Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วินิจฉัยแยกโรคระบบทางเดินหายใจ - Coggle Diagram
วินิจฉัยแยกโรคระบบทางเดินหายใจ
Differential Diagnosis
Asthma
สาเหตุ
พันธุกรรม สารก่อภูมิแพ้ ติดเชื้อหวัด การเปลี่ยนแปลงของอากาศ สารระคายเคืองและมลภาวะ ออกกําลังกายหักโหมเกินไป ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดอยู่เดิม ความผิดปกติทางอารมณ์และจิตใจ
อาการ
ไอเรื้อรัง ไอมากเวลากลางคืน ช่วงเช้ามืด ไอมากเวลาทํากิจกรรม จนเหนือย จนอาเจียน มีเสียงวีดๆ ขณะหอบหรือไอ
ตรวจร่างกาย
ฟังปอดได้ยินเสียงหวีด (wheeze) ตรวจพบอาการอื่นๆ เช่น เขียว ซึม พูดไม่เป็นประโยค หัวใจเต้นเร็ว หน้าอกโป่งหายใจหน้าอกบุ๋ม หน้าอกโป่ง ถ้าเป็นเรื้อรังมานาน
ตรวจพิเศษ
Spirometryโดยการตรวจค่า FEV1 และ FVC , Peak expiratory flow (PEF)
Tuberculosis
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อไมโครแบคทีเรียมทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium Tuberculosis) ที่สามารถแพร่กระจายได้ทางอากาศโดยผ่านทางการไอ จาม การพูด และการหายใจ
อาการ
ไอแห้งๆ มากกว่า2 สัปดาห์ขึนไป นาหนักลดลง อ่อนเพลีย
ตรวจร่างกาย
ฟังปอดอาจพบว่ามีเสียง bronchial breath sound ได้ในกรณีที่พยาธิสภาพในปอดเป็น consolidation
ตรวจพิเศษ
chest X-ray ,ทดสอบทูเบอร์คูลิน ทางผิวหนังจะได้ผลบวก,เก็บเสมหะตรวจเพาะเชื้อ
Bronchitis
สาเหตุ
แบคทีเรียและไวรัส ส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ได้แก่ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) ปัจจัยอื่นๆ การสูบบุหรี หรือผู้ต้องอยู่กับคนที่สูบบุหรี่บ่อย ๆ รวมไปถึงมลภาวะทางอากาศ
อาการ
ไอ มีเสมหะ แสบคอ หรืออาการเจ็บคอร่วมอยู่ด้วย หายใจลําบาก หอบเหนือย หายใจมีเสียงหวีด หรือมีอาการแน่นหน้าอก ไข้
ตรวจร่างกาย
ฟังปอดอาจได้ยินเสียงหายใจหยาบ ( coarse breath sound) หรือมีเสียงอีด ( rhonchi ) หรือเสียงกรอบแกรบ ( crepitation ) บางอาจมีเสียงวีด ( wheezing )
ตรวจพิเศษ
chest X-ray ,การตรวจนับจํานวนเม็ดเลือด (CBC) ,การตรวจเสมหะ
Pneumonia
สาเหตุ
Bacteria, Viruses, Mycoplasma, เชื้อชนิดอื่น เช่น เชื้อรา สารเคมี
ไข้สูง หนาวสั่น หายใจหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ตําแหน่งที่เจ็บมักตรงกับบริเวณที่อักเสบ
ตรวจร่างกาย
จากอาการแสดงคือ ไข้ ไอ หายใจเร็ว ร่วมกับฟังปอดได้ยินเสียง crepitations หรือ bronchial breath sounds
ตรวจพิเศษ
ภาพรังสีทรวงอก ,การตรวจนับเม็ดเลือดขาวในเลือด ,การย้อมเสมหะ gram stain,ตรวจเสมหะ,เพาะเชื้อจากเลือด
COPD
สาเหตุ
การสูบบุหรี่ การหายใจเอาสารเคมีบางอย่างเข้าไปในปอดติดต่อกันเป็นเวลานาน
อาการ
ไอเรื้อรัง มีเสมหะมากโดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน รู้สึกเหนื่อยหอบ หมดเรี่ยวแรง หายใจลําบาก แน่นหน้าอก
ตรวจร่างกาย
อาจตรวจพบลักษณะของ airflow limitation และ air trapping เช่น prolonged expiratory phase, increased chest AP diameter, hyper resonance on percussion , diffuse wheeze
ตรวจพิเศษ
CXR, ตรวจสมรรถภาพปอด Spirometry
Dengue fever/
Dengue hemorrhagic fever
สาเหตุ
ติดต่อจากคนไปสู่คน ซึ่งมียุงลายเป็นตัวพาหะที่สําคัญ
อาการ
ไข้สูงมาก ปวดหัวรุนแรง เบื่ออาหาร อาเจียนอย่างหนักหรืออาเจียนมีเลือดปน อาจมีเลือดกําเดาไหล หรือเลือดออกตามไรฟันมาก
ตรวจร่างกาย
พบจ้ำเลือดหรือห้อเลือดบริเวณผิวหนัง มีเลือดออกที่เนื้อเยื่ออวัยวะภายในต่าง ๆ ตับโต ความเข้มข้นของเลือดสูง ความดันเลือดต่ำ
ตรวจพิเศษ
ตรวจด้วยวิธี NS1 หรือ PCR ตรวจพิเศษ ,ตรวจดูภูมิคุ้มกัน (antibody), การตรวจด้วยวิธี rapid test ,positive tourniquet test ตรวจ CBC
Myocardial infarction
สาเหตุ
Myocardial infarction
อาการ
เจ็บหน้าอก รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบ อาจจะเกิดขึ้นไม่กี่นาทีแล้วก็หาย แล้วกลับมาเป็นอีก รู้สึกอึดอัดที่หน้าอกหรือลินปี่ รู้สึกอาการแน่นตามร่างกายท่อนบนด้านซ้าย ได้แก่ บริเวณกราม คอ หลังหน้าท้อง และแขน
ตรวจร่างกาย
ชีพจรเบาเร็ว ความดันอาจจะปกติ ต่ำหรือสูงก็ได้ อาจได้ยินเสียงผิดปกติของการบีบตัวของหัวใจหรือได้ยินเสียงฟู่ (Murmur) เสียงผิดปกติของปอดจากภาวะน้ำท่วมปอด (Crepitation)
ตรวจพิเศษ
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (E.K.G), การตรวจเลือดหาเอ็นไซม์ เช่น Troponin-T, Troponin-I, CK-MB, การตรวจเอ็กซเรย์ปอด, Echo-Doppler
Hyperthyroid
สาเหตุ
เกิดขึ้นจากการที่ต่อมไทรอยด์ทํางานมากผิดปกติ จนทําให้ร่างกายมีปริมาณของฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าความต้องการของร่างกาย
อาการ
เหนื่อยง่าย ใจสั่น เหงื่อออกมาก หงุดหงิด นอนไม่หลับ ตาโปน ตาแห้ง ผมร่วง ผิวแห้ง น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ คอพอก มีก้อนเนือที่คอโต
ตรวจร่างกาย
อาการคอพอก ซึ่งเป็นอาการที่ต่อมไทรอยด์โตขึ้น ส่วนในรายที่เป็นโรคเกรฟส์ ต่อมไทรอยด์จะมีลักษณะบวมโตแบบกระจาย และผู้ป่วยที่เนื้องอกไทรอยด์จับคลําได้ก้อนเนืองอกทีมีขนาดมากกว่า 2.5 เซนติเมตร
ตรวจพิเศษ
ตรวจวัดปริมาณฮอร์โมนไทรอยด์ ปริมาณของฮอร์โมนไทรอยด์ T3 และ T4 ในเลือด TSH, CXR, U/S, CT scan, Thyroidscan
โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
สาเหตุ
ได้รับเชื้อไวรัสกลุ่ม Influenza Virus ผ่านทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น การหายใจ การกิน การดื่ม หรือการสัมผัส
อาการ
ไข้สูง หนาวสั่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูก ปวดหัว และอ่อนเพลีย บางรายอาจอาเจียนหรือมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
ตรวจร่างกาย
พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในเสมหะที่ปายหรือดูดจากจมูกหรือลําคอ ตรวจพบแอนติเจนของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ใน epithelial cell จาก nasopharyngeal secretion
ตรวจพิเศษ
haemaglutination inhibition (HI) ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน หรือ complement fixation (CF)
โรคหวัด (Common cold)
สาเหตุ
สัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งทีติดเชื้อจากพื้นผิวที่ปนเปื้อน ซึ่งไวรัสสามารถอาศัยอยู่บนวัตถุที่สัมผัสบ่อยๆเป็นเวลาหลายชัวโมง การสูดดมไวรัสทางอากาศจากบุคคลที่มีการการจามหรือไอ
อาการ
ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว แสบตา คัดจมูก จาม ไอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล อาจมีอ่อนเพลีย บางครั้งอาจมีอาการเจ็บคอ ปวดท้อง อาเจียน หรือ ท้องเสีย
ตรวจร่างกาย
ตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในเสมหะที่ปลายหรือดูดจากจมูกหรือลำคอ
ตรวจพิเศษ
ไม่จําเป็นต้องใช้การตรวจพิเศษ
Plan for diagnosis
ฟังเสียงปอดพบ fine crepitation at lower lobe of both lung
ตรวจ CBC normal
Acid fast bacilli (AFB) Negative
Chest X-RAY ไม่พบ Infiltration
Tuberculin skin test เปน Positive
EKG normal
tourniquet test Negative
ตรวจ rapid antigen - negative
วินิจฉัยการพยาบาล
ข้อมูลสนับสนุน
Objective data :
ผู้ป่วยมีอาการไข้ต่ำ ๆ ไอแห้ง ๆ ไอมากเวลากลางคืน
รู้สึกแน่นหน้าอกเวลาไอ มา 2-3 วัน รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออกเดินไม่ไหว
สัญญาณชีพ Temp 37.7 องศาเซลเซียส PR 112-116 ครั้ง/นาที หายใจ 28-30 ครั้ง/นาที (O2sat 95%)
วัตถุประสงค์
จุดมุ่งหมายการพยาบาล ผู้ป่วยไม่มีภาวะพร่องออกซิเจน ได้รับออกซิเจนเพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการของภาวะพร่องออกซิเจน
เช่น ผิวหนังซีด ปลายมือปลายเท้าเขียว หายใจเร็ว เหงื่อออกมาก
สัญญาณชีพอยู่ในระดับปกติ
T = 36.5 – 37.5 C
R = 16 – 24 ครัง/นาที
P = 60 – 100 ครัง/นาที
BP = 90/60 – 140/90 mmHg.
การพยาบาล
ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมงและทุก 4 ชัวโมง สังเกตการดึงรังของกล้ามเนื้อหน้าอก สีผิว และระดับความรู้สึกตัวเพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
ตรวจวัดค่า Oxygen saturation ของผู้ป่วยด้วย Oxygen sat monitor
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยจัดท่านอนศีรษะสูง 30-45 องศา และดูดเสมหะเพื่อป้องกันภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้น
ดูแลให้ออกซิเจนผ่านเครื่องทําความชื้นชนิด cannular อัตราการไหลของก๊าซ 3 LPM
จัดสถานที่ให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนมากที่สุดเพื่อลดการใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญให้เกิดพลังงาน
ประเมินผลการได้รับออกซิเจน โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และสีผิว
Plan for Treatment
Plan for Treatment at ER
ให้ได้รับยา Ventolin solution1cc+0.9% NSS up to4 ml NB หรือ MDI with spacer 4 puff q 15 min
Beradual 2 ml +0.9 % NSS up to4 ml ทางเครืองพ่นยาให้เป็นละอองฝอย
On Oxygencannular 3 LPM /ifO2 sat<90%On Oxygenmask with bag8 LPM
ให้ได้รับยา dexamethazone10mg V stat หากไม่ดีขึ้น dexamethazone 5 mg q 6 hr(ยาสเตอรอยด์รักษาอาการแพ้ หอบหืด)
ผู้ปวยได้รับสารนา 5%DN/2 V rate80cc/hr.
หากอาการไม่ดีขึ้น ให้ meptin 1 tab O stat (รักษาหลอดลมหดเกร็ง)
Plan for Treatment at ward
On Oxygencannular 3 LPM
ให้รับยา Ventolin solution 1 cc+0.9% NSS up to 4 ml NB q 4-6 hr.
ถ้าหากอาการแสดงยังไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มยา Beradual 2 ml +0.9 % NSS up to 4 ml ร่วมกับ Ventolin หรือ magnesium sulfate 2 g V ภายใน 20 นาที
ให้รับยา Bisolvon 1 tab O tid pc (ยาละลายเสมหะ)
ให้รับยา Precinisolone 3 tab O tid pc (ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาแก้แพ้)
ให้รับยา Paractarmal (500 mg) 1 tab O prn q 4-6 hr. (ยาลดไข้)
เตรียมรถ Emergency ไว้ให้พร้อมเพือ assisted ventilation หากอาการผู้ปวยเลวลง
Plan for Treatment for D/C
ให้ผู้ป่วยได้รับยารับประทานและยาสูดพ่นกลับบ้าน
Ventolin สูดพ่นทุกครังทีมีอาการ
Bisolvon 1 tab O tid pc (ยาละลายเสมหะ)
Precinisolone 3 tab O tid pc (ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาแก้แพ้)
Paractarmal (500 mg) 1 tab O prn q 4-6 hr. (ยาลดไข้)
ให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ตามนัดภายหลังออกจากโรงพยาบาล 2 สัปดาห์เพื่่อติดตามอาการ และหากมีอาหารผิดปกติ หายใจเหนื่อยหอบมากให้มาพบแพทย์ทันที
ให้คําแนะนําในการดูแลตนเองกับผู้ปวยและญาติ
หลีกเลี่ยงหรือกําจัดสิ่งที่แพ้ หรือกระตุ้นทําให้เกิดอาการ เช่น ฝุ่น เชื้อรา ขนแมว ขนนก เศษหญ้า เศษใบไม้ เป็นต้น
ดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์ และแข็งแรงอยู่เสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกประเภท รวมทั้งผักและผลไม้ ออกกําลังกายเป็นประจํา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพจิตให้สดชื่นแจ่มใส
ดูแลสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้โล้ง เพื่ออากาศถ่ายเทได้สะดวก
ควรใช้ยาตามคําแนะนําของแพทย์อย่างเคร่งครัดและไม่ควรซือยามาใช้เอง
Problem list
ไข้ ไอ เหนื่อย
เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก
วิเคราะห์เคสกรณีศึกษา
สาเหตุ
ได้รับสารก่อภูมิแพ้ โดยมีตัวกระตุ้นคือสารระคายเคืองและมลภาวะผู้ป่วยได้สูดควันไฟ
ได้รับสารก่อภูมิแพ้ โดยมีตัวกระตุ้นคือสารระคายเคืองและมลภาวะผู้ป่วยได้สูดควันไฟ
พันุกรรมที่ตาและยายเป็นหอบหืด
อาการ
อาการไอกลางคืนแต่ไม่เหนื่อยหอบ ไข้ต่ำ ๆ ไอแห้ง ๆ ไอมากเวลากลางคืน รู้สึกแน่นหน้าอกเวลากลางคืน รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออก น้ำหนักลดลง
ตรวจร่างกาย
Crepitationboth lung จากผล x-ray พบ infiltrationlower lobe of both lung
ผล CBC พบว่า WBC=3,000 ML Neutrophil = 75% eosinophil = 59% ซึ่งตรงกับโรคหอบหืดมากที่สุด
ตรวจพิเศษ
Complete Blood Count (CBC): Normal
Chest X-rays: ไม่พบ Infiltration ที่ปอดไม่พบพยาธิสภาพของฝีในปอด และ ไม่พบ Cardiomegal
AFB: Negative
EKG: Normal
ข้อมูลกรณีศึกษา
ประวัติส่วนตัว
อาการสําคัญที่มา
รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออก 2 ชม.ก่อนมารพ.
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
2 เดือนที่แล้วมีอาการไอกลางคืน แต่ไม่เหนื่อยหอบ
2-3 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ต่ำ ๆ ไอแห้ง ๆ ไอมากเวลากลางคืน รู้สึกแน่นหน้าอกเวลากลางคืน
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อออก
ประวัติการเจ็บป่วยอดีต
7 ปีที่แล้ว มีประวัติพ่นยามาตลอด โดยจะพ่นยาบ่อยในตอนทํากิจกรรม มักมีอาการหายใจเหนื่อยและมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย 5 ปีที่แล้ว มีอาการบวมที่เท้าเล็กน้อย
ประวัติการเจ็บป่วยครอบครัว
คุณตาเป็นโรคหอบหืด หัวใจ เบาหวานและความดันโลหิตสูง
ผลการตรวจร่างกาย
T= 37.7 องศาเซลเซียส PR= 112-116 ครัง/นาที R= 28-30 ครัง/นาที O2sat= 95%
ตรวจร่างกายพบ หายใจมีอกบุ๋มและปีกจมูกบาน คอแดงเล็กน้อย ปลายมือปลายเท้าเขียวคล้ำ capillary refill 4 วินาที ฟังเสียงปอดได้ crepitation EKG normal ต่อมน้ำเหลืองและต่อมไทรอยด์ไม่โต