Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกที่มีความเสี่ยง, นางสาวณัฐฐา เทาตัน เลขที่36 รุ่น36/1 …
การพยาบาลทารกที่มีความเสี่ยง
ประเภทของทารกแรกเกิด
จำแนกตามน้ำหนักแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
• Low birth weight infant (LBW infant) คือทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่า 2,500 กรัม
• Normal birth weight infant (NBW infant) คือทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิด 2,500 กรัมถึงประมาณ 3,800-4,000 กรัม
การจำแนกตามอายุครรภ์
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดเกณฑ์
-ทารกเกิดก่อนกำหนด (Preterm infant) คือทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์
-ทารกแรกเกิดครบกำหนด (Term or mature infant) คือทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์ถึง 41 สัปดาห์
-ทารกแรกเกิดหลังกำหนด (Posterm infant) ทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์มากกว่า 41 สัปดาห์
สาเหตุ / ปัจจัยส่งเสริม
-"มารดามีภาวะแทรกซ้อนเช่นความดันโลหิตสูงรกลอกตัวก่อนกำหนดแท้งคุกคามในไตรมาสแรกมีเลือดออกไตรมาสที่ 2 หรือ 3 การติดเชื้อในครรภ์เช่นหัดเยอรมัน
-มารดาป่วยเป็นโรคหัวใจเบาหวานไตติดเชื้อ
-ตั้งครรภ์แฝดมารดาติดยาเสพติด
เศรษฐานะไม่ดี
-อายุน้อยกว่า 16 ปีหรือมากกว่า 35 ปี
ลักษณะของทารกเกิดก่อนกำหนด
-น้ำหนักน้อยรูปร่างรวมทั้งแขนขามีขนาดเล็กศีรษะจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัวกะโหลกศีรษะนุ่มรอยต่อกะโหลกศีรษะและขม่อมกว้างเปลือกตาบวมและนูนออกมา
ผิวหนังบางสีแดงและเหี่ยวย่นมองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจนมักบวมตามมือและเท้าไขมันคลุมตัว (Vernix Caseosa) มีน้อย
-ลายฝ่ามือฝ่าเท้ามีน้อยและเรียบเล็บมือเล็บเท้าอ่อนนิ่มและสั้นมีกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) น้อย
หายใจไม่สม่ำเสมอมีการกลั้นหายใจเป็นระยะ (Periodic breathing) เขียวและหยุดหายใจได้ง่าย (Apnea)
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อไม่ดีทารกมักจะเหยียดแขนและขาขณะนอนหงายมีการเคลื่อนไหวน้อยการเคลื่อนไหวสองข้างไม่พร้อมกันและมักเป็นแบบกระตุก
-เสียงร้องเบาและร้องน้อยกว่าทารกแรกเกิดครบกำหนด Reflex ต่าง ๆ มีน้อยหรือไม่มี
หัวนมมีขนาดเล็กหรือมองไม่เห็นหัวนม
-ท้องป่องเพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรงนิขนาดของอวัยวะเพศค่อนข้างเล็กในเพศชายลูกอัณฑะยังไม่ลงในถุงอัณฑะ
ปัญหาที่พบบ่อยในทารกคลอดก่อนกำหนด
1.ปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมอุณหภูมิ
Hypothermia อุณหภูมิ <36.5 องศาเซลเซียส
การเพิ่มการเผาผลาญและภาวะกรด
-น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
-ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
น้ำหนักลด (Poor Weight Gain)
ภาวะลำไส้เน่า (NEC)
-ภาวะหยุดหายใจ (Apnea)
-ภาวะเลือดออก (Bleeding Disorder)
-อัตราการตายเพิ่มขึ้น
ภาวะอุณหภูมิกายต่ำ
-การวินิจฉัยอุณหภูมิกายแกนกลางของทารก <36.5 ° C (วัดทางทวารหนัก)
-อาการและอาการแสดงใบหน้าแดงผิวหนังเย็นเขียวคล้ำหยุดหายใจหายใจลำบากปลายมือปลายเท้าเย็น
-ภาวะแทรกซ้อนน้ำตาลในเลือดต่ำภาวะเลือดเป็นกรดความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นน้ำหนักไม่ขึ้นท้องอืดเลือดออกในโพรงสมองเลือดออกในปอดไตวาย DIC และ PPHN 2
การวัดอุณหภูมิทารกทางทวารหนัก
-ทารกเกิดก่อนกำหนดวัดนาน 3 นาทีลึก 2.5 ซม.
-ทารกครบกำหนดวัดนาน 3 นาทีลึก 3.0 ซม.. ทางรักแร้
-ทารกเกิดก่อนกำหนดวัดนาน 5 นาที
ทารกครบกำหนดวัดนาน 8 นาที
การดูแล
-จัดให้อยู่ในที่อุ ณ ภูมิเหมาะสม (NTE) 32-34 องศาเซลเซียส
-วัดอุ ณ ภูมิเด็ก Body temperature เด็ก 36.8-37.2 องศาเซลเซียส
-ใช้ warmer, incubator หรือผ้าห่มห่อตัว
-หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้แอร์พัดลมระวัง“ Cold stress
การพยาบาลทารกที่ได้รับการรักษาในตู้อบ
-1. ไม่เปิดตู้อบโดยไม่จำเป็นให้การพยาบาลโดยสอดมือเข้าทางหน้าต่างตู้อบ
ป้องกันการสูญเสียความร้อนของร่างกายทารก 4 ทาง
-3. ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชม. และปรับให้เหมาะสมกับสภาพของทารก
-4. เช็ดทำความสะอาดตู้ทุกวัน
การควบคุมอุณหภูมิทารกที่อยู่ใน Incubator
เป้าหมายให้อุณหภูมิกายทารกอยู่ในเกณฑ์ปรกติคือ 37 ° C (+/- 0.2 ° C)
กรณีทารกอยู่ในตู้อบปรับอุณหภูมิด้วยมือหรือปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ (Air ServoControl mode)ปรับอุณหภูมิตู้อบเริ่มที่ 36 ° C
-ถ้าวัดอุณหภูมิกายได้ 36.8 ° C -37.2 ° C เป็นเวลา 2 ครั้งติดกันให้ปรับอุณหภูมิตู้อบตาม Neutral thermal environment (NTE) แล้วติดตามอุณหภูมิกายต่อทุก 15 -30 นาทีอีก 2 ครั้งครั้งและต่อไปทุก 4 ชม
-ควรใส่ปรอทสำหรับวัดอุณหภูมิตู้อบ
ปัญหาทางระบบทางเดินหายใจและพิษออกซิเจน.
Respiratory Distress Syndrome (RDS)
ภาวะหายใจลำบากเนื่องจากการขาดสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ของถุงลม
อาการและอาการแสดง
-มีอาการหายใจลำบาก (Dyspnea) หายใจเร็วกว่า 60 ครั้ง / นาทีมีปีกจมูกบานหายใจมีการดึงรั้งของกล้ามเนื้อทรวงอก (retraction), หายใจมีเสียง Grunting
อาการเขียว (Cyanosis)
-ภาพถ่ายรังสีปอดมีลักษณะ ground glass appearance
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีภาวะเลือดเป็นกรด
การป้องกัน
มารดาที่มีความเสี่ยงจะคลอดก่อนกำหนด แต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตกโดยเฉพาะอายุครรภ์ 24 34 สัปดาห์ควรได้ antenatal corticosteroids อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนคลอดเพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างสารลดแรงตึงผิวและปอดมีความสมบูรณ์มากขึ้น
การป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนในระยะแรกเกิดซึ่งจะทำให้เลือดเป็นกรดขัดขวางการทำงานของการสร้างสารลดแรงตึงผิว
การรักษา
-การให้ออกซิเจนตามความต้องการของทารกเช่นการให้โดยใช้เครื่องช่วยหายใจหรือ CPAP
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจนโดยการปรับลดความเข้มข้นและอัตราไหลของออกซิเจน
-ให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อทำให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้นลดความรุนแรงของภาวะหายใจลำบาก
การรักษารักษาแบบประคับประคองตามอาการ
ให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
รักษาสมดุลน้ำอิเลคโตรไลท์สมดุลกรดด่างในเลือด
ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วย
apnea of prematurity
หยุดหายใจนานกว่า 20 วินาทีมี cyanosis
central apnea ภาวะหยุดหายใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลมและไม่มีอากาศไหลผ่านรูจมูกโดยมีสาเหตุมาจากศูนย์การหายใจที่บริเวณก้านสมองทำงานได้ไม่ดี
obstruction apnea ภาวะหยุดหายใจที่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม แต่ไม่มีอากาศไหลผ่านรูจมูกเกิดจากการงอหรือการเหยียดลำคอเกินทำให้ช่องภายในหลอดคอไม่เปิดกว้างเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ
สาเหตุ
Prematurity
Infection
Drug
Metabolic disorder
CNS problems -IVH –seizures
Impaired oxygenation
Gastroesophageal reflux
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
-จัดท่านอนที่เหมาะสมศีรษะสูงเงยคอเล็กน้อย
-สังเกตอาการขาดออกซิเจนหายใจเร็วเขียวปีกจมูกบานอก Yu (chest wall retraction), ABG
suction เมื่อจำเป็น
-ระวังการสำลักให้การพยาบาลทารกขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ.
Retinopathy of PrematurityRetinopathy (ROP)
เป็นความผิดปกติในทารกในทารกคลอดกอนกำหนดที่มีน้ำหนักน้อยโดยมีลักษณะสำคัญคือการงอกผิดปกติของเส้นเลือด (neovascularization) บริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี้ยง
ระยะเวลาการตรวจหา ROP
ตรวจครั้งแรกเมื่อทารกอายุ 4-6 สัปดาห์หรือเมื่อทารกอายุครรภ์รวมอายุหลังเกิด 32 สัปดาห์
-ถ้าไม่พบการดำเนินของโรคตรวจซ้ำทุก 4 สัปดาห์
-ถ้าพบว่ามีการดำเนินของโรคอยู่ตรวจซ้ำทุกอาทิตย์หรือตามแผนการติดตามประเมินของแพทย์
-หลังจากทารกกลับบ้านแล้วถ้าไม่มีการดำเนินของโรคนัดมาตรวจซ้ำ
-ถ้าพบ ROP ควรนัดมาตรวจซ้ำทุก ๆ 1-2 สัปดาห์
ปัญหาการติดเชื้อ
Sepsis
-NEC (Necrotizing Enterocolitis
ปัญหาระบบทางเดินอาหาร
Necrotizing Enterocolitis
เป็นผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจน
การได้รับอาหารไม่เหมาะสมเร็วเกินไป
-ลำไส้ขาดเลือดมาเลี้ยง
-การย่อยและการดูดซึมไม่ดี.
การพยาบาล:
-NPO
-ห้ามวัดปรอททางทวารหนัก
-แยกจากเด็กติดเชื้อ / แยกผู้ดูแล
-ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
-ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก aseptic technique
เฝ้าระวังสังเกตภาวะติดเชื้อเฝ้าระวังภาวะลำไส้ทะลุ
ปัญหาระบบหัวใจ, เลือด
-PDA (Patent Ductus Ateriosus)
Neonatal Jaundice Hyperbilirubinemia
Anemia
รักษา PDA โดยใช้ยา Indomethacin-
-ขนาดที่ให้ 0.1-0.2 มก. / กก. ทุก 8 ชม. X3 ครั้ง
-ข้อห้ามใช้ *
BUN> 30 mg / dl, Cr> 1.8 mg / dl *
Plt. <60,000 / mm3
urine <0.5 cc / Kg / hr 2700 n 8 hr
-มีภาวะ NEC
รักษา PDA โดยใช้ยา ibuprofen
-เพื่อช่วยยับยั้งการสร้าง prostaglandin ซึ่งจะทำให้ PDA ปิด
-ให้ทุก 12-24 ชั่วโมงจำนวน 3-4 ครั้ง
-สามารถปิดได้ร้อยละ 70
-ได้ผลดีในทารกน้ำหนักตัว 500-1500 กรัมอายุครรภ์น้อยกว่า 32 สัปดาห์และอายุไม่เกิน 10 วัน
-ภาวะแทรกซ้อน NEC ไตวายไม่ให้ยาในทารกที่มีมากกว่า serum Creatinine 1.6 มิลลิกรัม / เดซิลิตรและ BUN มากกว่า 20 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
ปัญหาเลือดออกในช่องสมอง
-IVH (Intra ventricular Hemorrhage)
Hydrocephalus
ปัญหาทางโภชนาการและการดูดกลืน
.- Hypoglycemia O NEC (Necrotizing Ènterocolitis) .
GER (Gastroesophageal Reflux)
การพยาบาล
-ให้อาหารอย่างเหมาะสมกับสภาพของทารก
gavage feeding (OG tube) ในเด็กเหนื่อยง่ายดูดกลืนไม่ดี
-IVF ให้ได้ตามแผนการรักษา
-ระวังภาวะ NEC: observe อาการท้องอืด content ที่เหลือ
-ประเมินการเจริญเติบโตชั่งน้ำหนักทุกวัน (เพิ่มวันละ 15-30 กรัม).
ปัญหาพัฒนาการล้าช้า
ส่งเสริมสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก Eye to eye contact Skin to skin contact
การพยาบาลทารกคลอดก่อนกำหนด
1.การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ (36.8-37.2 c.)
การพยาบาล
. จัดให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิที่ทำให้ทารกมีการใช้ออกซิเจนและสารอาหารน้อยที่สุด
ป้องกันการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกายทั้งโดยการนำ, การพาความร้อนการแผ่รังสีและการระเหย
ประเมินอุณหภูมิร่างกายตามอาการของทารกพร้อมทั้งสังเกตอาการทางคลินิกของการมีอุณหภูมิร่างกายต่ำหรือสูงกว่าปกติ
การดูแลด้านการหายใจให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
การพยาบาล
ประเมินการหายใจอัตราการใช้แรง retraction สีผิวปีกจมูกและการกลั้นหายใจบ่อยครั้งตามอาการของทารก
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งดูดเสมหะ (ถ้ามี) จัดท่านอนให้คอตรงไม่ก้มหรือเงยเกินไป
ขณะมีการกลั้นหายใจควรกระตุ้นโดยการเขี่ยหรือเขย่าที่ใบหน้าหรือลำตัวถ้ากลั้นหายใจบ่อยๆรายงานให้แพทย์ทราบ
ดูแลให้ได้รับยา Theophylline ตามแผนการรักษาเพื่อลดอัตราการเกิดภาวะ Apnea
. ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
การให้สารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
การพยาบาล
ใน 1 – 2 วันแรกหลังเกิดดูแลให้งดน้ำและนมตามแผนการรักษาโดยแพทย์จะให้สารน้ำและสารอาหารรทางหลอดเลือดดำในช่วงนี้
ดูแลการให้อาหารทางปาก
การให้นมแก่ทารกพยาบาลควรส่งเสริมให้ทารกได้รับนมมารดาให้มากที่สุด
ประเมินความสามารถในการรับนมได้ของทารก
ดูแลการได้รับสารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
การป้องกันการติดเชื้อ
การพยาบาล
ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
2.เครื่องมือและสิ่งของที่ใช้กับทารกต้องสะอาดหรือผ่านการทำลายเชื้อโรค
อุปกรณ์ที่ใช้กับทารกต้องใช้เฉพาะคน
ดูแลความสะอาดทั่วไปของร่างกายและสิ่งแวดล้อม
การป้องกันการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ
การพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับน้ำและนมทางปากและ / หรือสารน้ำสารอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
แก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดสาเหตุส่งเสริมให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเช่นภาวะที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำภาวะหายใจลำบาก
ติดตามผล dextrostix หรือ blood sugar และประเมินอาการทางคลินิกของการมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเช่นมีสั่นระรัวของมือและเท้า (Prolonged tremor) ซึมกลั้นหายใจเขียวชักเกร็ง
การป้องกันการเกิดเลือดออกและโลหิตจาง
การพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับการฉีด Vit K1 เข้ากล้ามเนื้อตามแผนการรักษา
หลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อควรจะฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำถ้าจำเป็นต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อควรใช้เข็มที่คมหลังฉีดยาหรือ off IV.fluid ควรกดบริเวณที่แทงเข็มไว้นาน ๆ
ดูแลการได้รับ Vit. E และ FeSO4 ทางปากตามแผนการรักษา
. ติดตามและรายงานผล CBC ดูแลการได้รับเลือดในรายที่มี platelet หรือ Hematocrit ต่ำ
สังเกตและรายงานอาการที่แสดงว่ามีเลือดออกในอวัยวะต่าง ๆ
การคงไว้ซึ่งความสมดุลของน้ำกรด-ด่างและอิเลคโทรลัยต์
การพยาบาล
ดูแลการได้รับสารน้ำและอิเลคโทรลัยต์ให้เพียงพอตามแผนการรักษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับทางหลอดเลือดดำต้องตรวจเช็คชนิดจำนวนสารน้ำอิเลคโทรลัยต์ที่ได้รับอย่างเคร่งครัด
จดบันทึก Intake และ output อย่างละเอียดและถูกต้อง
ติดตามผล blood gas BUN electrolyte urine specific gravity
สังเกตอาการและอาการแสดงของการมีภาวะไม่สมดุลย์ของน้ำกรด-ด่างและอิเลคโทรลัยต์
การป้องกันการเกิดการแตกทำลายของผิวหนัง
การพยาบาล
หลีกเลี่ยงการใช้พลาสเตอร์กับทารกเกินความจำเป็นถ้าจำเป็นพลาสเตอร์ที่ใช้กับทารกเหล่านี้ควรใช้แบบที่ไม่ติดแน่นจนเกินไป
ระมัดระวังการรั่วของสารน้ำออกจากหลอดเลือดในรายที่ได้รับสารน้ำ, สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
ระมัดระวังการใช้สารละลายสารเคมีกับผิวหนังทารกเช่นน้ำยาฆ่าเชื้อทางผิวหนัง
การป้องกันการเกิด Retinopathy of Prematurity (ROP)
การพยาบาล
ดูแลให้ทารกรับออกซิเจนเท่าที่จำเป็น
ในทารกที่ได้รับออกซิเจนควรใช้ pulse Oximeter ติดตาม O2 saturation ตลอดเวลา
ดูแลให้ทารกได้รับยาวิตามินอีตามแผนการรักษา
การดูแลการได้รับวิตามินและเกลือแร่
การดูแลเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของทารกแรกเกิด (Developmental care)
การพยาบาล
การจัดท่า-หลีกเลี่ยงการเหยียดแขนขา (extension) พยายามให้ทารกอยู่ในท่าแขนขางอเข้าหากลางลำตัว (flexion)
การจับต้องทารก: จับต้องทารกเท่าที่จำเป็น, ให้การพยาบาลด้วยสัมผัสที่นุ่มนวล (gentle touch)
จัดสภาพแวดล้อมในหอผู้ป่วยให้มีการกระตุ้นทางแสงและเสียงน้อยที่สุด
ก่อนขณะและหลังให้การพยาบาลควรประเมินสัญญาณ (Cues) ของทารก
ส่งเสริมสัมพันธภาพบิดามารดา-ทารก (bonding, attachment)
การพยาบาลเด็กทารกครบกำหนดที่มีปัญหา
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด (Hyperbilirubinemia)
สาเหตุ
. มีการดูดซึมของบิลิรูบินจากลำไส้มากขึ้นจากภาวะต่างๆเช่นภาวะลำไส้อุดตัน
. มีการกำจัดบิลิรูบินได้น้อยลงจากท่อน้ำดีอุดตันการขาดเอนไซด์บางชนิด แต่กำเนิด
มีการสร้างบิลิรูบินเพิ่มมากขึ้นร่วมกับการกำจัดได้น้อยลง ได้แก่ การติดเชื้อ
มีการดูดซึมของบิลิรูบินจากลำไส้มากขึ้นจากภาวะที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
อันตรายจากการมีบิลิรูบินสูง
. ทำให้เกิด kernicterus เข้าสู่เซลล์สมองและทำให้สมองได้รับบาดเจ็บและมีการตายของเซลล์ประสาททำให้ทารกมีความพิการของสมองเกิดขึ้นอย่างถาวร
การรักษา
การส่องไฟ (phototherapy)
ภาวะแทรกซ้อนของการรักษาด้วยการส่องไฟ
• Increases metabolic rate พบว่าทารกอาจมีน้ำหนักตัวลดลง
• Diarrhea ทารกอาจถ่ายเหลวจากการที่แสงที่ใช้ในการรักษาทำให้มีการบาดเจ็บของเยื่อบุลำไส้ทำให้มีการขาด enzyme lactase เป็นการชั่วคราวและจะดีขึ้นเมื่อหยุดการรักษา
• Retinal damage ถ้าไม่ได้ปิดตาทารกให้มิดชิดอาจมีการบาดเจ็บ
• Thermodynamic unstable ทารกอาจมีอุณหภูมิร่างกายสูงหรือต่ำกว่าปกติประเมินสัญญาณชีพอย่างสม่ำเสมอทุก 4 ชั่วโมง
• non-specific erythrematous rash อาจมีผื่นขึ้นตามตัวเป็นการชั่วคราว
การเปลี่ยนถ่ายเลือด (exchange transfusion)
การพยาบาล Exchange transfusion..
-เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อมดูแลให้ร่างกายทารกอบอุ่น
-ในขณะเปลี่ยนถ่ายเลือดต้องบันทึกปริมาณเลือดเข้าออกตรวจวัดสัญญาณชีพ
-สังเกตภาวะแทรกซ้อนเช่นหัวใจวายแคลเซียมในเลือดต่ำน้ำตาลในเลือดต่ำตัวเย็นติดเชื้อ
-ภายหลังการเปลี่ยนถ่ายเลือดตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 15 นาทีทุก 30 นาทีจนกระทั่งคงที่.
การพยาบาล.
-ปิดตาทารกด้วยผ้าปิดตา (eyes patches) เพื่อป้องกันการกระคายเคืองของแสงต่อตา
-ถอดเสื้อผ้าทารกออกและจัดให้ทารกอยู่ในท่านอนหงายหรือนอนคว่ำและเปลี่ยนท่านอนทุก 2-4 ชม. เพื่อให้ผิวทุกส่วนได้สัมผัสแสง
-ดูแลให้ทารกได้นอนอยู่บริเวณตรงกลางของแผงหลอดไฟในระยะห่างจากหลอดไฟประมาณ 35-50 เซนติเมตร
-บันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพทุก 2-4 ชม.
ปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำน้ำตาลในเลือดต่ำ
อาการแสดง
ซึมไม่ดูดนมมีสะดุ้งผวาอาการสั่นซีดหรือเขียวหยุดหายใจตัวอ่อนปวกเปียกอุณหภูมิกายต่ำชักกระตุก..
การดูแล
-. กรณีทารกเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจะต้องตรวจหาระดับน้ำตาลภายใน 1-2 ชม. หลังคลอดและติดตามทุก 1-2 ชม. ใน 6-8 ชม. แรกหรือจนระดับน้ำตาลจะปกติรีบให้ 5,10% D / W ทางปากหรือ NG tube ใน 1-2 มือแรกแล้วให้นม
-กรณีที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำตรวจติดตามทุก 30 นาทีในรายไม่แสดงอาการให้กินนมหรือสารละลายกลูโคสถ้ากินไม่ได้ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือดดำ
-ควบคุมอุณหภูมิห้องและดูแลให้ความอบอุ่นแก่ทารก
-สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง..
MAS
ภาวะตันภาวะตื่นตัวของทารกเมื่อแรกเกิดเรียกว่า vigorous
ลักษณะทางพยาธิสรีรวิทยาปกติที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของลำไส้ที่พัฒนาสมบูรณ์แล้วของทารกในครรภ์เช่นทารกในครรภ์ที่มีอายุครรภ์เกินกำหนดทำให้เกิดการถ่ายขี้เทาออกมาปนในน้ำคร่ำ
ความรุนแรงแบ่งได้เป็น 3 ระดับ.
-อาการรุนแรงน้อยทารกมีอาการหายใจเร็วระยะสั้น ๆ เพียง 24-72 ชั่วโมงทำให้แรงดันลดลงและมีค่าความเป็นกรด-ด่างปกติอาการมักหายไปใน 24-72 ชั่วโมง
-อาการรุนแรงปานกลางอาการหายใจเร็วมีความรุนแรงมากขึ้นมีการดึงรั้งของช่องซี่โครงและมีความรุนแรงสูงสุดเมื่ออายุ 24 ชั่วโมง
-อาการรุนแรงมากทารกจะมีระบบหายใจล้มเหลวทันทีหรือภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังเกิด
การพยาบาล
เป้าหมายที่สำคัญเพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพียงพอเฝ้าระวังการติดเชื้อ
-ดูแลให้ได้รับออกซิเจนติดตามอาการแสดงของการขาดออกซิเจน ได้แก่ หายใจเร็วอกปุ่มปีกจมูกบานใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจมากขึ้นเขียว
-วัดความดันโลหิตทุก 2- 4 ชั่วโมงเฝ้าระวังการเกิดความดันต่ำจาก PPHN
-รบกวนทารกให้น้อยที่สุด
-สังเกตอาการติดเชื้อ
-ดูแลตามอาการและ
นางสาวณัฐฐา เทาตัน เลขที่36 รุ่น36/1 612001037