Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง, น.ส.ธวัลรัตน์ นุชเครือ รุ่น36/1 เลขที่ 45 …
การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง
การพยาบาลทารกคลอดก่อนกำหนด
สาเหตุ/
ปัจจัยส่งเสริม
ครรภ์แฝด ติดยาเสพติด
ฐานะไม่ดี
มารดามีโรคหัวใจ เบาหวาน ไต ติดเชื้อ
อายุ<16หรือ>35ปี
มารดามีภาวะแทรกซ้อน
แท้งคุกคามไตรมาส1 เลือดออกไตรมาส2/3
ความดันโลหิตสูง รกลอกก่อนกำหนด
ลักษณะของทารกเกิดก่อนก้าหนด
หายใจไม่สม่ำเสมอ กลั้นหายใจ(Periodic breathing) เขียว และหยุดหายใจได้ง่าย (Apnea)
เคลื่อนไหวน้อย 2ข้างไม่เท่ากัน กระตุก
กล้ามเนื้อระหว่างซี่่โครงเจริญไม่ดี อ่อนนิ่ม หายใจกระบังลมรั้งIntercostal retraction
ร้องเบา น้อย
ลายฝ่ามือฝ่าเท้ามีน้อยและเรียบ เล็บมือเท้านิ่มสั้น
หัวนมเล็ก/มองไม่เห็น
ผิวหนังบางย่น เห็นเส้นเลือด บวมมือเท้า ไขมันคลุมตัวน้อย ขนอ่อนที่ใบหน้า หลัง แขน ผมมีน้อย
ท้องป่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง
น้ำหนักน้อย แขนขาเล็ก หัวใหญ่เทียบตัว กระโหลกนุ่ม ขม่อมกว้าง เปลือกตาบวม ปิดตลอด การเจริญกระดูกหูน้อย ใบหูนิ่มเรียบ งอพับได้
อวัยวะเพศเล็ก เพศชายอัณฑะไม่ลงถุงอัณฑะ รอยย่นถุงน้อย เพศหญิงแคมเล็กชัด
ความหมาย
ทารกอายุครรภ์มากกว่า 37 wk
ปัญหาที่พบ
ปัญหาการติดเชื้อ
Sepsis
การพยาบาล
อุปกรณ์ที่ใช้กับทารกต้องใช้เฉพาะคน
ดูแลความสะอาดทั่วร่างกายและสิ่งแวดล้อม
เครื่องมือและสิ่งของที่ใช้ต้องสะอาด/ผ่านการทำลายเชื้อโรค
ช่วยแพทย์ทำSeptic work up และติดตามผล รวมทั้งสังเกตอาการของการติดเชื้อ ให้ยาปฏิชีวนะ
ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนและหลังให้การพยาบาล
สาเหตุ
เม็ดเลือดขาวน้อย/ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์
ผิวหนังและเยื่อบุปกป้องการติดเชื้อได้น้อย
การสร้าง IgMไม่สมบูรณ์ IgGน้อยไม่ได้รับ Ig Aจากมารดา
NEC (Necrotizing Enterocolitis)
สาเหตุ
การได้รับอาหารไม่เหมาะสม เร็วเกินไป
ลำไส้ขาดเลือดมาเลี้ยง
ผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจน
การย่อยและการดูดซึมไม่ดี
การพยาบาล
แยกจากเด็กติดเชื้อ / แยกผู้ดูแล
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก aseptic technique
ห้ามวัดปรอททางทวารหนัก
NPO
เฝ้าระวังสังเกตภาวะติดเชื้อ เฝ้าระวังภาวะลำไส้ทะลุ
ปัญหาระบบหัวใจ ,เลือด
Neonatal Jaundiceหรือ Hyperbilirubinemia
Anemia
สาเหตุ
Prothrombin และ Hematogenous-factorต่ำ ขาดวิตามินเค เลือดจึงแข็งตัวได้ยาก
เหล็กที่ได้รับจากมารดาใน 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์มีจำนวนน้อย
ผนังเส้นเลือดพัฒนาไม่สมบูรณ์และขาด connective tissuse จึงเปราะบางง่าย
Hb-F ของทารกมีชีวิตสั้น
มีเส้นเลือดมาเลี้ยงที่ ventricle ของสมองมากมาย เสี่ยงIntra ventricular hemorrhage (IVH)
การพยาบาล
ขณะดูดเสมหะหรือขณะใส่สายยางควรนุ่มนวล
ติดตามและรายงานผล CBC
ดูแลการได้รับ Vit. E และ FeSO4 ทางปาก
สังเกตและรายงานอาการที่แสดงว่ามีเลือดออกในอวัยวะต่าง ๆ
หลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ควรจะฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ถ้าจำเป็นควรกดบริเวณที่แทงเข็มไว้นานๆ
ดูแลให้ทารกได้รับธาตุเหล็ก
ดูแลให้ทารกได้รับการฉีด Vit K1 เข้ากล้ามเนื้อ
PDA (Patent Ductus Ateriosus)
การรักษา
ใช้ยาIndomethacin
ขนาดให้ 0.1-0.2 มก./กก.ทุก 8 ชม.
ข้อห้ามใช้
Plt. < 60,000 /mm3
urine < 0.5 cc/Kg/hr นานกว่า 8 hr
ภาวะ NEC
BUN > 30 mg/dl , Cr > 1.8 mg/dl
ใช้ยา ibuprofen
ให้ทุก 12-24 ชั่วโมง จำนวน 3-4 ครั้ง
สามารถปิดได้ร้อยละ 70
ยับยั้งสร้างprostaglandin จะทำให้ PDA ปิด
ดีต่อทารกหนัก 500-1500g อายุครรภ์น้อยกว่า 32 wk อายุไม่เกิน 10 วัน
NEC ไตวาย ไม่ให้ยาในทารกที่มี มากกว่า serum creatinine1.6มิลลิกรัม/เดซิลิตรและ BUNมากกว่า20 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ
และพิษออกซิเจน
AOP (Apnea of
Prematurity)
สาเหตุ
Gastroesophageal reflux
Impaired oxygenation
CNS problems
IVH
seizures
Metabolic disorder
Drug
Prematurity
Infection
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
suction เมื่อจ้าเป็น
ระวังการส้าลัก
สังเกตอาการขาดออกซิเจน หายใจเร็ว เขียว ปีกจมูกบาน อกบุ๋ม (chest wall retraction) , ABG
ให้การพยาบาลทารกขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ
จัดท่านอนที่เหมาะสม ศีรษะสูง เงยคอเล็กน้อย
ชนิด
central apnea
หยุดหายใจทรวงอก/กระบังลมไม่เคลื่อนไหวไม่มีอากาศผ่านรูจมูกเหตุศูนย์การหายใจที่ก้านสมองทำงานไม่ดี
obstruction apnea
หยุดหายใจทรวงอก/กระบังลมมีการเคลื่อนไหวไม่มีอากาศผ่านรูจมูกเหตุงอ/เหยียดลำคอเกิน ช่องภายในหลอดคอไม่เปิดกว้าง อุดกั้นทางเดินหายใจ
ฺBPD(Bronchopulmonary
Dysplasia)
RDS (Respiratory
Distress Syndrome)
อาการและอาการแสดง
ภาพถ่ายรังสีปอด มีground glass appearance
การตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีภาวะเลือดเป็นกรด
อาการเขียว (Cyanosis)
มีอันตรายจากการหายใจล้มเหลวได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกเกิด
หายใจลำบาก(Dyspnea)เร็วกว่า60ครั้้ง/นาที ปีกจมูกบาน ดึงรั้งของกล้ามเนื้อทรวงอก(retraction) ,หายใจมีเสียง Grunting
การป้องกัน
มารดาจะคลออดก่อนกำหนดถุงน้ำยังไม่แตก อายุครรภ์24-34 wk
ควรได้antenatal corticosteroids
อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนคลอด
Betamethazone 12 มิลลิกรัมทางกล้ามเนื้อทุก 24 ชั่วโมงจนครบ 2 ครั้ง
Dexamethazone 6 มิลลิกรัมทางกล้ามเนื้อทุก 12 ชั่วโมงจนครบ 4 ครั้ง
ไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนจะทำให้เลือดเป็นกรดขัดการทำงานสร้างสารลดแรงตึงผิว
ความหมาย
ภาวะหายใจลำบากขาดสารลดแรงตึงผิวของถุงลม
การรักษา
ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากได้รับออกซิเจน ปรับลดความเข้มและอัตราไหล
ให้สารลดแรงตึงผิวทำให้ความยืดหยุ่นปอดดีขึ้น ลดความรุนแรงของภาวะหายใจลำบาก
รักษาแบบประคับประคองตามอาการ
รักษาระดับฮีโมโกบินและความเข้มข้นเม็ดเลือดให้ปกติ
ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วย
รักษาสมดุลน้ำ อิเลคโตรไลท์สมดุลกรด ด่างในเลือด
บางรายอาจต้องปิด PDA ด้วย indomethacin หรือ ibuprofen
ให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
ให้ออกซิเจนตามต้องการของทารก
ROP (Retinopathy of
Prematurity)
ระยะเวลาการตรวจหา
มีการด้าเนินของโรคอยู่ตรวจซ ้ำทุกอาทิตย์หรือตามแผนการติดตามประเมินของแพทย์
หลังจากกลับบ้านแล้วถ้าไม่มีการด้าเนินของโรคนัดมาตรวจซ้ำ
ไม่พบการด้าเนินของโรค ตรวจซ้ำทุก 4 สัปดาห์
พบROP ควรนัดมาตรวจซ ้าทุก ๆ 1 – 2 สัปดาห์
ครั้งแรกตรวจทารกอายุ4-6 wk/อายุุครรภ์รวมหลังเกิด32 wk
การวินิจฉัย
ตำแหน่ง (Zone)
Zone II
จอประสาทตาจากขอบนอกของ Zone Iจนถึง nasal ora serrata
Zone III
จอประสาทตาจากขอบนอกของ Zone IIจนถึง temporal ora serrata
Zone I
ระยะวงกลมมีรัศมีเป็นสองเท่าของระยะระหว่างขั้วประสาทตา(optic disc) และศูนย์กลางจอประสาทตา (macula)โดยมีจุดศูนย์กลางที่ขั้วประสาท
ความหมาย
การงอกผิดปกติของเส้นเลือด (neovascularization) บริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี้ยงและจอประสาทตา
ความรุนแรง
Stage 3
Ridge with extraretinal fibrovascular proliferation
Stage 4
Subtotal retinal detachment: (a) extrafoveal detachment (b) foveal detachment
Stage 2
Ridge between vascularized and avascular retina
Stage 5
Total retinal detachment
Stage1
Demarcation line between vascularized and avascular retina
การพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับยาวิตามินอีตามแผนการรักษา
อายุครรภ์<35 wk หนัก<1,800 gให้ออกซิเจน อายุครรภ์<30 wk หนัก<1,300 g ตรวจหา ROP
pulse oximeter ดูแลระดับ O2 saturation อยู่ระหว่าง 88 – 95 % สูดสำลักขี้เทา98 – 99 %
ให้ได้รับการรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์
ดูแลให้ทารกรับออกซิเจนเท่าที่จ้าเป็น
สาเหตุ
หลอดเลือดที่เลี้ยงretina ยังไม่สมบูรณ์ที่ผิดปกติส่งผลให้เกิดการหลุดลอกของจอตา ( retinal detachment ) ต่อมาสายตาเลือนราง/ตาบอด
Perinatal asphyxia
Mild asphyxia คะแนนแอพการ์ 5 – 7
Moderate asphyxia คะแนนแอพการ์ 3 – 4
No asphyxia คะแนน แอพการ์ 8 –10
Severe asphyxia คะแนนแอพการ์ 0-2
สาเหตุ
ฮีโมโกลบินของทารกเป็น Hb-F ซึ่งรับออกซิเจนได้ดี
รีเฟล็กซ์เกี่ยวกับการไอมีน้อย และหายใจทางปากยังไม่ได้
ทารกเกิดก่อนก้าหนดมีความ
ไม่สมบูรณ์ของการหายใจ
Apnea
กลั้นหายใจเกิน 20 วินาที หัวใจเต้นช้าลง เขียว มักจะเกิดในระยะหลับ ชนิดRapid Eye movement
ปอดพัฒนาไม่เต็มที่ เส้นเลือดฝอยมีน้อย Surfactant ยังสร้างไม่สมบูรณ์
ศูนย์คุมการหายใจmedulla ยังไม่เจริญเต็มที่ periodic breathing หายใจเร็วตื้น กลั้นหายใจบ่อย
การพยาบาล
ดูแลให้ได้ยาTheophylline ตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
ขณะกลั้นหายใจ เขี่ย/เขย่าใบหน้า ถ้าบ่อยรายงานแพทย์
ให้ความอบอุ่น ป้องกันcold stress
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง จัดท่านอนคอตรงไม่ก้ม/เงยเกิน
ให้พัก เลี่ยงจับต้องเกินจำเป็น(over handling)
ประเมินการหายใจ อัตรา การใช้เเรง retraction สีผิว ปีกจมูก กลั้นหายใจ
ปัญหาเลือดออกในช่องสมอง
IVH (Intra-ventricular Hemorrhage)
Hydrocephalus
ปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมอุณภูมิ
ภาวะอุณหภูมิกายต่ำ
Hypothermia
อาการและ
อาการแสดง
หน้าแดงผิวหนังเย็น เขียวคล้ำ หยุดหายใจ หายใจลำบาก ปลายมือเท้าเย็น
ภาวะแทรกซ้อน
น้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะเลือดเป็นกรด ความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น
น้ำหนักไม่ขึ้น ท้องอืด เลือดออกในโพรงสมอง เลือดออกในปอด ไตวาย DIC และ PPHN
การวินิจฉัย
อุณหภูมิกายแกนกลางของทารก < 36.5 องศา (วัดทางทวารหนัก)
การวัดอุณหภูมิ
ทารก
ทางทวารหนัก
ทารกครบกำหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 3.0 ซม.
ทารกเกิดก่อนกำหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 2.5 ซม.
ทางรักแร้
ทารกเกิดก่อนกำหนด วัดนาน 5 นาที
ทารกครบกำหนด วัดนาน 8 นาที
ผลกระทบ
น้ำหนักลด (Poor Weight Gain)
ภาวะลำไส้เน่า (NEC)
ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
ภาวะหยุดหายใจ(Apnea)
น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
ภาวะเลือดออก (Bleeding Disorder)
การเพิ่มการเผาผลาญและภาวะกรด
อัตราการตายเพิ่มขึ้น
การดูแล
วัดอุณภูมิเด็ก Body temperature เด็ก 36.8-37.2 องศาเซลเซียส
ใช้ warmer, incubator หรือผ้าห่มห่อตัว
ให้อยู่ในที่อุณภูมิเหมาะสม (NTE) 32 - 34 องศาเซลเซียส
หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้แอร์ พัดลม ระวัง “Cold stress”
ความหมาย
อุณหภูมิ < 36.5 องศาเซลเซียส
การพยาบาลทารกที่
ได้รับการรักษาในตู้อบ
ป้องกันร่างกายเสียความร้อนทุก4ทาง
ตรวจสอบอุณหภูมิทุก4ชม.ปรับให้เหมาะกับทารก
ไม่เปิดตู้อบถ้าไม่จำเป็นใช้มือสอดเข้าหน้าต่างตู้อบ
เช็ดทำความสะอาดตู้ทุกวัน
การควบคุมอุณหภูมิทารก
ที่อยู่ใน Incubator
ตู้อบปรับอุณหภูมิ
ด้วยมือ/อัตโนมัติ
ปรับอุณหภูมิตู้อบเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.2องศา ทุก 15 – 30 นาที (max 38องศา)
ลดการสูญเสียความร้อน
ปรับอุณหภูมิตู้อบเริ่มที่36 องศา
ไม่ใช่ตู้อบผนัง2ชั้น สวมหมวกหนา
พันร่างกายด้วย plastic wrap
วัดได้36.8 -37.2องศา2ครั้งติดกันปรับอุณหภูมิตู้อบตาม(NTE)ติดตามทุก15 -30 นาทีอีก 2 ครั้งและต่อไปทุก 4 ชม.
ควรใส่ปรอทสำหรับวัดอุณหภูมิตู้อบ
อุณหภูมิทารกปกติคือ 37 o C (+/-0.2o C)
ทารกอยู่ในตู้อบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
Skin Servocontrol mode
ปรับอุณหภูมิตู้อบเริ่มที่36.5องศา
ปรับอุณหภูมิตู้อบเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.1 ๐ C ทุก 15 – 30 นาที (max 38องศา)
ติด Skin probe บริเวณหน้าท้อง โดยหลีกเลี่ยงบริเวณตับและ bony prominence
ลดการสูญเสียความร้อน สวมหมวกหนา2ชั้น พันร่างกายดว้ย plastic wrap
วัดได้36.8 -37.2องศา2ครั้งติดกันปรับอุณหภูมิตู้อบตาม(NTE)ติดตามทุก15 -30 นาทีอีก 2 ครั้งและต่อไปทุก 4 ชม.
สาเหตุ
ต่อมเหงื่อไม่เจริญ
พื้นผิวร่างกายมากเทียบกับน้ำหนักตัว
ไขมันสีน้ำตาลน้อย เคลื่อนไหวน้อยจากกล้าเนื้อพัฒนาไม่ดี ไกลโคเจนตับน้อย ไม่มีการสั่น(shivering)
อุณหภูมิร่างกายต่ำมาก"Cold stress"
ศูนย์ควบคุมความร้อนที่ Hypothalamus ไม่สมบูรณ์
การพยาบาล
ป้องกันสูญเสียความร้อนทั้ง4ทาง
ประเมินอุณหภูมิร่างกาย สังเกตอาการทางคลินิกอุณหภูมิต่ำหรือสูง
จัดอยู่สิ่งแวดล้อมที่ใช้ออกซิเจนและสารอาหารน้อยที่สุด
ปัญหาทางโภชนาการและการดูดกลืน
การพยาบาล
IVF ให้ได้ตามแผนการรักษา
ระวังภาวะ NEC: observe อาการท้องอืด content ที่เหลือ
gavage feeding (OG tube) ในเด็กเหนื่อยง่าย ดูดกลืนไม่ดี
ชั่งนำหนักทุกวัน (เพิ่มวันละ 15-30กรัม)
ให้อาหารเหมาะสมกับทารก
ประเมินความสามารถในการรับนมได้ของทารก
ดูแลได้รับสารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
พยาบาลควรส่งเสริมให้ทารกได้รับนมมารดาให้มากที่สุด
อาการดีขึ้นให้นมทางปากอย่างเดียว สารอาหาร130 แคลอรี่ /กก./วัน เติมนมผงpremature formulaเพิ่มในนมแม่
ให้อาหารทางปากเมื่อภาวะการหายใจค่อนข้างคงที่ เริ่มจากน้อยๆแล้วค่อยเพิ่ม
1 –2 วันแรกหลังเกิดงดน้ำและนม ให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
โรค
NEC (Necrotizing Enterocolitis)
GER (Gastroesophageal Reflux)
Hypoglycemia
การพยาบาล
แก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดสาเหตุส่งเสริมให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ติดตามผล dextrostix หรือ blood sugar และประเมินอาการทางคลินิกของการมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ดูแลให้ทารกได้รับน้ำและนมทางปากและ/หรือสารน้ำสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
สาเหตุ
glycogen ที่ตับสะสมไว้น้อยจึงสร้างกลูโคสได้จำกัด การสร้างกลูโคส(glucogenesis)ที่ตับก็น้อย
มีภาวะเครียดทั้งขณะอยู่ในครรภ์ ขณะคลอดและหลังคลอด
ไม่ได้รับกลูโคสจากมารดาอีกต่อไป
สาเหตุ
อาการทั่วไปไม่พอให้ได้รับสารอาหารจำนวนตามต้องการ
เกิดภาวะที่ทำให้มีการใช้พลังงานในร่างกายมากกว่าปกติ
การสะสมอาหารขณะอยู่ในครรภ์มารดาน้อย
ความสมบูรณ์ของ
ระบบทางเดินอาหารมีน้อย
Cardiac sphincter ไม่ดี ปิดไม่สนิทเกิดการสำรอก อาเจียนได้ง่าย
น้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีน้อย ตับสร้างน้ำดีได้น้อย การย่อยอาหารพวกไขมันทำได้ไม่ดีจึงท้องอืด
รีเฟล็กซ์ของการดูดและกลืนมีน้อยหรือไม่มี
ต้องการสารอาหารประจำวันมากกว่าทารกครบกำหนด
การคงไว้ซึ่งความสมดุลของน้ำ
กรด-ด่าง และอิเลคโทรลัยต์
สาเหตุ
ไตยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ Glomerular filtration rateต่ำ
การพยาบาล
จดบันทึก Intake และ output อย่างละเอียดและถูกต้อง ปัสสาวะแรกเกิด2 – 3 มล./กก./ชม.
ติดตามผล blood gas BUN electrolyte urine specific gravity
ดูแลการได้รับสารน้ำและอิเลคโทรลัยต์ให้เพียงพอ
สังเกตอาการและอาการแสดงของการมีภาวะไม่สมดุลย์ของน้ำ กรด-ด่าง และอิเลคโทรลัยต์
ปัญหาพัฒนาการล้าช้า
ส่งเสริมสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก
วิธีการ
Eye to eye contact
Skin to skin contact
การดูแลเพื่อส่งเสริม
พัฒนาการของทารกแรกเกิด
(Developmental care)
สาเหตุ
ความเจ็บป่วยของทารกทำให้ได้รับการรักษาที่ส่งผลต่อพัฒนาการ
สิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยไม่เหมาะสม
ช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์มารดาน้อย
การพยาบาล
จัดสภาพแวดล้อมในหอผู้ป่วยให้มีการกระตุ้นทางแสงและเสียงน้อยที่สุด
ก่อน ขณะและหลังให้การพยาบาลควรประเมินสัญญาณ (cues) ถ้าเครียดดูดจุกนมหลอก/รวบแขนขาเข้ากลางลำตัว มือใกล้ปาก
การจับทารก
เท่าจำเป็น สัมผัสนุ่มนวล จัดกิจกรรมในเวลาเดียวกัน เคลื่อนย้ายจัดท่าแขนขางอเข้ากลางตัว
ทารกแสดงสื่อสัญญาณว่าอยากมีปฏิสัมพันธ์ พูดด้วยเสียงเบา นุ่ม(soft voice) มองสบตา (eye contact)
การจัดท่า
ห่อตัวทารกให้แขนงอ มือสองข้างอยู่ใกล้ๆ ปาก (hand to mouth)เลี่ยงห่อตัวแบบเก็บแขน(mummy restraint)
ใช้ผ้าอ้อมหรือผ้าห่มผืนเล็กม้วนๆวางรอบๆกายของทารกเสมือนเป็นรังนก
เลี่ยงการเหยียดแขนขา (extension) ให้แขนขางอเข้าหากลางตัว
การพยาบาล
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย การรักษาพยาบาล กระตุ้นให้บิดามารดาอุ้ม/สัมผัสทารกไม่บังคับหรือต้าหนิ ร่วมตัดสินใจดูแล
เปิดโอกาสให้บิดามารดาซักถาม ระบายความรู้สึก
ส่งเสริม, กระตุ้นให้มารดามาเยี่ยมทารกให้เร็วที่สุด
ส่งเสริมการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
เกิดการแตกท้าลายของผิวหนัง
สาเหตุ
ชั้น stratum corneum น้อยกว่าทารกครบกำหนดชั้น epidermis และ dermis อยู่หลวมๆและมี keratin เคลือบผิวหนังน้อยทำให้มีผิวหนังบาง
การพยาบาล
ระมัดระวังการรั่วของสารน้ำออกจากหลอดเลือดในรายที่ได้รับสารน้ำ, สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
การติด probe หรือ electrode ต่างๆ ไม่ควรติดแน่นเกินไปและเปลี่ยนตำแหน่งการติด เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
การแกะพลาสเตอร์จากผิวหนัง ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก สังเกตการแพ้
ระมัดระวังการใช้สารละลาย สารเคมี กับผิวหนังทารก
หลีกเลี่ยงการใช้พลาสเตอร์กับทารกเกินความจำเป็น
การพยาบาลทารกครบกำหนด
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด (Hyperbilirubinemia)
สาเหตุ
กำจัดบิลิรูบินได้น้อยลง จากท่อน้ำดีอุดตัน/ขาดเอนไซด์
ติดเชื้อสร้างบิลิรูบินเพิ่มมากขึ้น ร่วมกับการกำจัดได้น้อยลง
การดูดซึมของบิลิรูบินจากลำไส้มากขึ้น
นมแม่การดูดซึมของบิลิรูบิน
จากลำไส้มากขึ้น
Breastfeeding jaundice
รับน้ำนมช้า ไม่พอ กำจัดขี้เทาช้ามีการดูดกลับของบิลิรูบิน
Breastmilk jaundice syndrome
ทารกอายุ4-7วัน สาเหตุไม่ทราบแน่นอน
สร้างบิลิรูบินเพิ่มขึ้นจากการทำลายเม็ดเลือดแดง
เอนไซด์ในเม็ดเลือดแดงผิดปกติ
มีเลือดออกในร่างกาย
เยื่อหุ้มเม็ดเลือดแดงผิดปกติ ทำให้แตกง่าย
เม็ดเลือดแดงเกิน (polycythemia )
โรคธาลัสซีเมีย
เลือดแม่ลูกไม่เข้ากันพบบ่อยABO incompatability
อันตรายจากการมีบิลิรูบินสูง
kernicterus เข้าสู่เซลล์สมอง สมองบาดเจ็บและตายของเซลล์ประสาท สมองพิการถาวร
ชนิด
ภาวะตัวเหลืองจากสรีรภาวะ (Physiological jaundice)
ทารกสร้างบิลิรูบิน>ผู้ใหญ่ เม็ดเลือดแดงอายุสั้นกว่า
ตับทำงานไม่สมบูรณ์บิริลูบินขับช้า
พบ2-4วันหลังคลอด หาย1-2 wk
ภาวะตัวเหลืองจากพยาธิภาวะ
( Pathological jaundice)
ทารกมีบิลลิรูบินสูงมาก เหลืองเร็ว 24ชม.แรกหลังเกิด
สาเหตุ
ตับกำจัดบิลิรูบินน้อยลง
มีการสร้างบิลิรูบินเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
ลำไส้ดูดซึมบิลิรูบินเพิ่ม
การวินิจฉัย
ประวัติ
มารดามีโรคประจำตัวการได้รับยาการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์หรือไม่
ประวัติการคลอดของทารก
บุคคลในครอบครัวมีโรคเม็ดเลือดแดงแตกง่ายหรือไม่
คะแนน apgar การได้รับบาดเจ็บในระยะคลอด
ตรวจร่างกาย ซีด เหลือง ตับ ม้ามโตหรือไม่ จุดเลือดออก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC เพื่อดูการติดเชื อ
peripheral blood smear เพื่อดูลักษณะของเม็ดเลือดแดง และการติดเชื้อ
Direct Coombs’test เพื่อดู blood group incompatibility
Reticulocyte count เพื่อดูมีการแตกของเม็ดเลือดแดง
G-6-PD เพื่อดูภาวะพร่องเอนไซด์
หมู่เลือด ABO Rh
ระดับบิลิรูบิน direct bilirubin indirect bilirubin
ความหมาย
บิลลิรูบิน (bilirubin) ในเลือดสูงกว่าปกติถ้าระดับบิลิรูบินสูงมากอาจจะท้าให้เกิดภาวะ Kernicterrus
การรักษา
การส่องไฟ (phototherapy)
ภาวะแทรกซ้อน
Retinal damage
ทารกปิดตาไม่มิด ตาบอดจากถูกแสงนาน
Bronze baby
หรือ tanning
ทารกผิวเข้มจากถูกแสงอัลตราไวโอเลตนาน
Diarrhea
การบาดเจ็บของเยื่อบุลำไส้ขาด enzyme lactase เป็นการชั่วคราว
Disturb of mother-infant
interaction
มารดามีโอกาสได้อุ้มและ สัมผัสทารกน้อยลง
Increased water loss
/ dehydration
ทารกเสียน้ำมาจากการระเหยของน้ำ
Thermodynamic
unstable
ทารกอาจมีอุณหภูมิร่างกายสูงหรือต่ำกว่าปกติ
Increases metabolic rate
ทารกหนักน้อย
non-specific erythrematous rash
อาจมีผื่นขึ้นตามตัวเป็นการชั่วคราว
การพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้นอนอยู่บริเวณตรงกลางของแผงหลอดไฟห่าง35-50ซม.
บันทึกและรายงานสัญญาณชีพทุก 2-4 ชม.อุณหภูมิต่ำใช้เครื่องทำความอุ่น(Radiant warmer)ต้องตรวจดูความตึงตัว
ของผิวหนัง กระหม่อม และการชั่งน้ำหนักตัวทุกวัน
ถอดเสื้อผ้าออกและจัดให้อยู่ในท่านอนหงาย หรือนอนคว่ำและเปลี่ยนท่านอนทุก 2-4 ชม.
สังเกตลักษณะอุจจาระให้บันทึกลักษณะและจำนวนอุจจาระอย่างละเอียด
ปิดตาทารกด้วยผ้าปิดตา (eyes patches) เช็ดตา และตรวจตาของทารกทุกวัน เปิดตาทุก4ชม.เปลี่ยนผ้า6-12ชม.
ดูแลให้ได้รับการตรวจเลือดหาระดับบิลิรูบินในเลือดอย่างน้อยทุก 12ชม.
สังเกตภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับการส่องไฟรักษา
การเปลี่ยนถ่ายเลือด (exchange transfusion)
การพยาบาล
ดูแลให้ร่างกายทารกอบอุ่น
ในขณะเปลี่ยนถ่ายเลือดต้องบันทึกปริมาณเลือดเข้า ออก ตรวจวัดสัญญาณชีพ
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อม
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
อธิบายให้บิดามารดาทราบ
ภายหลังการเปลี่ยนถ่ายเลือดตรวจวัดสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที ทุก 30 นาที จนกระทั่งคงที่
Hypoglycemia
สาเหตุ
glycogen ที่ตับสะสมไว้น้อยทั้งการสร้างกลูโคส (glucogenesis) เองที่ตับทำได้น้อย
ภาวะเครียดทั้งขณะอยู่ในครรภ์ ขณะคลอดและหลังคลอด
ไม่ได้รับกลูโคสจากมารดาอีกต่อไป
การรักษา
ทารกครบกำหนดร่วมกับระดับน้ำตาล< 40 มก./ดล.ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
ทารกไม่มีอาการ
แรกเกิด-อายุ 4ชม. ให้นมภายใน 1 ชม.
แรกติดตามระดับน้ำตาล30นาที
< 25 มก/ดล. ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
25-40 มก/ดล. ให้นมหรือสารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
อายุ 4-24ชม. ให้นมทุก 2-3 ชม.
ติดตามระดับน้ำตาลในเลือดก่อนมื้อนม
<35 มก/ดล. ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
35-45 มก/ดล. ให้นมหรือสารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
10% D/W 2มก/กก.และ/หรือ glucose infusion rate (GIR) 5-8 มก/กก/นาที โดยให้ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ในช่วง 40-50 มก./ดล.
อาการ
ซึม ไม่ดูดนม มีสะดุ้งผวา อาการสั่น ซีดหรือเขียว หยุดหายใจ ตัวอ่อนปวกเปียก
อุณหภูมิกายต่้า ชักกระตุก
การดูแล
น้ำตาลต่ำตรวจติดตามทุก 30 นาที ในรายไม่แสดงอาการกินนมหรือสารละลายกลูโคส กินไม่ได้ให้กลูโคสทางหลอดเลือดดำ
ควบคุมอุณหภูมิห้องและให้ความอบอุ่น
เสียงน้ำตาลต่ำตรวจหาน้ำตาลใน1-2ชม.หลังคลอดใน6-8ชม.แรกให้5,10 %D/W ทางปาก หรือ NG tube ใน 1-2 มื้อแรก แล้วให้นม
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
ความหมาย
น้ำตาลในพลาสมาต่ำกว่า 40 mg%
MAS
ถ่ายขี้เทาปนน้ำคร่ำ
ลักษณะทางพยาธิสรีรวิทยาปกติจาก การเคลื่อนตัวของลำไส้ที่พัฒนาสมบูรณ์แล้วของทารก
ลักษณะความผิดปกติทางพยาธิสภาพของ รกและทารกในครรภ์ที่ตอบสนองต่อความเครียด
ข้อบ่งชี้ทารกผิดปกติทารกในครรภ์และขาดออกซิเจนทารกในครรภ์แรกเกิด
ความรุนแรง
ปานกลาง
หายใจเร็วมากขึ้น ดึงรั้งของช่องซี่โครง รุนแรงมาก24ชม.
มาก
ระบบหายใจล้มเหลวทันที ใน2-3ชม.หลังเกิด
น้อย
หายใจสั้นเพียง24-72ชม. แรงดันลด ค่ากรดด่างปกติ หายใน24-72ชม.
อาการ
กำลังกล้ามเนื้อดี
อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
แรงหายใจด้วยตนเองได้ดี
มีผิดปกติอย่างหนึ่งประเมินnon vigorous เสี่ยงสูดขี้เทา กู้ชีพด้วยช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก(positive pressure ventilation; PPV)
การพยาบาล
รบกวนทารกให้น้อยที่สุด
สังเกตอาการติดเชื้อ
วัดความดันโลหิตทุก2- 4 ชั่วโมง เฝ้าระวังการเกิดความดันต่ าจาก PPHN
ดูแลตามอาการ
ดูแลให้ได้รับออกซิเจน ติดตามอาการแสดงของการขาดออกซิเจน
ตวามหมาย
ทารกแรกเกิดตื่นตัว vigorous ประเมิน10-15วินาทีหลังเกิด
การดูแลที่จำเป็นสำหรับทารก
ประเมินการขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ
ประเมินการแหวะนมและการอาเจียน
ดูแลภาวะน้ำหนักตัวแรกเกิดลด
เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
การช่วยการดูแลทางเดินหายใจและการรักษาระบบทางเดินหายใจอย่างเหมาะสม
การดูแลทางโภชนาการ
การควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม
การติดตามภาวะความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว
การควบคุมและการป้องกันการติดเชื้อ
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยง
การจำแนกประเภทของทารกแรกเกิด
การจำแนกตามน้ำหนัก
Low birth weight infant (LBW infant)
ความหมาย
ทารกหนักน้อยกว่า 2,500g
แบ่งย่อย
Very low birth weight
ทารกหนักน้อยกว่า 1,500g
Extremely low birth weight (ELBW)
ทารกหนักน้อยกว่า 1,000g
Normal birth weight infant (NBW infant)
ทารกหนัก2,500-4,000g
Neonatal period
ทารกหนักน้อยกว่า 2,500g
การจำแนกตามอายุครรภ์
ทารกแรกเกิดครบกำหนด
(Term or mature infant)
ทารกอายุครรภ์มากกว่า37-41 wk
ทารกแรกเกิดหลังกำหนด
(Posterm infant)
ทารกอายุครรภ์มากกว่า 41 wk
ทารกเกิดก่อนกำหนด
(Preterm infant)
ทารกอายุครรภ์น้อยกว่า 37 wk
น.ส.ธวัลรัตน์ นุชเครือ รุ่น36/1 เลขที่ 45
รหัสนักศึกษา612001046
อ้างอิง:อ.วิภารัตน์ยมดิษฐ์.การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง.[สืบค้นวันที่ 27 มิถุนายน 2563]