Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เทคโนโลยี และยาที่ใช้บ่อยใน ICU, นางสาวประภัสสร…
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เทคโนโลยี และยาที่ใช้บ่อยใน ICU
การพยาบาลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจและการหย่าเครื่องช่วยหายใจ
การใช้เครื่องช่วยหายใจ
เครื่องช่วยหายใจ (Mechanical ventilator)
บทบาทสําคัญในการรักษาประคับประคองผู้ป่วยที่มีภาวะระบบหายใจล้มเหลวหรือระบบไหลเวียนล้มเหลวโดยใช้แรงดันบวกในการช่วยหายใจ
ข้อบ่งชี้การใช้
ความล้มเหลวของการระบายอากาศ (ventilation failure)
ปริมาณการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าการระบายออกของระบบทางเดินหายใจ
กล้ามเนื้อกะบังลมไม่มีแรง (diaphragm fatigue)
ได้รับยาที่กดศูนย์หายใจ มีความผิดปกติของประสาทส่วนกลางส่วยปลายและผนังทรวงอก
ภาวะพร่องออกซิเจน (oxygenation failure)
ร่างกายมีความจําเป็นในการใช้ออกซิเจนในปริมาณสูงหากร่างกายไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ทันก็จะเกิดความเป็นกรดในร่างกายขึ้น
ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายผิดปกติ
ภาวะช็อกร่างกายมีความต้องการออกซิเจนปริมาณสูงทําให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะอื่นลดลง เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ชนิด
Non-invasive positive ventilator; NPPV
ประเภทความดันบวกที่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าแบบใส่ท่อเหมาะสําหรับผู้ป่วยหายใจล้มเหลวแบบเรื้อรังหรือใช้ในเวลากลางคืนและใช้ในรายที่ถอดท่อช่วยหายใจ
Invasive positive ventilator; IPPV
Control mandatory ventilation (CMV) หรือ Assist/control (A/C) ventilation
CVMใช้ในผู้หวยที่หายใจเองไม่ได้แต่ถ้าผู้ป่วยหายใจมากกว่าค่าที่ตั้งไว้ 8 ครั้งเครื่องจะไม่มีการช่วยหายใจ
A/C ถ้าผู้ป่วยหายใจเกินค่าที่เครื่องตั้งไว้เครื่องจะยังช่วยหายใจอยู่ตามอัตราการหายใจของผู้ป่วย
Synchronized Intermittent mandatory ventilation (SIMV)
ช่วยหายใจที่มีทั้งการหายใจเองและการหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ
Spontaneous ventilation
Continuous positive airway pressure (CPAP)
ใช้แรงดันเท่ากันทั้งหายใจเข้าและออก
Pressure support ventilator (PSV)
จ่ายความดันตามที่ตั้งค่าไว้ หยุดจ่ายเมื่อไม่ต้องการแล้ว
ภาวะแทรกซ้อน
Pulmonary volutrauma
ความดันคงค้างในถุงลมปอดมากกว่า 35 เซนติเมตรน้ำถุงลมขยายเกินจนผิวถุงลม หลอดเลือดฝอยเสียหน้าที่จนปวดบวมน้ำเฉียบพลัน
Pulmonary barotrauma
ค้างความดันในช่วงหายใจออกให้เป็นบวก (PEEP) ซึ่งลมที่รั่วเข้าสู่เนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง
ผลต่อระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด
ทำให้เลือดดำไหลกลับหัวใจลดลงเลือดแดงออกจากหัวดใจลดลงเนื่องจากมีแรงดันในช่องอกสูง
Artificial airway complication
มักพบในผู้ป่วยที่ใส่ท่อหลอดลมคอเป็นเวลานานความดันในกระเปาะลมที่มีค่าสูงกว่าค่าดังกล่าวจะสูงกว่าความดันหลอดเลือดฝอยของเยื่อบุหลอดลม สามารถกดผนังหลอดลม จนทําให้เกิดภาวะขาดเลือด
Atelectasis
การตั้งปริมาตรการหายใจต่ำและไม่มีการตั้งถอนหายใจ (sigh)
Ventilator Associated Pneumonia;(VAP)
ใช้เครื่องช่วยหายใจนานเกิน 48 ชั่วโมง การสําลักเชื้อจุลชีพจากปากหรือลําคอ หรือการแพร่เชื้อจากกระเพาะอาหารป้องกันโดยการดูดเสมหะ ติดตามการติเชื้อ
Oxygen toxicity
รับความเข้มข้นของออกซิเจนมากกว่า 0.6 นานเกิน 24-48 hr. หรือ1.0 เกิน 24 hr ทำให้เกิดการทำลายเนื้อปอด
ระบบทางเดินอาหาร
การเกิดแผลหรือภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
ผลต่อภาวะโภชนาการ
งดน้ำงดอาหารเนื่องจากอาการไม่คงที่
การพยาบาล
ดูแลให้เครื่องช่วยหายใจทํางานอย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ Tubing system อยู่ในระบบปิด ไม่เลื่อน ไม่ดึงรั้ง
การป้องกันภาวะปอดแฟบ
ป้องกันได้โดยการทํา Deep lung inflating โดยการใช้ Self-inflating bag (Ambu bag) การตั้ง Sigh 8-12 ครั้ง/ชั่วโมง
การป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
โดยการดูดเสมหะเมื่อพบว่ามีปริมาณเสมหะมาก
การติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สําคัญ
Electrolyte imbalance, ABGs
การดูแลด้านร่างกาย
ประเมินสภาพผู้ป่วยและภาวะแทรกซ้อน
สัญญาณชีพ ต้องประเมินทุก 1 ชั่วโมง ระดับความรู้สึกตัวความรู้สึกที่ผิดปกติ Tension pneumothorax, Subcutaneous emphysema, Stress ulcer
การดูแลท่อหลอดลมและความสุขสบายในช่องปากของผู้ป่วย
ตําแหน่งของท่อหลอดลมคอควรอยู่เหนือ Carina ประมาณ 1 นิ้ว และการฟังเสียงลมเข้าปอดซึ่งการฟังเสียงปอดทั้ง 2 ข้างเท่ากัน
การดูแลด้านจิตใจ
ประเมินภาวะวิตกกังวลอธิบายเกี่ยวกับความเจ็บป่วย วิธีการรักษา
การหย่าเครื่องช่วยหาย
การลด/เลิกการช่วยหายใจในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจจนสามารถหายใจเองและหยุดใช้เครื่องช่วย
ขั้นตอนการหย่าเครื่องช่วยหายใจ
ขณะหย่าเครื่องช่วยหายใจ
วิธีการถอดท่อ
จัดท่านั่งศีรษะสูง
ดูดเสมหะให้โล่ง
แกะพลาสเตอร์ที่ยึดท่อช่วยหายใจ
เอาลมในกระเปาะท่อช่วยหายใจ
ให้ผู้ป่วยกลั้นหายใจ ดึงท่อออกและให้ไอขับเสมหะออกมา ดูดเสมหะอีกครั้ง
ให้ O2 mask with collugate 10 ลิตร/นาที เป็นเวลา 2 ชั่วโมง
วัดสัญญาณชีพทุก 15,30นาที , 1 ชั่วโมง
เฝ้าระวัง
การถอดท่อ
แพทย์สั่งให้extubation
สามารถหายใจผ่าน T piece 10ลิตร/นาที เกิน 2 ชั่วโมง
ขับเสมหะออกพ้นท่อ
GCS>10 คะแนน
ประเมิน cuff leak test ผ่าน
การพยาบาล
เริ่มหย่าตอนผู้ป่วยพักผ่อนเพียงพอ
อธิบายการหย่าเครื่องช่วยหายใจเพื่อลดความกังวล
ดูดเสมหะ
จัดท่านอนศีรษะสูงแต่ไม่ทำในผู้ป่วยมีข้อห้าม
ประเมินความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
วัดสัญญาณชีพและOxygen saturation ก่อนและขณะหย่าทุก 5-10 นาที
เฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงทุก 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ในกรณีที่ไม่สามารถหย่าได้ให้กลับไปตั้งค่าเท่ากับตอนแรกที่ยังไม่ได้หย่า
หลังหย่าเครื่องช่วยหยใจ
จัดท่าผู้ป่วยท่านั่งศีรษะสูง
ให้O2 cannula 3-6 ลิตร/นาที
วัดสัญญาณชีพทุก 15-30 นาทีและทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่และเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ก่อนหย่าเครื่องช่วยหายใจ
ประเมินความพร้อม
โรคหรือสาเหตุทุเลาลง
ค่า PaO2>60 มม.ปรอท FiO2 ไม่เกิน 0.4
ค่า PEEP น้อยกว่า 5 เซนติเมตรน้ำ
ผู้ป่วยรู้สึกตัวและทําตามคําสั่ง
สัญญาณชีพปกติ
Rate Volume Ratio (RVR) <105
ใช้ยาเพื่อระงับอาการโวยวาย
ไม่ใช้ยากระตุ้นหัวใจหรือใช้ยาลดลง
ไอได้ดี
วิธีการอย่าเครื่องช่วยหายใจ
ผู้ป่วยหายใจเองทาง T piece
เป็นการลดระยะเวลาในการใช้เครื่องช่วยหายใจ เพิ่มการหายใจเอง 15-30 นาทีต่อพักเครื่อง1 ชั่วโมงจนหายใจเองได้ 1-2 ชั่วโมงจึงพิจารณาถอดเครื่อง
การใช้เครื่องช่วยหายใจ mode SIMV,PSV,CPAP
SIMV
การลดความถี่การช่วยหายใจในแต่ละครั้งหลังจากที่ลดการช่วยได้น้อยกว่า 5 ครั้ง/นาที เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมงก็พิจารณาการถอดเครื่องช่วยหายใจได้
PSV
ลดแรงดันเครื่องช่วยหายใจเมื่อลดจนระดับความดันน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5-7 เซนติเมตรน้ํา ได้นาน 1-2 ชั่วโมงก็พิจารณาการถอดท่อช่วยหายใจได้
CPAP
โดยเครื่องช่วยหายใจปล่อยแรงดันบวกเข้าปอดตลอดเวลาเพื่อลดการออกแรงในการหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยใส่สายสวนหลอดเลือด (central line monitor)
การวัดความดันในหลอดเลือดแดง (intra-arterial monitoring)
เป็นการวัดความดันของหลอดเลือดแดงโดยตรง ค่าMAP คํานวณได้คือ
(systolic BP(2×diastolic BP))/3 ค่าปกติ 70-100
ข้อบ่งชี้
ในผู้ป่วยที่มีการไหลเวียนลดลง
ผู้ป่วยเสียเลือดได้มาก
ผู้ป่วยที่ใช้ inotropic drugs และ vasoactive drug
ผู้ป่วยที่วัดความดันโลหิตยาก
การพยาบาล
เมื่อมีการเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจทาง arterial line ต้อง flush สาย
ดูข้อต่อไม่ให้แตก หัก พับ งอ
การป้องกันการติดเชื้อ (Infection)
ใช้ sterile technique
ดูแลให้เป็นระบบปิด
ประเมินอาการติดเชื้อ
ทําแผลทุก 7 วัน กรณีใช้ transparent dressing
เปลี่ยนชุดของ transducer และชุดการให้สารน้ำทุก 3 วัน
การป้องกันการเลื่อนหลุด
ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
Skin necrosis ถ้ามี thrombosis
Air embolization
infection ป้องกันโดยใช้sterile technique
Hematoma พิจรณาค่าการแข็งตัวของเลือด
limb ischemia ตรวจสอบอุณหภูมิ ชีพจร
ตรวจดูคลื่นที่แสดงการอุดตัน (damped waveform)
ดูแลระบบของ arterial line
ใช้ continuous flush system
จดบันทึกค่า Arterial blood pressure ที่ได้ทุก 15-60 นาที
ตรวจสอบความแม่นยําของการปรับเทียบค่า (Accuracy)
Zeroing the transducer
เป็นการปรับ transducer กับความดันบรรยากาศ
Levelling the transducer
จัดตําแหน่ง transducer ให้อยู่ในตําแหน่ง phlebostatic axis
ถอดสายออกให้กดแผลอย่างน้อย 10 นาทีจนเลือดหยุด
การวัดค่าความดันในหลอดเลือดดําส่วนกลาง (Central venous pressures; CVP)
CVP เป็นผลของปริมาตรเลือดในระบบไหลเวียนหรือการทําหน้าที่ของหัวใจห้องล่างขวา
CVP ต่ำ อาจเกิดจากการพร่องของของเหลวในร่างกายหรือมีการขยายตัวของหลอดเลือด
CVP สูง มักหมายถึงปริมาณน้ำและเลือดในร่างกายมากขึ้น
ตำแหน่ง
subclavian vein
internal jugular vein
Femoral vein
การพยาบาล
ความแม่นยําของการเปรียบเทียบค่า
Levelling the transducer
จัดตําแหน่ง transducer ให้อยู่ในตําแหน่ง phlebostatic axis
Zero the transducer
เป็นการปรับ transducer กับความดันบรรยากาศ
ป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด
พิจารณาความจําเป็นการใส่และถอดออกให้เร็ว
ทําความสะอาดแผลด้วย 2% Chlorhexidine in 70% Alcohol
สวมปิดบริเวณข้อต่อด้วย needleless connectorให้อยู่ในระบบปิด
เปลี่ยนชุดสารน้ำควรเปลี่ยนภายใน 72 hr. ชุดอาหารควรเปลี่ยนภายใน 24 hr.
ดูแลให้อยู่ใรระบบปิด
ป้องกันการอุดตันของสายสวน
การป้องกันฟองอากาศเข้าหลอดเลือดโดยดูแลให้เป็นระบบปิด ป้องกันการเลื่อนหลุดของสาย
ป้องกันการเลื่อนหลุด ดึงรั้ง ของสายสวน
การแปลงค่า CVP
CVP ปกติอาจอยู่ในช่วง 6-12 cmH2O (2-12 mmHg)
ข้อบ่งชี้
ในผู้ป่วยที่สูญเสียเลือด
ในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ําเกิน
ในกรณีที่ต้องการประเมินการทํางานของหัวใจและหลอดเลือด
ยาที่ใช้บ่อยในผู้ป่วยวิกฤต (common drugs used in ICU)
ยาที่ใช้ในภาวะ Pulseless Arrest
Epinephrine หรือ Adrenaline
กลไกการออกฤทธิ์
กระตุ้น Alpha adrenergic receptor และ beta adrenergic receptorทำให้ vasoconstrictionเพิ่ม positive
inotropic effect
การนําไปใช้
ทำCPR ภาวะsystole/PEAและVF/pulseless VT
ใช้ในภาวะ symptomatic bradycardia
Cardiac arrest
ขนาดยาที่ใช้
Cardiac arrest เริ่ม 1 mg IV และให้ซ้ําทุก 3-5 นาที
Hypotension or symptomatic bradycardia อาจผสม 1 mg:500ml
severe hypotension ขนาด 0. 05- 1.0 mcg/kg/min
การบริหารยา
IV; Undilute (1:1,000) dilute ให้ได้ 1:10,000
ผลข้างเคียง
tachycardia, arrhythmias, hypertension
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ ชีพจรทุก15 นาที2ครั้งหลังให้
ปรับเพิ่ม/ลดขนาดยา เมื่อ BP< 90/60 หรือ >140/90 mmHg หรือ HR>120 ครั้ง/นาที
Amiodarone (Cordarone®)
การนําไปใช้
Atrial fibrillation และ Atrial flutter
Ventricular fibrillation (VF) และ Ventricular tachycardia(VT)
ขนาดยาที่ใช้
CPR ขนาด 300 mg หรือ 5 mg/kg เจือจางใน D5W 20 ml. IV pushอาจให้ได้สูงถึง 1.2 g/24 ชั่วโมง
กลไกการออกฤทธิ์
เป็น class III antiarrhythmic drugs ใช้รักษาภาวะ tachyarrhythmia
การบริหารยา
Amiodarone injection 150 mg/ 3 mL เจือจางใน D5W เท่านั้น
ผลข้างเคียง
vasodilatation และ hypotension
Bradycardia, hypothyroidism, hyperthyroidism, thrombophlebitis
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพmonitor EKG ทุก 15 นาที3 ครั้ง
ยาที่ใช้ในภาวะ Bradyarrhythmia
Atropine
ขนาดยาที่ใช้
0.6-1 mg ทุก 3-5 นาที (ขนาดสูงสุดไม่เกิน 3 mg)
การบริหารยา
Atropine 0.6 mg/ml/ampule ให้ IV Bolus: Undiluted or dilute 1-10 ml ฉีด15–30 วินาที
การนําไปใช้
หัวใจเต้นช้าผิดปกติและ AV block
ผลข้างเคียง
tachycardia, ischemiaถ้าเกิดacute myocardial
infarction
กลไกการออกฤทธิ์
ทํางานโดยการไปยับยั้งการทํางานของ valgus nerve
การพยาบาล
ควรระวังการให้ขนาดที่ต่ำกว่า 0.5 mg
ติดตามสัญญาณชีพ monitor EKG
ไม่ควรให้ถ้า HR > 60 ครั้ง/นาที
รายงานแพทย์เมื่อ HR > 120 ครั้ง/นาทีทำทุก 5นาที
ยาขยายหลอดเลือด (Vasodilators)
Sodium Nitroprusside
กลไกการออกฤทธิ์
free nitroso group (NO) จะไปยับยั้ง excitation-contraction coupling ของผนังหลอดเลือด
การนําไปใช้
ใช้ในการลดความดันโลหิตในผู้ป่วยhypertensive emergency
ลด afterload
ขนาดยาที่ใช้/การบริหารยา
ให้50 mg ใน D5W 250 ml เริ่มให้ 0.1
mcg/kg/min ปรับยาขึ้นครั้งละ 10 mcg/min
ผลข้างเคียง
หากลดความดันโลหิตเร็วเกินไป ทําให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เหงื่อออกมาก
เกิดพิษจาก cyanide
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต ทุก 5 นาทีหลังให้ยา และติดตามทุก 1 ชั่วโมงพิจารณาตามอาการของผู้ป่วย
ป้องกันยาในขวดน้ําเกลือทําปฏิกิริยากับแสงด้วยกระดาษ ผ้า หรือ aluminum foil
Nitroglycerin (NTG)
ขนาดยาที่ใช้
เริ่มขนาด 5-10 mcg/min เพิ่มทีละ 5-10 mcg/min ทุก 5-10 นาที
การบริหารยา
10 ml บรรจุยา 50 mg เจือจางใน 5%D/W หรือ 0.9%NSS โดยผสม Nitroglycerin 500-1000 มก. ใน D5W หรือ NSS 250 ml
การนําไปใช้
Acute coronary syndrome, Chest pain (angina pectoris)
ลด preload
ผลข้างเคียง
Hypotension, Tachycardia, Flushing, headache
กลไกการออกฤทธิ์
nitric oxide (NO)เข้าสู่กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดกระตุ้นguanylate cyclase ใน cytoplasmทําให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดดําขยายตัวเลือดไหลกลับหัวใจลดลง
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต ยามีผลทําให้ความดันโลหิตต่ำ
monitor EKG
Nicardipine
ขนาดยาที่ใช้/การบริหารยา
IV bolus คือ เจือจางยา Nicardipine 2 mg ด้วย NSS ให้เป็น 4 ml
IV drip นิยมเขียนเป็น 1: 10เจือจางด้วย NSS หรือ D5W
การนําไปใช้
Hypertensive crisis
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้าแดง
ใจสั่น หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ
การรั่วของยาทําให้เนื้อเยื่อตายได้
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งแคลเซียมเข้าเซลล์ของกล้ามเนื้อหัวใจและเซลล์กล้ามเนื้อเรียบของผนังหลอดเลือด
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจและ monitor ECG อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ทุก 0.5 -1 ชั่วโมง
กรณี Emergency ให้ยาทาง IV bolus ติดตามทุก 5 นาที
IV drip ติดตามทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรก1ชั่วโมงหลังจากนั้น
รายงานแพทย์ทันทีถ้า BP < 90/60 mmHg หรือ HR< 60 ครั้ง/นาทีหรือ HR > 120 ครั้ง/นาที
ยากระตุ้นความดันโลหิต (Vasopressor)
Dobutamine
ขนาดยาที่ใช้
2-20 mcg/kg/min
การบริหารยา
1:1, 2:1, 4:1 ใช้สารละลาย D5W หรือ NSS
การนําไปใช้
cardiogenic shock
ผลข้างเคียง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
เจ็บแน่นหน้าอกกล้ามเนื้อหัวใจตาย
การรั่วของยาทำให้เนื้อเยื่อตาย
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้นที่ Beta-1 และAlpha-1 Adrenergic
receptors ที่หัวใจทําให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวแรงขึ้น
การพยาบาล
เหมือนกับยา Dopamine
Norepinephrine (Levophed®)
ขนาดยาที่ใช้
0.01-3 mcg/kg/min
การบริหารยา
4:100, 8:100 สารละลายที่ใช้เจือจางยาคือ D5W เท่านั้น
การนําไปใช้
septic shock และ cardiogenic shock ระดับรุนแรง
ผลข้างเคียง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หายใจลําบาก
การรั่วของยาทำให้เนื้อเยื่อตาย
กลไกการออกฤทธิ์
กระตุ้นbeta1 และ alpha adrenergic receptors ส่งผลให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือด ทําให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพอัตราการเต้นของหัวใจและ monitor ECG อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ทุก 0.5 -1 ชั่วโมง
ตรวจดู IV site ทุก 1 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังการเกิดยารั่วออกนอกหลอดเลือด
Dopamine (Inopin®)
ขนาดยาที่ใช้/การบริหารยา
Dosage (mcg/kg/min) = (conc.(mg)/sol (ml) x 1000mcg x rate (ml/hr))/(Body weight (kg) x 60 min)สารละลายที่ใช้เจือจางยาคือ NSS หรือ D5W
การนําไปใช้
ขนาดต่ำใช้ในผู้ป่วยที่ปัสสาวะออกน้อย
ขนาดปานกลางเพิ่ม Cardiac out put
ขนาดสูงเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
ผลข้างเคียง
การรั่วของยาทําให้เนื้อเยื่อตายได้
กระตุ้นsympathetic
กลไกการออกฤทธิ์
ขนาดต่ำ (0.5-3 mcg/kg/min) กระตุ้น dopaminergic receptorsหลอดเลือดขยายตัว
ขนาดปานกลาง (3-10 mcg/kg/min) ยาจับกับ beta 1 receptors กระตุ้นการปลดปล่อยnorepinephrine
ขนาดสูง (10-20 mcg/kg/min) มีผลต่อ alpha1adrenergic receptors หลอดเลือดหดตัว
การพยาบาล
เลือกตำแหน่งเสนเลือดดำใหญ่
ตรวจดู IV site ทุก 1 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังการเกิดยารั่วออกนอกหลอดเลือด
ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต monitor ECG urine out put
ปรับเพิ่มหรือลดยาได้ทีละ 2μd/min keep BP ≥ 90/60 และ ≤140/90
ยาที่ใช้ในภาวะ Tachyarrhythmia
Adenosine
ขนาดยาที่ใช้และการบริหารยา
6 mg/2 ml/vial IV ขนาด 6 mgตามด้วย NSS bolus 20 ml พร้อมกับยกแขนสูงให้ยาซ้ำได้อีก 12 mg
ผลข้างเคียง
flushing เหนื่อยแน่นอก หายเองได้
การนําไปใช้
ใช้เป็น first line drug ในภาวะreentry SVTหรือunstable narrow complex regular tachycardia
-ภาวะ regular monomorphic wide complex tachycardia
การพยาบาล
ฉีดเร็วพร้อมยกแขนสูง
กลไกการออกฤทธิ์
สามารถยับยั้งการนําไฟฟ้าผ่าน AV node
Digoxin (Lanoxin ®)
ขนาดยาที่ใช้
0.5 mg/ 2 mL ampและให้ซ้ําได้สูงสุด 1 mg/day
การบริหารยา
IV bolus จะต้องให้ช้า ๆ นานกว่า 5 นาทียาฉีดที่ให้อาจไม่ต้องเจือจางแต่ถ้าเจือจาง ใช้sterile water for injection, NSS, D5W
การนําไปใช้
Heart failure
หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ(AF),(SVT)
ผลข้างเคียง
Sinus bradycardia, S-A arrest
AV block, Atrial fibrillation
การเป็นพิษจากยา สับสบ ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้น
กลไกการออกฤทธิ์
เพิ่มvagal toneการบีบกล้ามเนื้อหัวใจลดการทำงานsympathetic
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพก่อนให้ยา
monitor EKG ขณะฉีดยา และหลังฉีดยา 1 ชั่วโมง
รายงานแพทย์เมื่อ HR < 60 ครั้ง/นาที หรือ >100 ครั้ง/นาที BP < 90/60 mmHg RR < 14 ครั้ง/นาที หรือพบ Arrhythmia
นางสาวประภัสสร จุ่มแก้ว 6001210149 sec A เลขที่ 6