Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวชและนิติจิตเวช, ส่งตัวผู้นั้นไปยังโรงพยาบาล…
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวชและนิติจิตเวช
1.ความหมายและความสำคัญของนิติเวชและนิติจิตเวช
จิตเวช
ความเจ็บป่วยทางจิต
ความผิดปกติของอารมณ์และบุคลิกภาพ
นิติเวช
การนำหลักทางการแพทย์ประยุกต์ใช้
เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทและพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีความ
นิติจิตเวช
การนำหลักจิตเวชประยุกต์
เพื่อประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรมและความสงบของสังคม
2.การวินิจฉัย และขั้นตอนในการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
การวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
พิจารณาว่าผู้ป่วยมาเพื่อต้องการทราบอะไร
การตรวจทางจิตเวชต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ
ข้อมูลจากทีมนิติจิตเวช
การรวบรวมข้อมูล
ส่วนที่เกี่ยวกับคดี
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยทางจิต
ขั้นตอนในการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช
1.พิจารณาวัตถุประสงค์
ต้องกระจ่างในความมุ่งหมาย
พิจารณาจากใบส่งตัว
เพื่อที่จะทราบว่าใคร นำส่ง
คดีอยู่ชั้นไหน
ส่งมาจากแหล่งใด
ผู้ป่วยต้องคดีอะไร
1 more item...
ตำรวจ ศาล เรือนจำ คุมประพฤติ
2.การตรวจทางจิตเวช
รีบทำอย่างละเอียด
การตรวจสภาพจิต
ตรวจร่างกาย
ตรวจทางระบบประสาท
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ทดสอบทางจิตวิทยา
การเฝ้าดูพฤติกรรม
จิตแพทย์
พยาบาลจิตเวช
นักจิตวิทยา
นักสังคมสงเคราะห์
นักอาชีวบำบัด
3.การรวบรวมข้อมูล
2 ส่วน
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อคดี
ซักถามหรือขอข้อมูลจากผู้ใกล้ชิด
พฤติกรรมขณะประกอบคดีจากพยานบุคคล ตำรวจ
พยานเอกสารอื่น ๆ
สำเนาคำฟ้องจากอัยการ
พฤติกรรมผู้ป่วยขณะอยู่ในโรงพัก
ความเจ็บป่วยทางจิตเวช
การตรวจรักษาจากญาติ
เอกสารทางการแพทย์อื่น ๆ
4.วิเคราะห์ วินิจฉัย โดยการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด
พิจารณาข้อสรุปเพื่อการวินิจฉัยดำเนินการ
ทีมงานจิตเวชในการประชุมร่วมกันของทุกฝ่ายในที่ประชุมนิติจิตเวช
เพื่อความรอบด้านและยุติธรรม
5.สรุปผลการวินิจฉัย
การวินิจฉัยทางคลินิก (clinical diagnosis)
การวินิจฉัยทางกฎหมาย (legal diagnosis)
ต้องพิจารณา
ขณะตรวจ วิกลจริต สามารถต่อสู้คดีได้หรือไม่
ขณะประกอบคดี สามารถรู้ผิดชอบ หรือบังคับตนเองได้หรือไม่
ความเห็นหรือข้อเสนอแนะ
ภาวะอันตราย
6.การเตรียมตัวให้ปากคำต่อศาล
3.กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติเวช และนิติจิตเวช
3.1กฎหมายเกี่ยวกับความผิดทางอาญาของบุคคลวิกลจริต
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65
ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้
มีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน
ผู้นั้น
ไม่ต้องรับโทษ
สำหรับความผิดนั้น
กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง
สามารถบังคับตนเองได้บ้าง
ต้อง
รับโทษ
สำหรับความผิดนั้น
ลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
การพิจารณาความผิดทางอาญา
1) ไม่สามารถรู้ผิดชอบหมายถึงขณะประกอบคดี
ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่รู้ว่าการกระทำของตนถูกหรือผิดดีหรือชั่วควรหรือไม่ควร
2) ไม่สามารถบังคับตนเองได้
ขณะประกอบคดี ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่สามารถห้ามจิตใจไม่ให้ทำร้ายไม่ได้
โรคจิต จิตบกพร่อง หรือจิตฟั่นเฟือน
3.2ความสามารถในการต่อสู้คดี หรือวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายมาตรา 14
การสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง
ถ้ามีเหตุควรเชื่อว่าผู้ต้องหา หรือจำเลยเป็นผู้วิกลจริต
ไม่สามารถต่อสู้คดีได้
เรียกพนักงานแพทย์ผู้นั้นมาให้ถ้อยคำ หรือให้การว่าตรวจได้ผลประการใด
ไม่สามารถต่อสู้คดีให้งด การสอบสวนไต่สวนมูลฟ้อง
พิจารณาไว้จนกว่าผู้นั้นหายวิกลจริต หรือสามารถต่อสู้คดีได้
กรณีที่ศาลงดการไต่สวนมูลฟ้อง
หลักการพิจารณาความสามารถในการต่อสู้คดี
รู้ว่าตนเองต้องคดีอะไร
รู้ถึงความหนักเบาของโทษที่จะได้รับ
สามารถเล่ารายละเอียดของคดีได้
สามารถเข้าใจขั้นตอนการดำเนินคดี
สามารถให้ปากคำต่อกระบวนการยุติธรรมได้
สามารถร่วมมือกับทนายในการปกป้องสิทธิตนเองได้
3.3วิธีการเพื่อความปลอดภัย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 48
การปล่อยตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือ
ไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับการลดโทษตามมาตรา 65
เป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน
ศาลจะสั่งให้ส่งตัวไปควบคุมไว้ในสถานพยาบาลก็ได้
ศาลจะเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 49
กรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษ หรือพิพากษามีความผิด
ถ้าศาลเห็นว่าเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ
ศาลจะกำหนดในคำพิพากษาว่า บุคคลนั้นจะต้องไม่เสพย์สุรายาเสพติดให้โทษ
ภายในระยะเวลาไม่เกินสองปี นับแต่วันพ้นโทษหรือวันปล่อยตัว
เพราะรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษก็ได้
3.4วิธีเพิ่มโทษ ลดโทษ และการรอการลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี
ไม่ปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน
เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโท
สภาพความผิดหรือเหตุอื่นอันควรปราณี
รอการกำหนดโทษไว้หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวเพื่อให้โอกาส
ผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด
ไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา
เงื่อนไข
เพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำผิด
1) ให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานที่ศาลระบุไว้เป็นครั้งคราว
2) แนะนา ช่วยเหลือ หรือตักเตือนตามที่เห็นสมควร
ความประพฤติและการประกอบอาชีพ
3) ให้ฝึกหัดหรือทางานอาชีพอันเป็นกิจลักษณะ
4) ให้ละเว้นการคบหาสมาคม
การประพฤติใดอันอาจนาไปสู่การกระทำความผิดเช่นเดียวกันนั้นอีก
ผู้กระทำความผิดได้เปลี่ยนแปลงไป
ศาลเห็นสมควรอาจแก้ไจเพิ่มเติมหรือเพิกถอนข้อเหนึ่งข้อใดก็ได้
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 57
ผู้กระทำความผิด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังที่ศาลกำหนดไว้ในคดี ตามมาตรา 56
กำหนดการลงโทษที่ยังไม่ได้กำหนดหรือลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58
ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56
ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้กระทำความผิด
มิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง
มาตรา 56 ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรก
นั้นพ้นจากการที่ถูกกำหนดโทษหรือถูกลงโทษในคดีนั้น แล้วแต่กรณี
3.5 ความรับผิดชอบในทางอาญา
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 66
ความมึนเมาเพราะเสพย์สุรา หรือสิ่งเมาอย่างอื่น
ยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวตามมาตรา 65 ไม่ได้
เว้นแต่ ความมึนเมานั้นจะได้เกิดโดยผู้เสพย์ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้มึนเมา
เสพย์โดยถูกขืนใจให้เสพย์และได้กระทำความผิดในขณะไม่สามารถรับผิดชอบ
ไม่สามารถบังคับตนเองได้
ผู้กระทำความผิดจึงจะได้รับยกเว้นโทษสำหรับความผิดนั้น
ถ้าผู้นั้นยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง
ศาลจะลงโทษน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
3.6 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 246
ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อน
จนกว่าเหตุอันสมควรทุเลาจะหมดไปในกรณีต่อไปนี้
1) เมื่อจำเลยวิกลจริต
2) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก
3) ถ้าจำเลยมีครรภ์แต่เจ็ดเดือนขึ้นไป
4) ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงเดือนในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้น
ศาลสั่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจัดให้บุคคลดังกล่าวแล้วอยู่ในสถานที่อันควร
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 248
บุคคลซึ่งต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต
เกิดวิกลจริตก่อนประหารชีวิต
รอการประหารชีวิตไว้ก่อนจนกว่าผู้นั้นจะหาย
ขณะทุเลาการประหารชีวิตอยู่นั้น ศาลมีอำนาจยก
มาตรา 46 วรรค (2)
บุคคลวิกลจริตนั้นหายภายหลังปีหนึ่ง นับแต่วันพิพากษาถึงที่สุด
ให้ลดโทษประหารชีวิตลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต
คนวิกลจริตถูกข่มขืนกระทำชาเรา
วิกลจริตจริงก็ถือว่าไม่รู้ตัว เป็นการยินยอมเอาผิดไม่
คนปัญญาอ่อนขึ้นอยู่กับการพิจารณา และพยาน อาจจะเป็นการยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ได้
3.7 ความหมายเกี่ยวกับผู้ดูแล
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 373
ผู้ใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริต
ปล่อยปละละเลยให้บุคคลวิกลจริต
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
3.8 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 29
บุคคลวิกลจริตผู้ใด
มีครอบครัว มีผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์
ร้องขอต่อศาลจะสั่งให้บุคคลผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 30
บุคคลผู้ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถนั้น
จัดให้อยู่ในความอนุบาล
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 31
การใด ๆ อันบุคคลผู้ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้ทำลงไป
เป็นโมฆียะ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 32
การใด ๆ อันบุคคลวิกลจริตได้ทำลง
ศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
จะเป็นโมฆียะ
ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าได้ทำลงในเวลาซึ่งบุคคลนั้นวิกลจริตอยู่
คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง
ได้รู้แล้วด้วยว่าผู้ทำเป็นคนวิกลจริต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 429
บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริต
ต้องรับผิดในผลที่ตนละเมิดบิดา มารดา หรือผู้อนุบาล
ย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกับเขาด้วย
แต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร แก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 430
ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่
ต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด
เขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน
พิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้น ๆ มิได้ระมัดระวังตามสมควร
4.กระบวนการเกี่ยวกับนิติจิตเวช
บุคคลที่สงสัยว่าวิกลจริต หรือมีปัญหาสุขภาพจิตขณะประกอบคดี
ถูกจับดำเนินคดี
ปล่อยตัวถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำความคิด
มีหลักฐานว่ากระดำความผิด
งดสอบสวนหรือพิจารณาคดี
ตรวจวินิจตาม มาตรา 14
รักษาตามขั้นตอน
อาการทางจิตทุเลา
อาการทางจิตไม่ทุเลา
แจ้งผลการรักษาเป็นระยะ
อาการทางจิตทุเลา
ส่งกลับผู้นำส่งกระบวนการยุติธรรม
1 more item...
5.บทบาทของพยาบาลกับงานนิติจิตเวช
บทบาทของพยาบาลกับงานนิติจิตเวช
1) ใช้การสังเกต และการบันทึกอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด และเป็นระยะๆ
2) เก็บข้อมูลของผู้ป่วยเป็นความลับ เว้นแต่เป็นเรื่องทางกฎหมาย
3) ในกรณีที่บริษัทประกันร้องขอข้อมูลของผู้ป่วย
พยาบาลต้องแจ้งให้แพทย์เจ้าของไข้ทราบ
แพทย์อาจจะให้พยาบาลช่วยดำเนินการในการรวบรวมข้อมูล
จากนั้นให้ผนึกซอง
ตีตราลับและส่งถึง ฝ่ายแพทย์ของบริษัทประกันให้เร็วที่สุด
4) ในกรณีผู้ป่วยจิตเวช
พยาบาลควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยที่อาจก่อนให้เกิดอันตราย ในอนาคต
บทบาทของพยาบาลกับการชันสูตรพลิกศพ
หลักการเขียนรายงานการชันสูตรพลิกศพ
หลักการในการเขียนรายงาน
1) เขียนรายงาน ณ ที่เกิดเหตุ
การจดบันทึกเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั่วไป
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับศพ
ความเห็นเกี่ยวกับศพ
การดำเนินการเกี่ยวกับศพ
2) รายงานการผ่าศพชันสูตร
เป็นตรวจสอบสภาพภายนอก / ภายในของศพนั้นๆ
3) การตรวจชิ้นเนื้อ
เพื่อดูพยาธิสภาพ
4) การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เพื่อดูสารในร่างกาย
5) การลงความเห็นในเรื่องเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย
หลักการเขียนรายงานการชันสูตรบาดแผล
ผู้ป่วยหรือแม้แต่ศพ อาจมีบาดแผลเกิดขึ้น
ชันสูตรและบันทึกเกี่ยวกับบาดแผลนั้นสามารถใช้เป็นพยานเอกสารได้
สิ่งที่พยาบาลต้องบันทึก
1) ข้อเท็จจริง
จำนวน ชนิด ตำแหน่ง ขนาด
สิ่งแปลกปลอมที่พบในแผล
ความผิดปกติที่เป็นผลจากการบาดเจ็บ
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
วิธีการรักษาพยาบาล
2) ความเห็นเกี่ยวกับแผล
หลักการเก็บรักษาวัตถุพยาน
พยาบาลจะต้องเข้าไปมีบทบาทในการจัดการกับสิ่งของหรือทรัพย์สินที่มีติดตัวผู้ป่วยหรือศพมา
1) รวบรวมวัตถุพยานหรือสิ่งที่สงสัยว่าเป็นวัตถุพยาน
2) แยกหีบห่อ การบรรจุซอง เขียนรายละเอียด
3) ป้องกันการปลอมแปลงเจือปน หรือเสื่อมสภาพ
4) ส่งมอบวัตถุพยานด้วยความระมัดระวัง รัดกุม มีบันทึกการส่งมอบและผู้รับผิดชอบ
การบันทึกอาการและอาการแสดง
1) บันทึกอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง กระชับ ชัดเจน
การขีดฆ่าและเขียนชื่อกำกับแทนการลบ
2) ต้องมีการสังเกตและบันทึกอาการ อาการแสดงเป็นระยะๆ
3) การบันทึกต้องระมัดระวังการใช้ภาษา อย่าใช้อารมณ์ในการเขียน
4)เขียนให้สื่อความหมายในแง่การรักษาและกรณีที่เป็นพยานเอกสาร
5) พึงระลึกไว้เสมอว่าบันทึกอาการอาการแสดงของผู้ป่วยเป็นเอกสารลับ
ผู้ป่วยสามารถขอดูได้
ไม่ควรเปิดเผยเอกสารนี้กับผู้อื่น ยกเว้นแพทย์
หรือในกรณีที่ต้องที่ต้องมีการเปิดเผยตามข้อกำหนดของศาล
ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาที่แก้ไขใหม่ (พ.ศ.2542)
ระบุว่าในกรณีมีผู้ถูกสัตว์ทำร้ายตาย
ตายโดยอุบัติเหตุ
ถ้าแพทย์ตามมาตรา 150 วรรคหนึ่งมีเหตุจำเป็นไม่สามารถไปชันสูตรพลิกศพได้
แพทย์อาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดงานสาธารณสุขจังหวัดผ่านการอบรมทางนิติเวชศาสตร์
ร่วมชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุเบื้องต้น
รีบรายงานให้แพทย์ทราบโดยเร็ว
ดำเนินการตามมาตรา 150 วรรคหนึ่ง
ทำการชันสูตรพลิกศพในกรณีที่สงสัยว่ามีการตายโดยผิดธรรมชาติ(มาตรา 148)
1) การฆ่าตัวตาย (committed suicide)
2) ถูกผู้อื่นทำให้ตาย (homicide)
3)ถูกสัตว์ทำร้ายตาย
4) ตายโดยอุบัติเหตุ (accident)
5) ตายโดยยังมิปรากฏเหตุ (sudden & unexpected death)
ส่งตัวผู้นั้นไปยังโรงพยาบาล โรคจิต
มอบให้แก่ผู้อนุบาล
ผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้อื่นเต็มใจรับไปดูแลรักษา
นางสาวสโรชา ยาวิใจ เลขที่ 35 รุ่น36/2 612001115