Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวินิจฉัยแยกโรค ระบบทางเดินหายใจ (case study) - Coggle Diagram
การวินิจฉัยแยกโรค
ระบบทางเดินหายใจ
(case study)
รายการปัญหา (Problem list)
ไข้ หายใจลำบาก
แน่นหน้าอก
หายใจลำบาก
ข้อมูลเบื้องต้น
ประวัติการเจ็บป่วย
ประวัติเจ็บป่วยปัจจุบัน
2 เดือนที่แล้วมีอาการไอกลางคืนไอเเห้งๆ ไม่มีเสมหะ แต่ไม่เหนื่อยหอบ
2-3 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ต่ำๆไอไม่มีเสมหะเวลากลางคืน รู้สึกแน่นหน้าอกเวลาไอ
3 เดือนที่แล้ว มีอาการหอบเหนื่อย แพทย์จึงให้ admit 1 คืนและได้รับยารับประทาน คือยาลดอาการไอ และยาแก้ภูมิแพ้ และยาพ่น
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตั้งแคมป์ในป่ากับเพื่อนๆ และผู้ป่วย ไม่ได้หยิบยาพ่นออกไปด้วย พอถึงที่แคมป์สักพักผู้ป่วยสูดดมควันไฟ และมีอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออก จากนั้นเพื่อนๆจึงพาผู้ป่วยมาส่งที่โรงพยาบาล
7 ปีที่แล้ว มีอาการหายใจไม่ออก หอบ ทุกครั้งที่อาการหนาว จะมารับยาที่โรงพยาบาลตลอด
ประวัติเจ็บป่วยในอดีต
ไม่มีประวัติการผ่าตัด
ไม่มีประวัติการแพ้ยา
แพ้ฝุ่น ควัน และอากาศเย็น
ไม่มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุ
อาการสำคัญ
หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
Review of system
เคยมีช่วงที่หายใจหอบเหนื่อย แล้วผิวหนังจะมีเหงื่อชุ่มตามร่างกาย
เคยมีอาการไอบ่อยเมื่อเวลาเจอควัน เวลาที่อากาศหนาว
เคยน้ำหนักลดลง ในช่วง1-2 เดือนที่ผ่านมา ในช่วงนั้นเล่นกีฬาบาสเกตบอล และเคย มีไข้ต่ำๆ ไอเวลากลางคืน ไม่เคยเหงื่อออกตอนกลางคืน
เคยไอกลางคืนแต่ไม่เหนื่อยหอบ เคยไอแห้งๆแต่ไม่มีเสมหะ ไม่เคยไอเป็นเลือด
เคยใจเต้นเร็วเวลาเหนื่อยหอบ จะเหนื่อยมากเวลาเล่นกีฬา ชนิดกีฬาที่เล่นคือ บาสเกตบอล
เคยมีอาการบวมที่ข้อเท้าจากการที่ซ้อมกีฬาหนักเพื่อเตรียมลงแข่ง มีการกระโดดทำให้เกิดขาบวม แต่อาการบวมยุบไปเอง
Physical Examination
Nose
: nasal flaring
Peripheral Vascular
: mild cyanosis ,capillary refill 5 sec
Skin
: mild cyanosis
Chest
Inspection
: suprasternal retraction
Auscultation
: mild crepitation at lower lobe of both lung and wheezing at upper lobe of both lung
ประวัติส่วนตัว
ไทย ศาสนา คริสต์
อาชีพ นักศึกษา
อายุ 20 ปี
อาศัยอยู่ที่จังหวัดราชบุรี
เพศชาย
ภูมิหลัง
จะมีอาการหากได้รับควัน ฝุ่น และเมื่อ ร่างกายสัมผัสกับอากาศที่เย็น ซึ่งผู้ป่วยจะแก้ปัญหาเมื่อเจออากาศที่เย็นโดยใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น และระมัดระวัง ตัวเอง
ตัวเอง และทุกครั้งเมื่อผู้ป่วยมีอาการหอบ ก็จะใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ แต่หากมีอาการที่หนัก มารดาจะเป็น ผู้ที่พาไปพบแพทย์
ผู้ป่วยมักจะมีอาการหอบ เมื่อออกกำลังกายหนักๆหรือทำงานที่หนัก โดยหากผู้ป่วยมีอาการก็จะหยุดพักทันทีเพื่อบรรเทาอาการหอบ
ผู้ป่วยเป็นนักกีฬาชอบเล่นกีฬาบาส รักบี้ ตั้งแต่สมัยมัธยมตอนต้น เมื่อเล่นกีฬาทำให้รู้สึก ว่าอาการหอบเหนื่อยห่างมากขึ้นกว่าก่อนหน้าที่ไม่ได้เล่นกีฬา
ชายไทยอายุ 20ปี ผู้ป่วยอาศัยอยู่บ้านกับมารดาซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลในทุกๆเรื่องของผู้ป่วยและเป็นผู้พาไป โรงพยาบาลเพื่อ พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
ในการที่ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวทำให้เกิดความ เขินอายเพื่อนที่จะต้องพกยาพ่นเพื่อบรรเทาอาการอยู่ตลอด บางครั้งผู้ป่วยจึงไม่อยากที่จะพกยาไว้ติดตัว
การวางแผนเบื้องต้น (Initial plan)
แน่นหน้าอก
โรคที่เกี่ยวข้อง
Ischemic heart disease
เนื่องจากมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย เมื่อออกกำลังกาย ไอ หายใจลำบากช่วงกลางคืน มีเหงื่อชุ่มตามร่างกาย
มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ การตรวจร่างกายของผู้ป่วยรายนี้คือพบว่ามีชีพจร 110-120 ครั้งต่อนาที บริเวณปลายนิ้วเริ่มเขียว capilary refill 5 sec
Assessment
O
= เหงื่อออก
Vital sign
: Heart rate = 110-120 /min
S
= “ได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตั้งแคมป์ในป่ากับเพื่อนๆ และไม่ได้หยิบยาพ่นออกไปด้วย พอถึงที่แคมป์ได้มีการสูดดมควันไฟ และมีอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก จากนั้นเพื่อนๆจึงพามาส่งที่โรงพยาบาล ต้องนั่งรถเข็นมา เนื่องจากเดินไม่ไหวเพราะอาการเหนื่อย”
การตรวจร่างกาย
Heart
: normal heart sound , no murmur
Peripheral Vascular
: mild cyanosis ,capillary refill 5 sec
Heart
: normal heart sound , no murmur
ไข้ หายใจลำบาก
โรคที่เกี่ยวข้อง
Pulmonary tuberculosis
เนื่องจากกรณีศึกษา มีอาการ ไอเรื้อรัง ไอแห้ง แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไอมากตอนกลางคืน น้ำหนักลด มีไข้ 37.7 องศาเซลเซียส
ตลอดการตรวจร่างกายพบว่ามี หายใจลำบาก ไอแห้งๆ ไอเรื้อรัง ฟังปอดได้ยินเสียงcrepitation
Lung cancer
ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย และมีอาการ ไอ ไม่มีเสมหะ มีไข้ต่ำ 37.7 องศาเซลเซียส น้ำหนักลดลง 2 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลอดจนการ ตรวจร่างกายฟังเสียงปอดได้เสียง Wheezing บริเวณ upper lobe
Pneumonia
นอกจากนั้นอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย คือ มีไข้ต่ำ 37.7 องศาเซลเซียส ไอแห้งๆ หายใจปีกจมูกบาน หายใจเร็ว R = 28-30 /min หายใจลำบาก
ตลอดจนการตรวจ ร่างกายของ Pneumonia จะพบว่า การดู nasal flaring ,มี suprasternal retraction ฟังได้ยินเสียง crepitation เล็กน้อยที่ lower lobe ที่ปอดทั้งสองข้าง
เนื่องจากกรณีศึกษามีการหายใจเอาสารที่ก่อ ให้เกิดความระคายเคืองเข้าไป ได้แก่ ควันไฟ
Assessment
O
= เหงื่อออก
Vital sign
T= 37.7 ๐C R = 28-30 /min O2sat = 95%
S
= ผู้ป่วยบอกว่า “ได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตั้งแคมป์ในป่ากับเพื่อนๆ และไม่ได้หยิบยาพ่นออก ไปด้วย พอถึงที่แคมป์ได้มีการสูดดมควันไฟ และมีอาการหายใจไม่ออก จากนั้นเพื่อนๆจึงพามาส่งที่ โรงพยาบาลต้องนั่งรถเข็นมา เนื่องจากเดินไม่ไหวเพราะมีอาการเหนื่อย
การตรวจร่างกาย
Nose
: nasal flaring
Chest
: suprasternal retraction,mild crepitation at lower lobe of both lung and wheezing at upper lobe of both lung
หายใจลำบาก
โรคที่เกี่ยวข้อง
COPD : (Chronic obstructive pulmonary disease)
เนื่องจาก ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก ไอเรื้อรัง ไอแห้งๆ อาการหายใจหอบเวลาเจอควันและอากาศหนาว
Asthma
เมื่อออกกำลังกายหรือทำงานหนัก ได้รับควันไฟ ควันบุหรี่ และเมื่อสัมผัสกับอากาศที่เย็น และประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัวมีตาและยายมีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืด
มี suprasternal retraction ฟังปอดพบเสียง crepitation ทั้งสองข้างเล็กน้อยที่ตำแหน่ง lower lobe และพบเสียง wheezing ทั้งสองข้างชัดเจน บริเวณ upper lobe
เนื่องจาก ผู้ป่วยมีอาการไอ ไอแห้งๆไอมากในเวลากลางคืน มีอาการ แน่นหน้าอกเวลาไอ หายใจลำบากหายใจปีกจมูกบาน และมีอาการหอบเหนื่อย
Assessment
O
= มีอาการหายใจลำบาก
Vital sign
: R = 28-30 /min O2sat 95%
S
= ผู้ป่วยบอกว่า “ได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตั้งแคมป์ในป่ากับเพื่อนๆ และไม่ได้หยิบยาพ่นออกไปด้วย พอถึงที่แคมป์ได้มีการสูดดมควันไฟ และมีอาการหายใจไม่ออก จากนั้นเพื่อนๆจึงพามาส่งที่โรงพยาบาล ต้องนั่งรถเข็นมา เนื่องจากเดินไม่ไหว
การตรวจร่างกาย
Nose
: nasa flaring
Chest
: suprasternal retraction,mild crepitation at lower lobe of both lung and wheezing at upper lobe of both lung
Plan for diagnosis
เครื่อง Spirometry
การวัดการอุดกั้นของทางเดินหายใจเป็นการวัดปริมาตรของลมที่เราเป่าออกมาให้เร็วและแรงที่สุด คนปกติเป่าลมออกได้ 80 %ของปริมาตรทั้งหมด แต่ผู้ป่วยหอบหืดอาจจะเป่าได้ 50-60%ของปริมาตรลมทั้งหมด
CT scan
: เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์
-หากพบว่ามี atherosclerotic plaque การที่มีพรากเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้ขัดขวางการไหลของเลือดโดยเฉพาะเมื่ออุดตันหลอดเลือดโคโรนารี่ ที่ไปเลี้ยงหัวใจทำให้ ขัดขวางการไหลของเลือด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด บ่งชี้ได้ว่าเป็นโรค Ischemic heart disease
-หากพบว่ามีตำแหน่งและขนาดของก้อนเนื้อที่ผิดปกติ จะบ่งชี้ถึงโรค Lung cancer
AFB stain
: การย้อมเสมหะ กรด หากตรวจพบ AFB positive จะบ่งชี้ถึงเชื้อวัณโรค หรือ non tuberculous mycobacteria
Chest x- ray
: ภาพรังสีทรวงอก
-หากพบกระบังลมแบนราบ และ หัวใจมีขนาดเล็ก บ่งชี้ถึงโรค COPD
-หากพบว่ามี infiltration แสดงว่า ปอดด้านล่างทั้งสองมีของเหลวคั่งค้างอยู่ในถุงลมปอด ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบ บ่งชี้ถึงโรคผู้ป่วยโรค pneumonia
-หากพบเป็นจุดเล็ก ๆ ในปอด กระจายอย่างกว้างขวางและสม่ำเสมอทั่ว บ่งชี้ถึงโรค Pulmonary tuberculosis
Tuberculin skin test
: หากพบจุดที่ฉีดเริ่มแดง นูน และเป็นตุ่มหลังจากผ่านมาไม่กี่วันจะบ่งบอกว่าติดเชื้อ ทำให้นึกถึงโรค Pulmonary tuberculosis
MRI
: การตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
-หากพบว่ามีก้อนเนื้องอก หรือเซลล์ที่ ผิดปกติภายในปอด จะบ่งชี้ถึงโรค Lung cancer
-หากพบการถูกจำกัดการไหลเวียนเลือดเพื่อไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ จะบ่งชี้ถึงโรค Ischemic heart disease
Sputum gram stain
:หากพบเชื้อแกรมลบนั้นในเสมหะอย่างน้อย 2 ครั้งติดต่อกัน เชื้อที่พบจะต้องเป็นชนิดเดียวกันและมีความไวต่อยาปฏิชีวนะเหมือนกัน จึงทำให้นึกถึงโรค Pneumonia
K - MB (CK - isoenzyme) เป็นการตรวจเพื่อหาตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจจากผลเลือด หากพบ MB isoenzyme of creatine kinase (CK) -หากตรวจพบค่า CK-MB มากก็จะยิ่งบ่งบอกถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้
Arterial blood gas
: หากพบ ค่า PaO2 ปกติ ต่อมามีค่า PaO2 ต่ำเล็กน้อย (อยู่ระหว่าง 65 – 75 มิลลิเมตรปรอท) และค่า PaCO2 มักจะปกติ แต่ในระยะหลังโรคมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น ค่า PaCO2 จะสูงขึ้น ทำให้นึกถึงโรค COPD
เครื่อง peak flow meter เพื่อวัด PEF (peak expiratory flow) :ถ้ามีความผันผวนของค่าสูงสุดและต่ำสุดมากกว่าร้อยละ20 ถือว่าเป็นหอบหืด
CBC
Complete Blood Count
-หากพบค่า : WBC สูงระหว่าง 12,000 - 15,000 ลบ.ซม. บ่งชี้ถึง Ischemic heart disease
-หากพบค่า Eosinophil มีค่าสูงกว่าปกติ แสดงให้เห็นว่าร่างกายอาจกำลังเผชิญกับสภาวะภูมิแพ้ บ่งชี้ถึงโรค asthma
-หากพบร่วมกับมีค่า neutrophil สูงมากและมี toxic granules ช่วยสนับสนุนว่าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย บ่งชี้ถึงโรค pneumonia
Plan for Treatment
Brown mixture
เพื่อรักษาอาการไอ บรรเทาอาการไอแห้ง (ไอไม่มีเสมหะ อาจเกิดจากการแพ้ฝุ่น ควัน อากาศ เป็นหวัด) ซึ่งสอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยที่มีอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ
-brown mixture 5 ml. oral tid.ac
Terbutaline กลุ่ม(β-agonists)
เพื่อใช้รักษาภาวะหลอดลมหดตัวจากโรคหืด อาการหายใจไม่สะดวก และแน่นหน้าอก ซึ่งสอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยที่มีอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก โดยยาจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อในระบบทางเดินหายใจ
Paracetamol
ให้เพราะผู้ป่วยมีไข้ต่ำๆ ซึ่งยาตัวนี้มีฤทธิ์ใช้เพื่อช่วยลดไข้
-Paracetamol (500 mg.) 1 tab oral prn q 4-6 hr. (10mg/kg/dose)
Ventolin
-Ventolin solution 1 ml. + 0.9% NSS up to 4 ml. NB stat (0.15mg/kg/dose) (Ventolin 1 ml. = 5 mg.)
หากอาการยังไม่ดีขึ้น หรือ อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า100ครั้ง/นาที ดูแลให้ได้รับยา
-Berodual 0.5 mg + 0.9% NSS up to 3 ml. NB stat (น้ำหนักมากกว่า 20 kg.ควรได้รับ 500 mcg./dose)
ยาพ่นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ให้เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ซึ่งยาจะมีฤทธิ์ขยายหลอดลมที่หดเกร็ง ทำให้อาการเหนื่อยหอบของผู้ป่วยดีขึ้น
-Ventolin Evohaler (100 mcg.) 1-2 puff actuation prn. (ไม่เกิน 4 ครั้ง/วัน)
Final diagnosis
โรคที่คิดว่าน่าจะมีโอกาสจะเป็น
Pneumonia
Pulmonary tuberculosis
(Chronic obstructive pulmonary disease)
Lung cancer
COPD (Chronic obstructive pulmonary disease)
สาเหตุที่ตัดโรคต่างๆที่ไม่ใช่ Asthma ทิ้ง
Ischemic heart disease ผู้ป่วยไม่มีอาการเจ็บหน้าอกร้าวไปที่แขนข้างซ้าย ไม่มีอาการบวม และจากการส่งตรวจพิเศษของผู้ป่วยไม่พบการส่งตรวจที่เกี่ยวข้องกับ Cardiac marker และ CK - MB ซึ่งเป็นการส่งตรวจที่บ่งบอกที่การมีภาวะหัวใจขาดเลือดจึงตัดโรค Ischemic heart disease ออกไป
Pneumonia จากการซักประวัติ ร่วมกับการตรวจร่างกายของผู้ป่วยไม่พบอาการไข้สูง หรือหนาวสั่น แต่ไม่มีส่งตรวจSputum gram stainและ Hemocultureจึงตัดโรค Pneumonia ออกไป
COPD จากการซักประวัติพบว่าผู้ป่วยรายนี้อยู่ในช่วงวัยรุ่น ไม่ได้สูบบุหรี่ ตรวจร่างกายผู้ป่วยไม่พบอกลักษณะถังเบียร์ และไม่ได้ตรวจpulmonary function test , Chest x- rayและArterial blood gas จึงตัดโรค COPD ออกไป
Pulmonary tuberculosis เนื่องจากการซักประวัติของผู้ป่วยไม่พบอาการไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกเจ็บเวลาหายใจหรือไอ อ่อนเพลีย มีไข้ หนาวสั่น และไม่มีส่งตรวจ Tuberculin skin test และไม่ได้ส่งตรวจ AFB stain จึงตัดโรค Pulmonary tuberculosis ออกไป
Lung cancer ผู้ป่วยยังไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดอย่างชัดเจนและอาการที่ผู้ป่วยแสดงยังไม่มีอาการเบื่ออาหารกลืนลำบากที่แสดงให้เห็นว่าเป็นมะเร็งปอดและไม่มีผล x-ray ที่พบว่ามีก้อนเนื้องอกหรือเซลล์ที่ผิดปกติภายในปอดไม่ได้ทำการตรวจ PET scanที่วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด จึงตัดโรค Lung cancer ออกไป
ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรค Asthma
การตรวจร่างกายของผู้ป่วยรายนี้คือพบ มี suprasternal retraction ฟังปอดพบ เสียง wheezing ทั้งสองข้างชัดเจน บริเวณ upper lobe จากผล x- ray
พบ infiltration at lower lobe of both lung และ ผลตรวจจากทางห้องของผู้ป่วยรายนี้พบว่า eosinophil =5% ( ค่าปกติ 1-4% )
เนื่องจากการซักประวัติพบว่าผู้ป่วยมีอาการไอแห้งๆไม่มีเสมหะ ไอมากในเวลากลางคืน มีอาการแน่นหน้าอกเวลาไอ หายใจลำบาก หายใจมีอาการหอบเหนื่อย เมื่อออกกำลังกายเล่นกีฬาหนัก จากการได้รับควันไฟควันบุหรี่ และเมื่อสัมผัสกับอากาศที่เย็น และมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหอบหืด
Plan for Nursing Care and Health Education (สถานการณ์ ห้องฉุกเฉิน)
5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Paracetamol (500 mg.) 1 tab oral prn q 4-6 hr. (10 mg/kg/dose) ตามแผนการรักษาของแพทย์ และกระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ เพื่อช่วยลดอาการไข้
6.จัดท่านอนศีรษะสูง 45 องศา และสอนการหายใจ พยาบาลควรเฝ้าดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที หากผู้ป่วยไม่สามารถรับออกซิเจนได้อย่างเพียงพอ และรายงานให้แพทย์ทราบ
4.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา brown mixture 5 ml. oral tid.ac. ) เพื่อรักษาอาการไอ บรรเทาอาการไอแห้ง ไอไม่มีเสมหะ อาจเกิดจากการแพ้ฝุ่น ควัน อากาศ เป็นหวัดตามแผนการรักษาของแพทย์
7.วัดสัญญาณชีพทุก 30 นาที สังเกตติดตามการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยอาการขาดออกซิเจนที่ผิวหนัง เล็บ เยื่อบุช่องปาก ริมฝีปากเขียวหรือไม่ บันทึกอาการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ ถ้าพบภาวะขาดออกซิเจนให้การช่วย เหลือตามขอบเขตแห่งวิชาชีพพยาบาล และรายงานแพทย์
3.ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจ หากต่ำกว่า 100ครั้ง/นาที ดูแลให้ได้รับยาขยายหลอดลม Ventolin solution 1 ml. + 0.9% NSS up to 4 ml. NB stat (0.15mg/kg/dose) (Ventolin 1 ml. = 5 mg.) หากอาการไม่ดีขึ้นหรืออัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้ง/นาที ดูแลให้ได้รับยา Berodual 0.5 mg + 0.9% NSS up to 3 ml. NB stat สังเกตอาการข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ปวดศีรษะมาก ใจสั่น ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว หมดสติ ถ้าพบอาการดังกล่าวให้การช่วยเหลือตามขอบเขตแห่งวิชาชีพและรายงานแพทย์ทราบ
8.ประเมินอาการซ้ำที่ 1 ชั่วโมง หลังได้รับยาขยายหลอดลม หากอาการดีขึ้นอนุญาติให้กลับบ้านและถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นให้รับไว้ในโรงพยาบาล
2.ฟังปอดเพื่อดูว่าการหายใจของผู้ป่วย และในผู้ป่วยโรคหอบจะได้ยินเสียง Wheeze หรือ Rhonchi จากปอดทั้งสองข้าง
9.นัดติดตามอาการภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อวางแผนการรักษาต่อในระยะยาว
1.ให้ออกซิเจน mask with bag เพื่อรักษาระดับของ SaO2 > 95%