Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารจัดการเมื่อเกิดอุบัติเหตุหมู่ - Coggle Diagram
การบริหารจัดการเมื่อเกิดอุบัติเหตุหมู่
การปฐมพยาบาลผู้ประสบภัย (First aid for Victims)
ตั้งสติให้มั่นคงอย่าตื่นเต้น ตกใจ ปฏิบัติการด้วยความรวดเร็วว่องไว ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง กันคนมิให้มามุงดู เพื่อให้มีอากาศเพียงพอ และมีแสงสว่าง บริเวณที่กว้างพอสะดวกในการปฐมพยาบาล
ตรวจดูว่าผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวหรือหมดสติ ถ้าหมดสติต้องรีบช่วยประเมินการหายใจ การเต้นของหัวใจ เพื่อทำการกู้ชีพเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล
จัดท่านอนของผู้บาดเจ็บให้เหมาะสมในการปฐมพยาบาล โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บาดเจ็บ แล้วให้การปฐมพยาบาลสำหรับการบาดเจ็บที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตโดยเร็ว ก่อนการบาดเจ็บอื่นที่พอรอได้
อย่า เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น ถ้าจำเป็น ต้องเคลื่อนย้ายอย่างถูกวิธี
บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ อาการและลักษณะของผู้บาดเจ็บ และการปฐมพยาบาลที่ได้รับ เพื่อประโยชน์ต่อการช่วยเหลือต่อไป
การคัดแยกผู้เจ็บป่วย ณ จุดเกิดเหตุ (Field Triage)
Triage sieve
แยกผู้บาดเจ็บที่เดินได้ออกมาก่อน แล้วจัดกลุ่มนี้เป็น Minor/delayed priority 3 คือ ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรอได้นานเกิน 24 ชั่วโมง
ประเมินผู้ที่เดินไม่ได้ โดยการประเมิน ABC อย่างรวดเร็ว
การตรวจชีพจร
Field Triage คือ การคัดแยกผู้เจ็บป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนในการช่วยเหลือ ที่เหมาะสม ในกรณีมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ( mass casualty) เพื่อจัดกลุ่มว่ากลุ่มใดควรได้รับการดูแลรักษาพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน กลุ่มใดสามารถรอคอยได้ และกลุ่มใดที่มีอาการรุนแรงมาก มีโอกาสรอดชีวิตน้อย แม้ว่าได้รับการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
Triage sort
วิธีการ Triage sort นี้มีการใช้ trauma score มาช่วยในการจัดกลุ่มประเภทผู้ป่วย ซึ่งแต่เดิมนั้น trauma score ประกอบด้วยค่าทางสรีรวิทยา 5 อย่าง
respiratory rate
respiratory effort
systolic blood pressure
capillary refill
Glascow coma scale
ในปัจจุบันได้ปรับใช้ค่าทางสรีรวิทยาเพียง 3 อย่าง เพื่อความสะดวกในทางปฏิบัติโดยเปลี่ยนเป็น revised score หรือ Triage revised trauma score ซึ่งประกอบด้วยค่าทางสรีรวิทยา 3 อย่าง
respiratory rate
systolic blood pressure
Glascow coma scale
เทคนิค Start triage
แยกคนเดินได้ออกไป ติดเป็นสีเขียว
ส่วนคนที่เดินไม่ได้ให้ประเมินต่อตามลำดับ แดง เหลือง หรือดำ
ซึ่งมีส่วนเหมือนกับ Triage sieve จะแตกต่างก็ตรงอัตราการหายใจและชีพจร
การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย (Casualty Handling)
การเคลื่อนย้ายแบบฉุกเฉิน Emergency Move or Scoop and run
การดึงเสื้อบริเวณคอและไหล่
การลากด้วยใช้มือทั้งสองสอดใต้แขน
การลากโดยใช้ผ้ารองตัวผู้เจ็บป่วย
การลากที่ปลายเท้าผู้เจ็บป่วย
การเคลื่อนย้ายแบบไม่ฉุกเฉิน
การยกและเคลื่อนย้ายโดยผู้ช่วยเหลือคนเดียว
วิธีที่ 1 การประคองเดิน ใช้สำหรับการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยที่รู้สึกตัวดีและพอช่วยตัวเองได้ ไม่มีกระดูกหรือกระดูกหลังหัก ขนาดตัวใกล้เคียงกับผู้ช่วยเหลือ
1) บอกให้ผู้เจ็บป่วยทราบแผนการเคลื่อนย้าย ทิศทางการเคลื่อนย้ายให้ทราบเสมอ
2) ให้ผู้เจ็บป่วยเดินนำหน้า ผู้ช่วยเหลือต้องคอยมองเท้าของผู้เจ็บป่วย หากเกิดล้มระหว่างการเคลื่อนย้ายจะได้มีการประคองไว้ได้ทันท่วงที
3) ผู้ช่วยเหลือประชิดตัวผู้เจ็บป่วยด้านที่ได้รับบาดเจ็บ จับข้อมือผู้เจ็บป่วยมาคล้องบริเวณคอผู้ช่วยเหลือ พร้อมทั้งใช้ขาตนเองล็อคขาของผู้เจ็บป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ (ถ้ามี) แล้วเริ่มออกเดินโดยบอกให้ผู้เจ็บป่วยเดินใช้ขาของผู้ช่วยเหลือเป็นตัวช่วยเดินนำ
วิธีที่ 2 การอุ้ม - แบก เป็นวิธีเคลื่อนย้ายที่เหมาะเฉพาะผู้เจ็บป่วยที่มีน้ำหนักน้อยหรือตัวเล็กกว่าผู้ช่วยเหลือ ไม่มีกระดูกที่ใดหัก เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย
การยกและเคลื่อนย้ายโดยผู้ช่วยเหลือ 2 คน
วิธีที่ 1 การอุ้มแบกหน้า – หลัง ในกรณีที่ผู้เจ็บป่วยตัวใหญ่ อุ้มคนเดียวไม่ไหวและไม่มีกระดูกส่วนใดหัก
1) ให้ผู้เจ็บป่วยนอนราบกับพื้น
2) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1 อยู่ด้านศีรษะของผู้เจ็บป่วย ส่วนผู้ช่วยเหลืออีกคนอยู่ด้านปลายเท้า
3) ผู้ช่วยเหลือคนที่อยู่ปลายเท้าจับข้อมือผู้เจ็บป่วยทั้งสองข้าง แล้วดึงตัว ผู้เจ็บป่วยขึ้นในท่านั่ง
4) ผู้ช่วยเหลือคนที่อยู่ปลายเท้าหันหลังกลับให้ผู้เจ็บป่วย และอยู่ระหว่างขา 2 ข้างของผู้เจ็บป่วย และใช้มือจับบริเวณข้อพับเข่าทั้งสองข้าง
5) ผู้ช่วยเหลือที่อยู่ด้านหลังผู้เจ็บป่วยให้สอดแขนเข้าใต้รักแร้ พร้อมจับแขนผู้เจ็บป่วย พับเข้าหาตัว
6) เมื่อผู้ช่วยเหลือทั้งสองพร้อมยก ให้ทั้งสองคนให้จังหวะซึ่งกันและกันและยกผู้เจ็บป่วยขึ้นพร้อมๆกัน
วิธีที่ 2 การอุ้มแบกด้านข้าง
1) ผู้ช่วยเหลือทั้งสองคนเข้าด้านข้างของผู้เจ็บป่วย 2 ด้าน
2) ให้ผู้เจ็บป่วยอยู่ในท่านั่ง แล้วเอามือโอบบ่าผู้ช่วยเหลือทั้งสองคน
3) ผู้ช่วยเหลือทั้งสองคนใช้มือด้านชิดตัวผู้เจ็บป่วยอ้อมไปด้านหลัง ผู้เจ็บป่วย ในลักษณะมือของผู้ช่วยเหลือไขว้กัน และจับขอบกางเกงผู้เจ็บป่วย
วิธีที่ 3 การพยุงเดินโดยผู้ช่วยเหลือ 2 คน ใช้ในการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยที่รู้สึกตัวดี อาจได้รับบาดเจ็บที่ขาเล็กน้อยจึงทำให้เดินไม่สะดวก และขนาดตัวใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้โดย ผู้ช่วยเหลือคนเดียว
1) ผู้ช่วยเหลือทั้งสองคนเข้าประคอง
2) ผู้ช่วยเหลือแต่ละคนจับข้อมือผู้เจ็บป่วย มาคล้องคอตนเอง แล้วค่อยๆพยุงเดิน และมีการบอกเล่า
ทิศทางการเดินกับผู้ป่วยว่าจะเดินไปทางใด
การยกและเคลื่อนย้ายโดยผู้ช่วยเหลือ 3 คน
1) ผู้ช่วยเหลือทั้ง 3 คนนั่งท่าชันเข่าเดียวกัน เรียงแถวกันที่ด้านใดด้านหนึ่งของผู้เจ็บป่วย
2) ให้ผู้ช่วยเหลือคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่หัวหน้าทีม สั่งการและให้จังหวะแก่สมาชิกในทีม เพื่อความพร้อมเพรียงในการยก
3) ผู้ช่วยเหลือทั้ง 3 คนวางมือบนลำตัวผู้เจ็บป่วย
4) ผู้ช่วยเหลือทั้ง 3 คนสอดมือเข้าใต้ลำตัวของผู้เจ็บป่วยตรงตามตำแหน่งที่วางมือไว้
5) หัวหน้าทีมสั่งการให้จังหวะให้แก่สมาชิกในทีมยกผู้เจ็บป่วยขึ้นพร้อมกันวางบนเข่า
6) หัวหน้าทีมสั่งการให้สมาชิกในทีมยกผู้เจ็บป่วยขึ้นพร้อมๆกัน แล้วลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งพับตัวผู้เจ็บป่วยเก็บเข้าหาตัวผู้ช่วยเหลือทั้ง 3 คน
7) หัวหน้าทีมสั่งการให้ออกเดินไปด้านซ้ายหรือด้านขวา ซึ่งจังหวะในการเดินเป็นไปในลักษณะก้าวชิดก้าวพร้อมๆกันทั้ง 3 คน จนถึงที่หมาย
8) เมื่อถึงที่หมายจะวางผู้เจ็บป่วยลงโดยให้ผู้ช่วยเหลือทั้ง 3 คนนั่งในท่าคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมๆกัน และผู้เจ็บป่วยอยู่ในท่าเดียวกับช่วงจังหวะตอนที่ยกขึ้น
9) หัวหน้าทีมสั่งการให้วางผู้เจ็บป่วยลงพร้อมๆกัน
การยกและเคลื่อนย้ายโดยผู้ช่วยเหลือ 4 คนหรือมากกว่า
วิธีที่ 1 แบ่งผู้ช่วยเหลือออกเป็นข้างละ 2 คนนั่ง ในท่าชันเข่าข้างหนึ่ง (ควรเป็นข้างเดียวกันทั้งหมด) ข้างตัวผู้เจ็บป่วย
วิธีที่ 2 แบ่งผู้ช่วยเหลือเป็นด้านศีรษะ ปลายเท้าและด้านข้างลำตัวตำแหน่งบริเวณกึ่งกลางลำตัวผู้เจ็บป่วย โดยทุกคนหันหน้าไปในทิศทางเดินหน้า
การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บที่ติดภายในตัวรถ
การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บที่ติดภายในรถแบบฉุกเฉิน Emergency move
1) ผู้ช่วยเหลือเข้าทางประตูด้านข้าง ใช้สองมือจับที่สะโพกและแขน ลากดึงตัวผู้บาดเจ็บให้ชิดขอบประตูด้านที่จะใช้เคลื่อนย้าย
2) ผู้ช่วยเหลือใช้สองมือสอดเข้าใต้รักแร้ผู้บาดเจ็บ แล้วจับมือผู้บาดเจ็บไว้
3) ค่อยๆหมุนตัวผู้บาดเจ็บให้จุดศูนย์กลางอยู่ที่สะโพก แล้วค่อยๆดึงตัวผู้บาดเจ็บออกจากรถ
4) ขณะที่ทำการดึงตัวผู้บาดเจ็บออกจากรถ ให้ใช้ส่วนบนของลำตัวประคองตัวผู้บาดเจ็บ และใช้ส่วนของต้นขารองรับน้ำหนักผู้บาดเจ็บ
การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บที่ติดภายในรถแบบฉุกเฉิน Urgent move โดยใช้แผ่นกระดานรองหลังยาว (Long Spinal Board)
1) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1 เข้าทางด้านข้างหรือด้านเบาะหลังของรถ ทำการยึดตรึงประคองศีรษะผู้บาดเจ็บให้อยู่นิ่งๆ
2) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 ทำการประเมินสภาวะผู้บาดเจ็บเบื้องต้น และใส่อุปกรณ์ดามคอ
3) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 สอดแผ่นกระดานรองหลังยาว Long spinal board รองใต้ก้นผู้บาดเจ็บ
4) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 3 ซึ่งยืนอยู่ที่ขอบประตูด้านนอกตัวรถ ทำหน้าที่ประคองศีรษะผู้บาดเจ็บแทน ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1
5) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1 ทำการรวบขาสองข้างของผู้บาดเจ็บ แล้วค่อยๆหมุนตัวผู้บาดเจ็บพร้อมกันทั้ง 3 คน พร้อมๆกัน โดยให้สะโพกเป็นศูนย์กลาง ให้ขาทั้งสองข้างมาอยู่บริเวณเบาะนั่งด้านข้าง
6) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 4 คอยจับแผ่นกระดานรองหลังยาวไว้
7) ผู้ช่วยเหลือทั้ง 4 ค่อยประคองตัว และหมุนตัวผู้บาดเจ็บให้เอนนอนลงบนแผ่นกระดานรองหลังยาว โดยผู้ช่วยเหลือคนที่ 3 ยังคงประคองศีรษะไว้ตลอดเวลา ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 จับบริเวณใต้รักแร้และลำตัว และผู้ช่วยคนที่ 1 ทำการประคองส่วนขา
8) ค่อยๆดึงตัวผู้บาดเจ็บให้นอนบนกระดานรองหลังยาว แล้วจึงยกออกจากตัวรถพร้อมๆกัน
9) ทำการรัดตรึงและนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
การใช้กระดานรองหลังชนิดสั้น Short spinal board or Kendrick Extrication Device : KED
1) ควรมีผู้ช่วยเหลือ 2 – 3 คน
2) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1 ยืนด้านหลังผู้บาดเจ็บเพื่อทำการยึดตรึงศีรษะให้นิ่งและเป็นแนวนอน
3) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 ใส่ Hard collar จากด้านหน้าหรือด้านข้าง แล้วเลื่อนจนอยู่ใน ระดับที่ถูกต้อง
4) หลังจากใส่ Hard collar แล้วผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 สอด KED เข้าทางด้านหลังผู้บาดเจ็บ
5) ให้ส่วนของศีรษะและลำตัวพอดีกับผู้บาดเจ็บ
6) ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 ยึดตรึงส่วนที่ศีรษะ เอว หน้าอก ซอกรักแร้ ต้นขา
7) ภายหลังที่ยึดตรึงผู้บาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว เลื่อนตัวผู้บาดเจ็บลงนอนบนกระดานรองหลังชนิดยาว เพื่อยึดตรึงให้ติดกัน และเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บได้ไม่เลื่อนหลุดต่อไป
กรณีที่ผู้บาดเจ็บติดอยู่นาน และต้องใช้เครื่องมือตัดถ่าง
ในกรณีที่ผู้บาดเจ็บต้องติดอยู่ในซากปรักหักพังเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต และอาจมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเบื้องต้น อย่างรวดเร็ว ก็เป็นความจำเป็นที่จะต้องประสานหน่วยงานที่มีอุปกรณ์ในการตัดถ่าง และชุดปฏิบัติการที่มีศักยภาพสูงกว่ามาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติการ
Disaster paradigm
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติการจนถึงผู้บัญชาการเหตุการณ์ ต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องคาดการณ์ของเหตุการณ์ล่วงหน้า และคาดการณ์ความต้องการระหว่างที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น
D - Detection ประเมินสถานการณ์ว่าเกินกำลังหรือไม่
I - Incident command เป็นระบบผู้บัญชาเหตุการณ์และดูภาพรวมของการปฏิบัติการทั้งหมด
S - Safety and Security ประเมินความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุ
A - Assess Hazards ประเมินสถานที่เกิดเหตุเพื่อระแวดระวังวัตถุอันตรายต่างๆ ที่อาจเหลือตกค้างในที่เกิดเหตุ
S - Support เตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในที่เกิดเหตุ
T - Triage/Treatment การคัดกรองและการให้การรักษาที่รีบด่วนตามความจำเป็นของผู้ป่วย
E - Evacuation การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R - Recovery การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
MASS Triage
ระบบการคัดกรอง
M-Move
ทำได้โดยอาจตะโกนว่า “ ใครที่ได้ยินผมและต้องการความช่วยเหลือ ขอให้เดินไปที่ธงสีเขียว” กลุ่มผู้ป่วยนี้จัดเป็นกลุ่ม Minimal การแยกแยะวิธีนี้ไม่ได้ลงไปดูรายละเอียดของผู้ป่วยแต่ละราย ในเวลาต่อมา บางรายอาจมีอาการแย่ลงและต้องการการช่วยเหลือเร่งด่วน ดังนั้นการคัดกรองจึงต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงขั้นตอนเดียว
ลำดับต่อไปจึงถามว่า “ทุกคนที่ได้ยินผม ขอให้ยกมือหรือเท้าขึ้น แล้วเราจะไปช่วยคุณ” กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่ม Delayed ซึ่งรอรับการรักษาได้
หลังจากนั้นจึงเข้าไปประเมินผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ซึ่งอาจเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนเป็นลำดับแรก หรืออาจเป็นผู้บาดเจ็บที่เสียชีวิตแล้วก็ได้ เมื่อให้การรักษากลุ่ม immediate แล้วจึงมาทำการช่วยเหลือกลุ่ม delayed ในลำดับต่อไป
A-Assess
ขั้นตอนแรกโดยการไปที่กลุ่ม Immediate โดยมองหาตำแหน่งที่มีผู้บาดเจ็บซึ่งไม่สามารถ เดินได้และไม่ทำตามสั่ง จากนั้นให้ประเมิน ABC อย่างรวดเร็ว
โดยสังเกตว่าทางเดินหายใจโล่งหรือไม่ หายใจสะดวกหรือไม่ ถ้ามีภาวะเลือดออกก็ควรกดแผลเพื่อห้ามเลือดไปก่อนแต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการปางตายหรือเป็นการบาดเจ็บที่รักษาไม่ได้ก็ถือเป็นกลุ่ม Expectant ซึ่งแพทย์ควรปล่อยไว้และรีบไปให้การรักษาแก่ผู้ป่วยรายอื่นต่อไป
S-sort
I- Immediate คือ ผู้บาดเจ็บซึ่งมีภาวะคุกคามชีวิตหรืออวัยวะ ส่วนใหญ่เป็นผู้บาดเจ็บที่มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่างเกี่ยวกับ ABC เช่น ไม่มีแรงพอในการหายใจ เลือดออกมากจนควบคุมไม่ได้ หรือแขนขาที่คลำชีพจรไม่ได้ เป็นต้น
D-Delayed คือ ผู้บาดเจ็บที่สามารถรอรับการดูแลรักษาพยาบาลได้โดยที่อาการไม่แย่ลงอย่างรวดเร็วนัก รวมทั้งยังมีสัญญาณชีพปกติและทางเดินหายใจเปิดโล่งอีกด้วย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บที่มีแผลฉีกขาดลึกและมีเลือดออกมากแต่ห้ามเลือดได้โดยที่ชีพจรส่วนปลายยังคงปกติ หรือกระดูกหักแบบแผลเปิด เป็นต้น
M-Minimal คือ ผู้บาดเจ็บที่สามารถเดินไปมาได้ เป็นผู้ป่วยที่มีสัญญาณชีพปกติและ สามารถรอการรักษาได้โดยไม่เกิดผลเสียอะไร ผู้บาดเจ็บกลุ่มนี้สามารถได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ได้ นอกจากนี้พวกเขายังอาจทำหน้าที่อาสาสมัครในที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บรายอื่นได้อีกด้วย
E-Expectant คือ ผู้บาดเจ็บที่มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมากและทรัพยากรที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเหล่านี้ แท้จริงแล้ว ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับการรักษาแต่ระหว่างสถานการณ์ภัยพิบัตินั้น การดูแลควรทำสิ่งที่ดีที่สุดให้คนจำนวนมากที่สุดเท่านั้น