Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด…
บทที่ 8
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด
เยื่อบุมดลูกอักเสบ (Endometritis)
อาการและอาการแสดง
• มีน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
• น้ำคาวปลาไม่เปลี่ยนสี จะมีสีน้ำตาลแดง อาจมีเยื่อหุ้มรกออกมา
• มดลูกมีขนาดใหญ่คลำได้ทางหน้าท้อง มีลักษณะนุ่ม กดเจ็บ
• 3 หลังคลอดมีไข้ ไม่เกิน 38.8 องศาเซลเซียส
• ชีพจร 90-120 ครั้งต่อนาที อาจมีดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
• WBC > 20,000/mm3 และมีการเพิ่มขึ้นของ neutrophil
การักษา
• การรักษาตามอาการ
• ร่วมกับการให้ยาปฏิชีวนะ ที่ครอบคลุมเชื้อที่สงสัย
ภาวะหลอดเลือดดำอักเสบในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Thrombophlebitis)
การรักษา
• การรักษาการติดเชื้อที่สำคัญ คือ การให้ยาปฏิชีวนะ
• ส่วนการให้ Heparin ร่วมด้วยเชื่อว่าอาจทำให้ไข้ลดลงช้าลง
สาเหตุ
• เกิดจากการติดเชื้อบริเวณมดลูก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นที่เกาะของรกบริเวณ Fundus
• การอักเสบของเส้นเลือดในบริเวณกล้ามเนื้อมดลูกลุกลามเข้าไปใน Ovarian Vein ซึ่งข้างขวาจะเข้า Inferior Vena Cava ข้างซ้ายจะเข้า Renal Vein
อาการและอาการแสดง
• มักจะมีอาการปวดบริเวณที่มีการอักเสบในวันที่สองหรือสามหลังคลอด
• อาจจะมีไข้หรือไม่มีก็ได้
• ปวดบริเวณท้องน้อยด้านล่างและปวดบริเวณสีข้าง (Flank) อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง
• ผลตรวจ CT หรือ MRI
• ตรวจพบก้อนบริเวณ Parametrium กดเจ็บตามเส้นเลือดที่มีการอักเสบ
การติดเชื้อที่แผลฝีเย็บ
Episiotomy infection
อาการ
• การติดเชื้อสัมพันธ์กับการแยกของแผล
• ปัจจัยส่งเสริมให้เกิดแผลแยกอื่นๆ
• มีอาการปวดเฉพาะที่ที่แผล
• มีไข้ มักจะเป็นไข้ต่ำๆ
• ลักษณะของแผลติดเชื้อ
• เริ่มจากขอบแผลบวม เปลี่ยนเป็นสีน้ำ ตาลแดง
• ไหมที่เย็บอาจขาดหลุดออกมา
การรักษา
• ขจัดเนื้อตายและเปิดระบายหนองร่วมกับให้ยาปฏิชีวนะ
• ในรายที่มีลักษณะแผลอักเสบยังไม่มีหนองให้ยาปฏิชีวนะอย่างเดียว
• การดูแลแผลให้ sitz bath บ่อยๆ
มดลูกไม่เข้าอู่ (Subinvolution of Uterus)
อาการและอาการแสดง
• น้ำคาวปลาไม่จางลง
• น้ำคาวปลาที่จางลงเปลี่ยนเป็นสีแดง
• ระดับยอดมดลูกไม่ลดลง
• ปวดมดลูกและมีไข้
• เหนื่อยอ่อนเพลีย
สาเหตุ
• ภาวะต่างๆ ที่ทำให้การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ได้แก่ มีเศษรกหรือหุ้มเยื่อทารกค้างในมดลูก มีก้อนเนื้องอกของมดลูก ตั้งครรภ์หลายครั้งทารกตัวโต กระเพาะปัสสาวเต็ม
• การผ่าตัดคลอดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
• ทารกไม่ได้ดูดนมแม่
• มีการติดเชื้อของมดลูก (Endometritis)
การรักษา
• ให้ยา Oxytocin
• Dilatation and Curettage
• Antibiotic in endometritis
การพยาบาล
• ประเมิน daily HF, lochia, อาการปวดมดลูก
• Early ambulation postpartum
• ติดตาม vital signs
อุ้งเชิงกรานอักเสบ (Parametritis)
อาการและอาการแสดง
• ติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือมดลูก ลามไปทางหลอดน้ำเหลืองทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบเป็นหนองในอุ้งเชิงกราน
• ไข้ 38.9-40 องศาเซลเซียส ร่วมกับ tachycardia
• มดลูกโตขึ้น กดเจ็บที่มดลูกส่วนล่างข้างเดียวหรือสองข้าง
• ตำแหน่งมดลูกจะ fix จากหนองที่เกิดขึ้นตาม round ligament
การรักษา
• การรักษาตามอาการ
• ร่วมกับการให้ยาปฏิชีวนะ ที่ครอบคลุมเชื้อที่สงสัย
• ถ้ามีฝีหรือหนองต้องระบายออก
การพยาบาลมารดาที่มีภาวะติดเชื้อหลังคลอด
ขั้นประเมินข้อมูล (Assessment)
• การประเมินสาเหตุของการติดเชื้อ
• ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
• ปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการติดเชื้อหลังคลอด
• ประเมินบริเวณที่มีการติดเชื้อ ได้แก่
• ฝีเย็บ
• เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis)
• หลอดเลือดดำอักเสบในอุ้งเชิงกราน
• การติดเชื้อกระจายออกนอกมดลูก ได้แก่ เยื่อบุช่องท้องอักเสบเป็นหนอง ในอุ้งเชิงกราน (Parametritis) และเยื่อบุช่องท้อง (Peritonitis)
การให้พยาบาล
• การส่งเสริมให้น้ำคาวปลาไหลดี
• จัดให้นอนท่า Fowler’ position
• อาการปวด
• การพยาบาลขณะมีอาการรุนแรง
• การให้คำแนะนำในการรักษาสุขภาพ สุขวิทยาส่วนบุคคล
• ดูแลการให้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือด
• การพยาบาลเพื่อการป้องกันการติดเชื้อหลังคลอด
• การเตรียมอุปกรณ์กู้ชีวิตกรณีคาดว่าอาจมีภาวะช็อก
เต้านมอักเสบ (Breast Abscess)
สาเหตุ
• มีการติดเชื้อ เชื้อที่พบบ่อยคือ Staphylococcus Aureus ถ้าไม่รักษาจะเกิดอาการรุนแรง
• หัวนมแตก ถลอกหรือมีรอยแตก จากการบีบนวดเต้านมมากๆเต้านมคัดมาก ท่อน้ำนมอุดตัน และจากการดูดนมของทารกที่มีเชื้อในจมูก และคอ โดยเชื้อเข้าสู่ท่อนมโดยตรง
การรักษา
• เพาะเชื้อน้ำนมข้างที่มีการอักเสบก่อนเริ่มรักษา
• ให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อที่พบบ่อย
• ให้ยาแก้ปวด
• ให้นมบุตรได้ ยกเว้นมีอาการปวดมาก
• การเจาะระบายหนอง นิยมวิธีใช้เข็มเจาะดูด (needle aspiration)
อาการและอาการแสดง
• มีไข้
• ผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะ แดง ตึง แข็ง เจ็บ ปวด
• ผิวหนังจะนุ่ม เป็นมัน ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้อาจโต และเจ็บ
การติดเชื้อที่แผลแผลผ่าตัด
(Abdominal incisional infections)
การดูแลรักษา
• การให้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับการผ่าตัดระบายหนอง
• ทำแผลแบบเปียก (wet dressing) 2 ครั้งต่อวัน
• เริ่มมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ 4-6 วัน แล้วจึงเย็บปิดแผล ด้วยไหม
• ปัจจัยเสี่ยง เช่น DM, HT, Obesity ect.
• เริ่มแสดงอาการไข้ตั้งแต่ 4 วันหลังผ่าตัด หรือในบางราย อาจพบว่ายังมีไข้ต่อเนื่องในขณะได้รับยาปฏิชีวนะ
• บริเวณแผลจะแดงและมีหนอง
เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)
อาการ
• ปวดท้องหรือสัมผัสท้องแล้วปวด บางรายไม่ชัดเจนเนื่องจากผนังหน้าท้องจะมีความหย่อนตัวในช่วงหลังคลอด
• ท้องอืดหรือแน่นท้อง
• ไข้
• คลื่นไส้และอาเจียน
• เบื่ออาหาร
• เชื้อเข้าทางช่องคลอดผ่านปากมดลูก เข้ามดลูก ปีกมดลูกกระจายเข้าเยื่อบุช่องท้อง
การรักษา
• การให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมทั้ง aerobes และanaerobes
• ถ้าเป็นรุนแรงจากแผลมดลูกเน่าและแยก หรือมีการแตกทะลุของลำไส้ จะต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน
ภาวะผิดปกติด้านจิตใจหลังคลอด
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum depression)
การพยาบาล
• การดูแลให้มารดาได้รับความสุขสบายและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
• อธิบายสาเหตุความไม่สุขสบายและความแปรปรวนของอารมณ์และจิตใจในระยะหลังคลอด
• ให้ความสนใจ สร้างสัมพันธภาพที่ดีแก่มารดา พูดคุยให้การดูแลเอาใจใส่ ให้กำลังใจมารดาสม่ำเสมอ
• และควรแนะนำสามี และญาติให้กำลังใจมารดา และให้การช่วยเหลือมารดาในการดูแลทารกทันที ที่พบว่ามารดา เริ่มมีความยุ่งยากในการดูแลบุตร
• ในรายที่มีอาการรุนแรงพยาบาลควรเพิ่มความสังเกต ดูแลอย่างใกล้ชิด
การรักษา
• การบำบัดด้วยยา ในกลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitor เป็นอันดับแรก
• เข้ากลุ่มจิตบำบัด
ความหมาย
• ภาวะที่จิตใจหม่นหมอง หดหู่ เศร้าสร้อย ร่วมกับรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง
• มองโลกในแง่ร้าย จะแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม
• อาการเด่นชัดหลังคลอด 2-3 เดือน มีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์
ภาวะจิตประสาทหลังคลอด (Postpartum psychosis
อาการและอาการแสดง
• อาการมักจะเริ่มตั้งแต่ 48-72 ชั่วโมง หลังคลอด และไม่พบอาการในผู้ป่วยหลังคลอดเกิน 2 สัปดาห์แล้ว
• มีอาการรุนแรงทันที นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายหงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่แน่นอนวิตกกังวลอย่างมาก อาการต่อมาคือ สับสน จำเวลา สถานที่ บุคคลไม่ได้ ความจำเสื่อม สมาธิเสียวุ่นวาย พูดเพ้อเจ้อ มีท่าทางแปลก ๆ ร้องไห้ครำครวญ หลงผิดหวาดระแวง ประสาทหลอน หูแว่ว บางรายซึม เบื่ออาหาร มีความติดว่าบุตรจะถูกแย่ง ถูกขโมย ตำหนิตนเอง ลงโทษว่าตนไม่ดี คิด และพยายามฆ่าตัวตาย
การรักษา
• รับรักษาในโรงพยาบาล และงดเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
• การใช้ยา
ยาต้านโรคจิต(Antipsychotic drug)
ยาลดภาวะซึมเศร้า (Antidepressants)
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood stabilizer)
• สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
• ให้ความสนใจทุกกิจกรรมและคำพูด
• ป้องกันการท าร้ายตนเอง
• สิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายเก็บให้พ้น
บริเวณที่มารดาพัก เช่นมีด กรรไกร
• ดูแลให้ได้รับยา