Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวินิจฉัยแยกโรคระบบทางเดินหายใจ, นางสาวสุธีรา แสนงาม เลขที่ 87 - Coggle…
การวินิจฉัยแยกโรคระบบทางเดินหายใจ
วินิจฉัยแยกโรค
COPD
CHF
Pneumonia
MI
Pulmonary TB
anemia
bronchitis
Cirrhosis
Asthma
พบว่าผู้ป่วยมีอาการ และอาการแสดงตรงกับตำราที่ค้นคว้ามาข้อมูลดังกล่าวของผู้ป่วยที่กล่าวมาข้างต้นสอดคล้องกับ หลักฐานจากข้อมูลที่สืบค้นจากตำราประกอบด้วยทฤษฎีที่คาดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้
กรณีศึกษา
ข้อมูล
ER รพ.ชุมชนแห่งหนึ่ง เวลา 20.00 น.
ชายไทยอายุ 19-20 ปี ให้ประวัติว่ามีไข้ต่ำๆ ไอเเห้งๆ ไอมากเวลากลางคืน รู้สึกแน่นหน้าอกเวลาไอ มา 2-3 วัน รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออก 2 ชั่วโมงก่อนมา (นั่งรถเข็นมาเนื่องจากเดินไม่ไหว) มารดาพามาที่ ER ให้ประวัติว่าลูกชายเเข็งแรงดีมาตลอด แต่ประมาณ 2 เดือนที่เเล้วมีอาการไอกลางคืน แต่ไม่เหนื่อยหอบ
*
อาการสำคัญ :<3:
2 เดือนที่แล้วมีอาการไอกลางคืน แต่ ไม่เหนื่อยหอบ
2-3 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ต่ำๆ ไอแห้งๆ ไอมากเวลากลางคืน รู้สึกแน่นหน้าอกเวลาไอ
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออก (นั่งรถเข็นมาเนื่องจากเดินไม่ไหว)
อาการปัจจุบัน :
หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
ข้อมูลทั่วไปของกรณีตัวอย่างใน scenario
ชายไทย อายุ 19-20 ปี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ชื่นชอบเล่นบาส อาศัยอยู่กับมารดา ไม่แพ้อาหาร ชอบรับประทานอาหารรสจัด มักจะมีบวมที่เท้านิดหน่อย ชอบทำกินกรรมกับเพื่อน ไปตั้งแคมป์ในป่า
ครอบครัว - ตา และ ยาย มีประวัติเป็นโรค หัวใจ หอบหืด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
7 ปีที่แล้ว หายใจเหนื่อย ไปโรงพยาบาลเป็นระยะๆ พ่นยาเป็นระยะๆ ปัจจุบันก็ยังพ่น มักพ่นตอนทำกิจกรรม ถ้าไม่พ่นก็จะหายใจไม่ออก มีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย เวลาที่ไอเยอะๆ ก็จะหายใจไม่ออก
ประวัติตามระบบ
ระบบไหลเวียน
ปอดได้ยินเสียง wheezing
เจ็บแน่นหน้าอก
10 ปีที่แล้วบวมที่เท้า
ระบบหายใจ
ไข้
ปอดได้ยินเสียง wheezing
แน่นหน้าอก
ไอ
เหนื่อยหอบ
วินิจฉัยแยกโรคครั้งสุดท้าย
Asthma
เหตุผล
ผู้ป่วยไอเเห้งๆ ไอมากเวลากลางคืน รู้สึกแน่นหน้าอกเวลาไอ
2-3 วัน รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก มากเวลากลางคืน
เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้เยื่อบุ และผนังหลอดลมตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จากภายใน เช่น สารกระตุ้นต่างๆ ฝุ่นละออง และจากสิ่งแวดล้อมมากกว่าปกติ เช่น ควันไฟ การเล่นบาสของผู้ป่วย ส่งผลให้หายใจไม่สะดวก และมีเสียงหวีด เหนื่อยหอบ ไอเรื้อรัง แน่นหน้าอก โดยเฉพาะตอนกลางคืน
ผู้ป่วยมี crepitation both lung ซึ่งเกิดจากเกิดจากหลอดลมที่ปิดอยู่ในช่วงหายใจออกสุดมีการเปิดออกทันทีในช่วงที่มีการหายใจเข้าซึ่งการปิดของหลอดลมนี้อาจเกิดจากหลอดลม collapse เอง หรือมี fluid, mucous หรือ pus ในหลอดลมนั้น เสียงที่ได้ยินมักจะเกิดทุกครั้งของการหายใจ หรือเกิดจาก air bubbles ที่เกิดจากลมวิ่งผ่านน้ำ เสียงมีการเปลี่ยนแปลงไปในการหายใจแต่ละครั้ง quality ของเสียงมีลักษณะหยาบ (coarse) มักเกิดจาก secretion ในหลอดลม ซึ่งการไออาจทำให้เสียงน้อยลง
Eosinophil สูง ในผู้ป่วยเกิดจากการติดเชื้อ ร่างกายอาจกำลังเผชิญกับสภาวะภูมิแพ้เช่น สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ฝุ่นละออง ควันไฟ เป็นต้น
ผู้ป่วยมีไข้ต่ำ ๆ 37.7 องศาเซลเซียส เกิดจากสิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคือง ของหลอดลม
ปัจจัยที่กระตุ้น Exacerbation
ฝุ่น ควันไฟ จากการที่ผู้ป่วยชอบทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน โดยการไปตั้งแคมป์ในป่า
-ความเครียดเนื่องจากผู้ป่วยกังวล รู้สึกกังวลกับโรคที่เป็น ไม่เนื่องจากเสียภาพลักษณ์จากการที่ต้องใช้ยาพ่นเมื่อมีอาการหอบหืด
-ผู้ป่วยชอบเล่นบาสเก็ตบอล
-ฝุ่น จากการเดินทางไปโรงเรียนและจากการเล่นกีฬากลางแจ้ง รถที่ขับผ่าน เวลาที่ผู้ป่วยอยู่ข้างถนก็จะมีอาการกำเริบ
ผู้ป่วยชอบออกกำลังกายโดยการเล่นบาสเก็ตบอล
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม
การรับรู้ของเพื่อนต่อผู้ป่วย
การกลั่นแกล้งผู้ป่วย
มองว่าเป็นตัวประหลาดที่ต้องมานั่งพ่นยา
ไม่ให้การยอมรับ
การดูแลตนเองของผู้ป่วย Asthma
หลีกเลี่ยงหรือกำจัดสิ่งที่แพ้ หรือกระตุ้นทำให้เกิดอาการ โดยใช้วิธีสังเกตว่าสัมผัสกับอะไร อยู่ในสิ่งแวดล้อมใดหรือรับประทานอะไรแล้วมีอาการ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น
ควรกำจัดหรือลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้หรือสารกระตุ้นให้เกิดอาการ ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อม รอบตัวให้เหลือน้อยที่สุด
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกประเภท รวมทั้งผักและผลไม้
ออกกำลังกายเป็นประจำ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
รักษาสุขภาพจิตให้สดชื่นแจ่มใส
พยายามอยู่ห่างจากผู้ที่ไม่สบาย และเมื่อมีการติดเชื้อ เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ คอหรือต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ
ควรดูแลสุขภาพของฟันและช่องปากให้ดี
การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยารับประทาน ยาสูด หรือพ่นคอ เพื่อปรับความไวหรือขยายหลอดลม
วางแผนการรักษาผู้ป่วย Asthma
ตามบทบาทพยาบาล
การให้ความรู้แก่ผู้ป่วย ญาติ และผู้ใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการรักษา
การแนะนำวิธีหลีกเลี่ยงหรือขจัดสิ่งต่างๆ ที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้และอาการหอบหืดอย่างเป็นรูปธรรม
การประเมินระดับความรุนแรงของโรคหอบหืดก่อนการรักษา
การประเมินผลการควบคุมโรคหอบหืด และการจัดแผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดเรื้อรัง
การจัดแผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน (asthma exacerbation)
การจัดระบบให้มีการดูแลรักษาต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาผู้ป่วยโรคหอบหืดในกรณีพิเศษ
วางแผนการพยาบาลผู้ป่วย asthma
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการในรายที่มีอาการรุนแรงควรติดตามระดับออกซิเจนในเลือดแดงร่วมด้วย และในกรณีที่ใช้ยาขยายหลอดลมกลุ่ม SABA ในขนาดสูง ติดต่อกันหลายครั้ง ควรติดตามระดับโพแทสเซียมในเลือด
จัดท่านอนศีรษะสูงประมาณ 30 องศา เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก ควรจัดท่านอนกึ่งนั่งเพื่อให้ปอดขยายตัวได้ดีและมีการระบายอากาศที่ดี
ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ และระดับความอิ่มตัวของออกซิเจน ทุก 2-4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา รักษาระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนให้ได้มากกว่าหรือเท่ากับ 95% ในกรณีที่เสมหะเหนียวข้น ควรใช้ออกซิเจนชนิดที่มีความชื้นสูง
สังเกตภาวะพร่องออกซิเจน เช่น หายใจ หอบมากขึ้น หายใจลำบาก หายใจหน้าอกบุ๋ม ระดับความรู้สึกตัวลดลง กระสับกระส่าย หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์
ดูแลให้ได้รับยาขยายหลอดลมตามแผนการรักษา ได้แก่ ยาขยายหลอดลมกลุ่ม SABA ซึ่งโดยทั่วไปนิยมให้ทางการสูดดมแบบฝอยละออง (aerosal therapy)
ประเมินอาการโรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลันโดยใช้ SCAS เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของโรค ทุก 2-4 ชั่วโมง
ประเมินผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาขยายหลอดลม เช่น หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น มือสั่น นอนไม่หลับ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์
ประเมินสภาพปอดโดยการใช้หูฟัง ฟังเสียงลมผ่านปอดก่อนและหลังการพ่นยาขยายหลอดลมเพื่อประเมินการหดเกร็งของหลอดลม หากหลังการพ่นยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น โดยผู้ป่วยยังคงมีอาการหายใจเร็วได้ยินเสียงหวีด ให้รายงานแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ ตามแผนการรักษา ซึ่งข้อบ่งชี้ในการให้ คือควรให้ทันทีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการได้รับยาพ่นขยายหลอดลมในครั้งแรก โดยให้ยาในรูปการฉีดเมื่อผู้ป่วยมีอาการรุนแรงหรือรับประทานอาหารไม่ได้
คำแนะนำด้านสุขภาพ
ด้านการป้องกันการกำเริบของโรคหอบหืดโดยการหลีกเลี่ยงหรือควบคุมสิ่งกระตุ้น
ด้านการส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยและการดูแลรักษาสุขภาพทั่วไป
ด้านการปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์และการมาตรวจตามนัด
ด้านการจัดการและดูแลผู้ป่วยเมื่อมีอาการหอบ โดยครอบครัวสามารถประเมินการหายใจและสังเกตอาการเตือนของโรคหืดกำเริบเฉียบพลันได้อย่างถูกต้อง
ไอ
ความผิดปกติของการหายใจ
การใช้ยา
พยาบาลเวชชุมชน
เสริมสร้างพลังให้กลุ่มผู้ป่วยโรคหืด
ประสานงาน (Collaboration) ประสานความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ
Care management ค้นหาปัญหา การวิเคราะห์และวางแผนแก้ไขปัญหา
พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคหืด สอนและฝึกทักษะในการป้องกัน
ให้คำปรึกษาในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันอาการหอบ
นางสาวสุธีรา แสนงาม เลขที่ 87