromes
Pulmonary edema
hypertensive encephalopathy
Aortic dissection
การรักษา
ให้ยาลดความดันโลหิตชนิดspfเข้าหลอดเลือดดำ
ให้ mean arterial pressure
ให้การรักษาทันทีใน ICU
ยาที่มีใช้ในประเทศไทย เช่น sodium nitroprusside, nitroglycerin
สาเหตุ
Acute or chronic renal disease
Exacerbation of chronic hypertension
การหยุดยาลดความดันโลหิตทันที
การใช้ยาบางชนิดที่มีผลท าให้ความดันโลหิตสูง
การพยาบาล
ประเมินการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลาย
ประเมินการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงไต
ในระหว่างได้รับยา ประเมินและบันทึกการตอบสนองต่อยาโดยติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด
การรักษาด้วย short-acting intravenous antihypertensive agents
ระยะเฉียบพลัน เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของระบบต่างๆ
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจกรรม
ให้ความรู้/ข้อมูลแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการรักษา
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ
วิตกกังวล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
พร่องความรู
Cardiac arrhythmias: Sustained AF, VT, VF
Ventricular tachycardia (VT)
ประเภทของ VT แบ่งเป็น
Sustained VT
Monomorphic VT
Nonsustained VT
Polymorphic VT
อาการและอาการแสดง
รู้สึกใจสั่น
ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด
เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก
หัวใจหยุดเต้น
ความหมาย/ลักษณะ
ไม่พบ P wave, QRS complex มีรูปร่างผิดปกติกว้างมากกว่า 0.12 วินาที
VT อาจเปลี่ยนเป็น VF ได้ในทันทีและทำให้เสียชีวิต
อัตราที่เร็วมากแต่สม่ำเสมอ 150-250 ครั้ง/นาที
ventricle เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจ
การพยาบาล
ร่วมกับแพทย์ในการดูแลให้ได้รับยาและแก้ไขสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรได้ร่วมกับมีอาการของการไหลเวียนโลหิตในร่างกายลดลง ให้เตรียมผู้ป่วยในการทำ synchronized cardioversion
เพื่อประเมินภาวะเลือดไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะสำคัญลดลง
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรไม่ได้ ให้เตรียมเครื่อง Defibrillator เพื่อให้แพทย์ทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ
นำเครื่อง Defibrillator มาที่เตียงผู้ป่วยและรายงานแพทย์ทันที เปิดหลอดเลือดดำเพื่อให้ยาและสารน้ำ
ทำ CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
Atrial fibrillation (AF)
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย
เหนื่อยเวลาออกแรง
ใจสั่น
คลำชีพจรที่ข้อมือได้เบา
ประเภทของ AF
Permanent AF
Recurrent AF
Persistent AF
Lone AF
Paroxysmal AF
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษาในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีลิ่มเลือดเกิดขึ้น
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน สมอง ปอด แขนและขา
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการทำ Cardioversion เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
เตรียมผู้ป่วยในการจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง
ความหมาย/ลักษณะ
QRS complex ไม่เปลี่ยนแปลง
อัตราการเต้นของ atrial มากกว่า 350 ครั้ง/นาที
ไม่สามารถบอก P wave ได้ชัดเจน จังหวะไม่สม่ำเสมอ
อัตราการเต้นของ ventricle มากกว่า100 ครั้ง/ นาที เรียกว่า rapid ventricular response
จุดปล่อยกระแสไฟฟ้าใน atrium ส่งกระแสไฟฟ้าออกมาถี่และไม่สม่ำเสมอและไม่ประสานกัน
Ventricular fibrillation (VF)
สาเหตุ
Hypothermia
Tension pneumothorax
Hyperkalemia
Cardiac tamponade
Hypokalemia
Toxins
Hydrogen ion (acidosis)
Pulmonary thrombosis
Hypoxia
Coronary thrombosis
Hypovolemia
อาการและอาการแสดง
รูม่านตาขยาย
เสียชีวิต
หมดสติ ไม่มีชีพจร
ความหมาย/ลักษณะ
เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ไม่สม่ำเสมอ
ไม่มี P wave ไม่เห็นรูปร่างของ QRS complex
ventricle เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่ง
ระบุไม่ได้ว่าส่วนไหนเป็น QRS complex ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขผู้ป่วยจะหัวใจหยุดเต้น ทันที
การพยาบาล
ป้องกันภาวะ tissue hypoxia โดยให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
ติดตามค่าเกลือแร่ในเลือด เพื่อหาสาเหตุนำของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ติดตามผลข้างเคียงของยาที่ใช้ในการรักษา
ติดตามและบันทึกอาการแสดงของภาวะอวัยวะและเนื้อเยื่อได้รับเลือดไปเลี้ยงลดลง
ติดตามและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ให้ยา antidysrhythmia ตามแผนการรักษาและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำsynchronized cardioversion
ทำ CPR ร่วมกับทีมรักษาผู้ป่วยในกรณีเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง
Acute Heart Failure (AHF)
อาการและอาการแสดงของหัวใจล้มเหลว
อ่อนเพลีย (Fatigue)
แน่นท้อง ท้องอืด
อาการบวม
เส้นเลือดดำ ที่คอโป่งพอง
อาการเหนื่อย (Dyspnea)
เสียงปอดผิดปกติ (Lung crepitation)
ตับโต (Hepatomegaly) หรือท้องมานน้ำ
การวินิจฉัย
CBC, Renal function, Liver function test
Echocardiography
electrocardiography
Chest X-ray
สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว
ความผิดปกติแต่กำเนิด
ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ
ความผิดปกติของเยื่อหุ้มหัวใจ
ความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาและมีการติดตามประเมินผลของยา
ชั่งนํ้าหนักผู้ป่วยทุกวันในเวลาเดิม
ประเมิน V/S ทุก 1 ชั่วโมง
จํากัดประมาณ 800-1,000 ซีซี/วัน
ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับความเจ็บป่วย
จัดท่านั่งศีรษะสูง 30-90 องศา (Fowler’s position)
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานของหัวใจ
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในการควบคุมอาการ
ชนิดของหัวใจล้มเหลว
ตามการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ
1) Systolic heart failure
2) Diastolic heart failure
แบ่งตามอาการและอาการแสดงของหัวใจที่ผิดปกติ
1) Left sided-heart failure
Orthopnea หรือ Paroxysmal nocturnal dyspnea (PND)
ความดันในหัวใจห้องบนซ้ายหรือห้องล่างซ้ายสูงขึ้น
2) Right sided-heart failure
ปัญหาของหัวใจห้องล Right ventricle หรือ ห้อง Right atrium
อาการบวม ตับโต
ตามเวลาการเกิดโรค
2) Transient: หัวใจล้มเหลวที่มีอาการชั่วขณะ
3) Chronic: หัวใจล้มเหลวที่มีอาการเรื้อรัง
1) New onset: หัวใจล้มเหลวที่เกิดขึ้นครั้งแรก
่แบ่งตามลักษณะของ Cardiac output
1) High-output heart failure
2) Low-output heart failure
Shock
การแบ่งประเภทของช็อก
Low cardiac output shock
1) Hypovolemic shock
2) Cardiogenic shock
ภาวะช็อกที่หลอดเลือดตีบ
3) Obstructive shock
High cardiac output shock
ภาวะช็อกที่หลอดเลือดขยายตัว
1) Septic shock
2) Anaphylactic shock
3) Endocrinologic shock
4) Neurogenic shock
5) Drug and toxin
Supportive treatment
Breathing
Circulation
Airway
Nursing diagnosis/Intervention
เลือดออกจากหัวใจต่อนาทีลดลงเนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะช็อค
2) ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS load จนครบ
3) ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ Ceftriazone 2 gm Intravenous drip in 1 hr (Septic shock)
1) ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพอาการอาการแสดงของ Shock และระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยทุก 10 นาที
4) บันทึกจำนวนปัสสาวะที่ออกเพื่อประเมินหน้าที่การทำงานของไต
เสี่ยงต่อภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจนเนื่องจากประสิทธิภาพการหายใจลดลง
2) Observe O2 Saturation เพื่อให้เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนและการแลกเปลี่ยนก๊าซอย่างเพียงพอ
3) ประเมินสัญญาณชีพ O2 Saturation ทุก 15 นาที
1) ดูแลส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดโดยจัดท่านอนและให้ออกซิเจน
Fluid therapy
Crystalloids เช่น Normal saline, Ringer's lactate solution, Ringer's acetate solution
colloids