Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้ยาในระยะ :check:ตั้งครรภ์ :check:, จัดทำโดย :pen: นางสาววนิดา …
การใช้ยาในระยะ
:check:ตั้งครรภ์
:check:
1.
หญิงตั้งครรภ์
มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาหลายอย่าง ซึ่งส่งผลต่อเภสัชจลนศาสตร์และเภสัชพลศาสตร์ของยาหลายชนิด ทำให้การใช้ยาในสตรีระหว่างตั้งครรภ์มีความแตกต่างทั้งในด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยเมื่อเทียบกับการใช้ยาโดยทั่วไป นอกจากนี้ ยาดังกล่าวอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ บางกรณีรุนแรงถึงขั้นเกิดสภาพวิรูปหรือเสียชีวิตได้ จึงควรประเมินความเสี่ยงและผลได้ (risk
benefit evaluation) ต่อมารดาและทารกในครรภ์ทุกครั้งก่อนการใช้ยา
คำแนะนำ/สิ่งที่ควรคำนึง
ควรมีเหตุผลและข้อบ่งใช้อย่างชัดเจนว่าสมควร
ที่จะใช้ เช่น เพื่อสุขภาพของมารดาหรือทารกในครรภ์ ทั้งนี้แพทย์ควรเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการสั่งใช้ยาหรือไม่ใช้ยาในสตรีตั้งครรภ์หรือสงสัยว่ากาลังตั้งครรภ์เสมอ
พิจารณาข้อมูลดังต่อไปนี้เพื่อพยากรณ์ผลกระทบของยาต่อทารกในครรภ์ได้แก่ 1) อายุครรภ์เมื่อเริ่มใช้ยา 2) ชนิดของยาที่ได้รับ 3) ปริมาณยาที่ได้รับ และ 4) ลักษณะของพันธุกรรมของทารกที่มีแนวโน้มจะเกิดความผิดปกติจาเพาะกับยานั้น ๆ
ควรระวังของยาบางชนิดในสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มีโอกาสตั้งครรภ์ด้วย เนื่องจากปัจจุบันพบการตั้งครรภ์ในเด็กวัยเรียนเพิ่มสูงขึ้น จึงไม่ควรละเลยการซักประวัติการมีประจาเดือนของสตรีในวัยเจริญพันธุ์
:unlock:
2.เลือกใช้ยาตามบัญชียาหลักแห่งชาติในหมวดวิตามินและแร่ธาตุ
1.Ferrous fumarate tab หรือ Ferrous sulfate tab
โดยระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
2.
Folic acid tab
โดยเฉพาะสตรีตั้งครรภ์ที่มีประวัติตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรที่มีภาวะ neural
tube defect หรือปากแหว่งเพดานโหว่ ควรใช้ความแรง 5มก.
3.Potassium iodide tab หรือใช้ยาผสม
Ferrous salt + Folic acid tab หรือ Ferrous
salt + Folic acid + Potassium Iodide tab tab
สำหรับเสริมไอโอดีนตลอดการตั้งครรภ์ โดย
:red_cross:ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ
:warning:
3.ยาที่ควรใช้อย่างระมัดระวัง
Magnesium sulfate
ในสตรีตั้งครรภ์เพื่อป้องกันหรือระงับอาการชักของมารดาที่มีภาวะ severe preeclampsia หรือ eclampsia
เหตุผล:ระบบหายใจล้มเหลว
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
ควรประเมินสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้เป็นระยะ 1.ความไวของ รีเฟลกซ์ของข้อเข่า 2.อัตราการหายใจ 3.อัตราการไหลของปัสสาวะควรมากกว่า 100 ซีซีต่อ 4 ชั่วโมง 4.พิจารณาเจาะระดับ serum magnesium ในรายที่ระดับ serum creatinine สูงกว่า 1.0 mg/dL เพื่อปรับระดับ serum magnesium ให้อยู่ระหว่าง 4.8 8.4 mg/dL
สถานพยาบาลต้องมีความพร้อมในการกู้ชีวิต และมีantidose ได้แก่ Calcium gluconate พร้อมใช้ตลอดเวลา
Misoprostol
เหตผล : การหดรัดตัวของมดลูกผิดปกติ ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน มดลูกแตก ช่องทางคลอดฉีกขาด
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
ควรวัดและบันทึกสัญญาณชีพของสตรีตั้งครรภ์
ชั่วโมงละ 1 ครั้ง
วัดและบันทึกการหดรัดตัวของมดลูกและอัตราการเต้น
ของหัวใจของทารกในครรภ์ทุก 15 นาที
มีการประเมินความพร้อมของปากมดลูกภายหลัง
การใช้ทุก 4 ชั่วโมง
หยุดใช้ยา เมื่อมดลูกหดรัดตัวดีแล้วอย่างสม่าเสมอ หรือพบภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
Coumadin
ใช้ในสตรีตั้งครรภ์ที่มีลิ้นหัวใจเป็น metallic heart valve
เหตุผล
Midface hypoplasia ของทารกในครรภ์ (หากได้รับในช่วงอายุครรภ์ 6-9 สัปดาห์)
Dandy-walker malformation, agenesis of corpus collosum, CNS dysplasia ของทารกในครรภ์ (หากได้รับในช่วงอายุครรภ์ไตรมาสที่2 และ3)
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
หลีกเลี่ยงการใช้ในช่วงอายุครรภ์ 6 12 สัปดาห์ (ให้เลี่ยงใช้ยาในกลุ่ม heparin แทน)
หากจะใช้ในช่วงอายุครรภ์12
36 สัปดาห์ ต้องให้ข้อมูลเรื่องความเสี่ยงของการใช้ coumadin เมื่อเปรียบเทียบกับ heparin ว่า การใช้ coumadin อาจลดโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ โดยเฉพาะกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ที่มี mechanical heart valve แต่ต้องเสี่ยงกับ CNS anomalies เพิ่มขึ้น
ในรายที่ใช้ coumadin ต้องตรวจหาระดับ INR (International Normalized Ratio) ซึ่งเป็น อัตราส่วนของ prothrombin time ของผู้ที่ใช้ยาหารด้วยค่าของคนปกติ ควรมีค่าอยู่ระหว่าง 2.5-3.5
ช่วงหลังจากอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ไปแล้วจนถึง 4 6 ชั่วโมงหลังคลอดควรเปลี่ยนมาใช้ยาในกลุ่ม heparin แทน
Indomethacin
เหตุผล:อาจเกิดภาวะน้ำคร่ำน้อย (Oligohydramnios) และการปิดของ ductus arteriosus ของทารกในครรภ์ หากใช้ในอายุครรภ์มากกว่า 30 สัปดาห์
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
ตรวจทารกในครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อประเมินปริมาณน้ำคร่ำเป็นระยะๆ
Phenytoin (Dilantin)
เหตุผล : ลดการดูดซึมของ folate อาจเกิดความวิกลรูปของทารกในครรภ์เช่น microcephaly
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
ให้รับประทาน Folic acid วันละ 2.5 - 5 มิลลิกรัม ในรายที่จำเป็นตัองได้รับยากันชักกลุ่มนี้
Lithium (antidepressant)
เหตุผล:Fetal diabetes inspidus, fetal cardiac anomaly
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
ทารกในครรภ์ควรได้รับการตรวจ
Fetal echocardiography เพื่อดู fetal cardiac anomaly และ fetal ultrasonography เพื่อค้นหาภาวะ polyhydramnios
Corticosteroid
เหตุผล:Increased risk for developing cleft lip and/or cleft palate
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
พิจารณาใช้ inhaled steroidในกรณี asthma
พิจารณาใช้ prednisolone เนื่องจากพบระดับยาในทารกในครรภ์ไม่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับ steroid ตัวอื่น
Antithyroid drug (PTU and methimazole)
เหตุผล:Fetal hypothyroid or fetal thyroid goiter
สิ่งที่ควรกำกับติดตาม
ตรวจติดตามThyroid function test ในมารดาระหว่างที่ได้รับยา Antithyroid drug ควรให้ระดับ thyroid function ของมารดาอยู่สูงกว่าระดับปกติเล็กน้อย
:red_cross:
4.ยาที่ห้ามใช้
Ergots/Ergotamine
ยาแก้ปวดหัวไมเกรน Ergotamine มีข้อห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เพราะยาจะทำให้มดลูกบีบตัวผิดปกติ ส่งผลทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด หรือทำให้แท้งได้
Warfarin
จัดเป็นยาที่อยู่ในกลุ่ม Pregnancy category X โดยทำให้เกิด embryopathy ซึ่งมักเกิดเมื่อได้รับยา warfarin ในช่วง 3 เดือนแรกของการ ตั้งครรภ์ และท าให้เกิดเลือดออกจนเสียชีวิต (fatal bleeding)
:check:แนวทางการพิจารณาใช้ยา
การเปลี่ยนจากยา warfarin เป็น heparin หรือ
LMWH ตลอดช่วงที่ตั้งครรภ์
การเปลี่ยนจากยา warfarin เป็น heparin หรือ LMWH แทนจนถึงอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ (first trimester) หลังจากนั้นกลับมาใช้ยา warfarin
และเมื่ออายุครรภ์ 38 สัปดาห์ขึ้นไปให้กลับมาใช้
heparin หรือ LMWH อีกครั้งโดยให้หยุด 12 ชั่วโมงก่อนวางแผนคลอด และเริ่ม heparin หรือ LMWH
ภายใน 4-6 ชั่วโมงหลังคลอดเป็นระยะเวลา 4-5 วัน ส่วนยา warfarin ให้เริ่มได้หลัง
คลอด หากผู้ป่วยไม่มีภาวะเลือดออกใดๆ
การให้ยา warfarin ตลอดช่วงที่ตั้งครรภ์และเปลี่ยนมาเป็น heparin
หรือ LMWH เมื่ออายุ ครรภ์ 38 สัปดาห์ พร้อมวางแผนคลอด
Misoprostol
ยายุติการตั้งครรภ์
Thalidomide
Thalidomide (ทาลิโดไมด์) เป็นยากดภูมิคุ้มกัน ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก ใช้ป้องกันและรักษาการอักเสบทางผิวหนังที่เกิดจากโรคเรื้อน
ยานี้เมื่อใช้กับคนตั้งครรภ์จะเกิดความพิการของอวัยวะตามระยะเวลาที่ใช้ :warning:
เมื่อใช้ 12-27 วันหลังจากปฏิสนธิ - ความพิการเกี่ยวกับหู
เมื่อใช้ 27-30 วันหลังจากปฏิสนธิ - แขนผิดรูป
เมื่อใช้ 30-33 วันหลังจากปฏิสนธิ -ขาผิดรูป
เมื่อใช้ 35-39 วันหลังจากปฏิสนธิ - นิ้วหัวแม่มือมี 3 ข้อ
Danazol
Category X ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือในสตรีที่อาจตั้งครรภ์ เพราะมีผลให้โพรงมดลูกไม่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์
HMG CoA reductase inhibitors
หรือ
Statins
ทำให้เกิดความผิดปกติของเด็กในครรภ์ มีผลต่อ
ระบบประสาทส่วนกลาง
และทำให้แขนขาผิดปกติได้ เมื่อใช้ statin ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เพราะ cholesterol และ steroid อื่นๆ ถือว่าจำเป็นต่อการพัฒนาของเด็กในครรภ์เกี่ยวกับการสร้าง cell membrane อาการที่เกิดเมื่อได้รับ statin ระหว่างการตั้งครรภ์จะเป็นแบบผันกลับไม่ได้
เป็นยาลดไขมันในเลือด
Methotrexate
Craniosynostosis, wide nasal bridge, micrognathia and limb abnormalities
ยากลุ่มกรดวิตามินเอ ได้แก่ ยารักษาสิว Isotretinoin (ไอโซเตรทติโนอิน) หรือ Retinoic acid (เรทิโนอิก แอซิด)
ข้อห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์เพราะทำให้เด็กทารกในครรภ์พิการได้ เช่น โรคปากแหว่งเพดานโหว่ ความบกพร่องทางสมอง ดังนั้น หากกำลังตั้งครรภ์อยู่ห้ามใช้ยาในกลุ่มนี้เด็ดขาด
จัดทำโดย :pen:
นางสาววนิดา แสงสุริยา 602701079 เลขที่ 78