Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิด ที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ …
บทที่ 9 การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิด
ที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ :warning:
ทารกแรกเกิดติดเชื้อ Treponema pallidum
ภาวะ congenital syphilis เป็นผลมาจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันทารก โดยเชื่อว่าทารกที่อายุครรภ์น้อยกว่า 16 สัปดาห์ จะไม่ปรากฏอาการเนื่องจากยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เต็มที่
อาการ
น้ำหนักตัวน้อย
ศีรษะเป็นรูปเหลี่ยม หน้าผากโหนก
ดั้งจมูกแบน จมูกบี้
ตาอักเสบ
ตับโต ม้ามโต
ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว
ซีด ผิวหนังที่ฝ่ามือฝ่าเท้าอักเสบและลอกเป็นขุย
เสียชีวิตจากภาวะ Hydrop fetalis
แนวทางการรักษา
ทารกที่คลอดจากมารดาที่เป็นโรคซิฟิลิส พยาบาลจะต้องสังเกตภาวะ congenital syphilis
ส่ง cord blood for VDRL ติดตามผลเลือด
แยกทารกออกจากทารกคนอื่นๆ
ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา
ดูแลให้ยา Aqueous penicillin G 50,000 ยูนิต/กก.ทางหลอดเลือดดำ และให้Procaine penicillin G 50,000 ยูนิต/กก. ทางกล้ามเนื้อ กรณี ดังนี้
กรณีในทารกตรวจพบเชื้อ Treponema pallidum
มารดาไม่ได้รับการรักษาที่ครบถ้วนก่อนคลอด
ตรวจพบแอนติบอดี้ต่อเชื้อซิฟิลิสเป็นบวก
ดูแลให้ยา Benzathine penicillin G 50,000 ยูนิต/กก.
ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ๑ ครั้ง กรณี ดังนี้
กรณีทารกที่เกิดจากมารดาที่ไม่ได้รับการรักษา/ได้รับการรักษาไม่ครบถ้วนก่อนคลอด
ทารกที่เกิดจากมารดาที่ได้รับการรักษาครบถ้วนก่อนคลอดนานกว่า 4 สัปดาห์ไม่มีหลักฐานการติดเชื้อซ้ำ
ทารกแรกเกิดติดเชื้อ
กลุ่มมารดาที่มีโอกาสให้กำเนิดทารกที่มีการติดเชื้อ
มารดาที่มีประวัติการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุในระหว่างตั้งครรภ์โดยเฉพาะมีอาการไข้หรือออกผื่น
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานานกว่า 24 hr
มีสิ่งคัดหลั่งผิดปกติออกจากช่องคลอดในระยะก่อนคลอด
บทบาทการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
ดูแลให้ได้รับนมมารดาและน้ำอย่างเพียงพอ ยกเว้นมารดาที่ติดเชื้อ HIV จะต้องงดเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาและให้นมผสมแทน
สังเกตอาการผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจ
ดูแลเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของทารก
แยกของใช้มารดากับทารก
ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา
แจ้งอาการและแนวทางการรักษาที่ทารกได้รับกับมารดาและบิดา
หัดเยอรมันกับการตั้งครรภ์
เกิดจากเชื้อ Rubella virus
ทารกสามารถติดต่อได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ผ่านทางรก
การติดเชื้อในไตรมาสแรก ทารกมีโอกาสติดเชื้อ 80% ส่งผลให้เกิด congenital rubella syndrome(CRS)
ผลกระทบ
ทารก
ต้อกระจก ต้อหิน
PDA
หูหนวก
สมองพิการและปัญญาอ่อน
ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์
เกล็ดเลือดต่ำ ซีด ตับม้ามโต
โครโมโซมผิดปกติ
มารดา
อาจจะมีผื่นหรือไม่มีผื่นขึ้น
แท้ง
แนวทางการรักษา
ทารกแรกเกิดควรได้รับการแยกจากทารกปกติ เพื่อสังเกตอาการ
เก็บเลือดทารกส่งตรวจ เพื่อยืนยันการติดเชื้อ
โรคสุกใส (Chickenpox)
เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella virus
ระยะติดต่อ ตั้งแต่ 24 hr ก่อนผื่นขึ้นและ 6 วันหลังผื่นขึ้น
ถ้าหญิงตั้งครรภ์เป็นสุกใสระยะก่อนคลอด 5 วัน/ หลังคลอด 2 วัน ทารกที่เกิดมาอาจเป็นสุกใสชนิดรุนแรงได้
แนวทางการรักษา
มารดาและทารกควรได้รับการแยกกันดูแล จนกระทั่งมารดามีการตกสะเก็ดของตุ่มสุกใสจนหมด
ทารกควรได้รับการแยกจากทารกที่คลอดจากมารดาปกติ
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อสุกใสภายใน 5 วันก่อนคลอดหรือ 2 วันหลังคลอด ควรได้รับ VZIG ทันทีที่คลอด
โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)
เกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhea
ทารกจะได้รับเชื้อโดยตรงจากมีถุงน้ำคร่ำแตก/ ผ่านช่องคลอดที่ติดเชื้อพบในวันที่ 1-4 หลังคลอด
เชื้อจะเข้าสู่ตาทารกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ติดเชื้อบริเวณตาของทารก ทำให้ตาบอดได้
ป้องกันการติดเชื้อที่ตาโดยการป้ายตาหลังการคลอดทันที
แนวทางการรักษา
ดูแลให้ได้รับยา Cefixin 1 mg/kg ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ / ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อของทารกวันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 7 วัน
ต้องเช็ดตาของทารกด้วย NSS หรือล้างตาทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าหนองจะแห้ง
โรคเริม
เกิดจากเชื้อ Herpes simplex virus
ทารกหลังคลอดอาจมีการติดเชื้อจากมารดา
อาการของทารก
ไข้ อ่อนเพลีย
การดูดนมไม่ดี
ตัวเหลือง ตับ ม้ามโต
ชัก
บางรายพบตุ่มน้ำพองใสเล็กๆ ที่ผิวหนัง
แนวทางการรักษา
แยกทารกออกจากทารกคนอื่นๆ และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อดูอาการอย่างน้อย 7-10 วัน
ดูแลให้ได้รับยา Acyclovir ตามแผนการรักษา
โรคเอดส์ (AIDS)
เกิดจากการติดเชื้อ HIV
การติดเชื้อจากมารดาไปสู่ทารก : ทางรก การสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง
การใช้ยาต้านไวรัสและการผ่าตัดคลอดก่อนการเจ็บครรภ์สามารถป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัส HIV จากมารดาสู่ทารกได้
แนวทางการรักษา
หลีกเลี่ยงการใส่ NG โดยไม่จำเป็น
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อจะต้องได้รับยา NVP ชนิดน้ำขนาด 6 mg ทันที/ภายใน 8-12 hr หลังคลอดร่วมกับ AZT 2 mg/kg หลังจากนั้นให้ยา AZT ต่อกันทุก 2 hr
ตรวจหาการติดเชื้อเพื่อหา viral load ด้วยวิธี real time PCR
เมื่อทารกครบ 12 เดือน ควรตรวจหาภูมิต้านทาน IgG และ IgM และควรตรวจอีกครั้งเมื่อ 18 เดือน
โรคตับอักเสบ
เกิดจาก Hepatitis B virus
การถ่ายทอดเชื้อ : ผ่านเลือด น้ำลาย อสุจิ สิ่งคัดหลั่งทางช่องคลอด น้ำนมและผ่านทางรก
ทารกติดเชื้อจากมารดาได้ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ คลอด หลังคลอด
หญิงตั้งครรภ์ที่มีผล HBeAg positive แพร่เชื้อได้ 90% HBeAg negative แพร่เชื้อได้ 10-20%
แนวทางการรักษา
เมื่อแรกคลอดดูดมูกและเลือดออกจากปากและจมูกของทารกออกให้มากที่สุด
ทารกดูดนมทารกได้ทันทีหลังคลอด แต่ถ้ามารดาหัวนมแตกควรงดให้นม
ดูแลให้ได้รับ HBIG ร่วมกับ HBV หลังคลอดโดยเร็วที่สุดภายใน 12 hr และนัดให้มารับวัคซีน HBV เข็มที่ 2 ตอนอายุ 1 เดือน และให้ DTP-HB ตอนอายุ 2,4,6 เดือน
แนะนำให้มารดาพาทารกมาตรวจเลือดตามนัดเมื่ออายุ 9 - 12 เดือน เพื่อตรวจหา HBsAg และ Anti-HBs