Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind - Coggle Diagram
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind
กฎหมายและพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551
มาตรา ๒๗
การตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้น ต้องให้แล้วเสร็จ ภายใน ๔๘ ชั่วโมง นับตั้งแต่บุคคลนั้นมาถึงสถานพยาบาล และผู้ที่ทำการตรวจวินิจฉัยต้องบันทึกรายละเอียดในแบบรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้น
มาตรา ๑๘
การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า การกระทำต่อสมองหรือระบบประสาทหรือการบำบัดรักษาด้วยวิธีอื่นใด ที่อาจเป็นผลทำให้ร่างกายไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างถาวร ให้กระทำได้ในกรณี ดังต่อไปนี้
๑) กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นหนังสือเพื่อการบำบัดรักษานั้น โดยผู้ป่วยได้รับทราบเหตุผลความจำเป็น ความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรง หรืออาจเป็นผลทำให้ไม่สามารถแก้ไขให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิม และประโยชน์ของการบำบัดรักษา
มาตรา ๑๗
การบำบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกาย การกักบริเวณ หรือแยกผู้ป่วยจะกระทำไม่ได้ เว้นแต่เป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บำบัดรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
มาตรา ๑๕
ผู้ป่วยย่อมมีสิทธิ ดังต่อไปนี้
(๑) ได้รับการบำบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
มาตรา ๓๑
ในระหว่างการบำบัดรักษา เมื่อแพทย์ผู้บำบัดรักษาเห็นว่า ผู้ป่วยได้รับการบำบัดรักษาจนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลาและผู้ป่วยไม่มีภาวะอันตรายแล้ว ให้แพทย์จำหน่ายผู้ป่วยดังกล่าวออกจากสถานพยาบาล และรายงานผลการรักษาบำบัดรักษาและการจำหน่ายผู้ป่วยให้คณะกรรมการสถานบำบัดรักษาทราบโดยไม่ช้า ทั้งนี้ ให้แพทย์ติดตามผลการบำบัดรักษาเป็นระยะ
มาตรา ๒๓
ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีความผิดปกติทางจิต คือมีภาวะอันตรายหรือ มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือตำรวจโดยเร็ว
มาตรา ๒๔
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือตำรวจได้รับแจ้ง หรือพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีความผิดปกติทางจิต ให้ดำเนินการนำตัวผู้นั้นไปยังสถานพยาบาล เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยการนำตัวบุคคลดังกล่าวไปสถานพยาบาล จะไม่สามารถผูกมัดร่างกายของบุคลนั้นได้ เว้นแต่ความจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อบุคคลนั้นเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น
มาตรา ๔๐
ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีคําสั่งตามมาตรา 29 (2) ให้หัวหน้าสถานบําบัดรักษามีหน้าที่ ดังนี
(2) ในกรณีที่ไม่มีผู้รับดูแลให้แจ้งหน่วยงานด้านสงเคราะห์และสวัสดิการทั้งภาครัฐและเอกชนตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
(3) แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ติดตามดูแล ประสานงานและช่วยเหลือในการดำเนินการ ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยตาม (1) และหน่วยงาน (2) แลวรายงานให้คณะกรรมการสภานบำบัดรักษาทราบ
(1) แจ้งให้ผู้รับดูแลผู้ป่วยรับตัวผู้ป่วยไปดูแล
มาตรา ๒๒
บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา
(1) มีภาวะอันตราย
(2) มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา
พรบ. สุขภาพจิต ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 ฉบับปรับปรุงล่าสุด
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ได้บังคับมาเป็นเวลานาน ทำให้บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน บุคคลที่มีีความผิดปกติทางจิตยังไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างถูกต้องเเละเพียงพอ
โรคที่มีความผิดปกติด้านการรับรู้
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
อุบัติการณ์
ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มมีอาการช่วง 20-30 ปี
พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
สาเหตุ
ปัจจัยด้านสารเคมีในสมอง
ปัจจัยด้านจิตใจ
การควบคุมพฤติกรรม และการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
ผู้ป่วยเลือกใช้กลไกทำงจิตในลักษณะที่ไม่เหมาะสม เช่นการแยกตัวจากสังคม
จากความเครียดในชีวิตประจำวัน เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเจ็บป่วย การใช้อารมณ์กับผู้ป่วย การตำหนิ มีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรหรือจู้จี้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ป่วยมากไปก็มีผลต่อการกำเริบของโรคได้
ปัจจัยด้านพันธุกรรม
ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม
เป็นคนเก็บตัวไม่มีเพื่อนสนิทที่บ้านมีสถานะทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดีทำให้ต้องเผชิญกับความเครียด
ช่วงวัยเด็กผู้ป่วยรู้สึกว่าเพื่อนชอบเเกล้ง
เกณฑ์การวินิจฉัยตาม DSM-5
B :
ส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตในสังคม
การทำงาน
หวาดระเเวงว่ามีคนจะมาทำร้าย จนกระทบต่อการทำงาน
ครอบครัว
การดูแลบุตรที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
ทำร้ายภรรยาจากอาการประสาทหลอน
C :
มีอาการโรคจิตอย่างน้อย 6 เดือน โดยมีอาการในข้อ A อย่างน้อย 1 เดือน
พบอาการ Prodromal/Residual phase มีอาการ เก็บตัวชอบอยู่คนเดียวในช่วงวัยเด็ก
พบอาการ Active phase ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาเอก
เห็นภาพของชาร์ล ที่เป็นเพื่อนร่วมห้องพัก
ได้ยินเสียงคนคุยกัน
A :
มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป และพบอาการในข้อ 1-3 อย่างน้อย 1 ข้อ
การพูดจาสับสน เนื่องจากไม่สามารถรวบรวมความคิดให้เป็นระบบได้ เช่น ตอบไม่ตรงคำถาม
พฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิมมากหรือมีพฤติกรรมแบบ catatonic
อาการประสาทหลอน
หูแว่ว ผู้ป่วยเหมือนคุยกับคนอื่นตลอดทั้งที่ไม่มีใคร
เห็นภาพหลอน ผู้ป่วยเห็นภาพเพื่อนตนเองเมื่อสมัยเรียน เห็นคนจะมาทำร้าย
อาการหลงผิด
ผู้ป่วยคิดว่า จิตแพทย์เป็นสายลับรัฐเซีย จึงไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา
ผู้ป่วยคิดว่าตนเองเป็นสายลับ จึงพยายามถอดรหัสตลอดเวลา
ผู้ป่วยหวาดระแวงกลัวคนมาทำร้าย
อาการด้านลบ
ผู้ป่วยสีหน้าเรียบเฉย
เก็บตัว
พูดน้อย
D :
อาการไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางร่างกาย ยา หรือสารเสพติด
ผู้ป่วยปฏิเสธการใช้สารเสพติด
ข้อวินิจฉัยทางการยาบาล
มีโอกาสเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นเนื่องจากมีความบกพร่องทางด้านการรับรู้และความคิด
ให้ความสำคัญกับการสร้างสัมพันธภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจ
สังเกตพฤติกรรมการทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อได้ให้การดูแลทันถ่วงที
จัดสิ่งแวดล้อมให้กระตุ้นผู้ป่วยน้อยที่สุด เช่น จัดที่พักให้เป็นส่วนตัว แสงสว่าพอเหมาะ เงียบสงบ
ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด มีเวลาอยู่กับผู้ป่วย คอยให้ความช่วยเหลือขณะที่ผู้ป่วยกระวนกระวาย
สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
การเข้าไปสนทนาหรือให้การรักาากับผู้ป่วยต้องแนะนำตัวและบอกวัตถุประสงค์ก่อนเสมอ
ยอมรับในการหลงผิดของผู้ป่วย ไม่ควรโต้แย้ง และพยาบาลไม่ต้องปฏิบัติตามที่ผู้ป่วยเชื่อ
การรักษา
Diazapam 10 mg IM q 4 hrs prn
กลุ่มยา
Phenothiazine
อาการข้างเคียง
ง่วงซึม
ปากแห้ง
ปวดศรีษะ
ผิวหนังไวต่อแสงแดด ตาสู้แสงไม่ได้
กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก (Dystonia)
นั่งไม่ติด (Akathisia)
อาการคล้ายพาร์กินสัน (Pseudoparkinsonism)
ขยับกล้ามเนื้อที่ผิดปกติไม่ได้
การออกฤทธิ์
ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท
ใช้ลดอาการกระสับกระส่าย หวาดระแวง
ควบคุมอาการคลื่นไส้ อาเจียน
รักษาพฤติกรรมก้าวร้าว
การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy : ECT) 5 times per week / 10 weeks
กลไกการรักษา
ใช้กระแสไฟฟ้าขนาดต่ำๆ จากเครื่องผ่านแผ่นอิเลคโทรด(Electrode) วางตรงบริเวณขมับ
กระตุ้นสมองทำให้เกิดอาการชักเกร็งทั่วร่างกาย เรียกว่า Generralized Seizure เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี
ข้อบ่งชี้
จิตเภทที่มีการคลั่งหรือซึมเฉย
Severe Mania
โรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง
โรคจิตที่รักษาด้วยยาไม่หาย
โรคจิตที่มีอาการรุนแรง
ปริมาณกระแสไฟฟ้า
เวลาที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าประมาณ 0.1-0.5 วินาที
ทำให้ซักประมาณ 30-40 วินาที จึงมีผลต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ทั่วไปอยู่ในช่วงระหว่าง 70-130 โวลด์
การพยาบาล
ขณะ ได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้า
ตรวจสัญญาณชีพตามเวลาที่กำหนด
พยาบาลประจำห้องพักฟื้นต้องจัดท่าที่ถูกต้องและดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง (open airway) ให้นอนตะแคงหรือตะแคงหน้าไปด้านข้าง
-ดูแลผู้ป่วยหลังการรักษาให้นอนพัก 60 นาที
-การประเมินระดับความรู้สึกตัว (Neuro signs)
-Circulation ชีพจร ความดันโลหิต สีผิว ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
-Breathing อัตราการหายใจและลักษณะการหายใจ
-Airways ทางเดนหายใจประเมินเสียงเสมหะ
พยาบาลห้องพักฟื้นควรจะประเมินผู้ป่วยตามระบบ ABCs
หลัง ได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้า
พยาบาลวิสัญญีเยี่ยมผู้ป่วยหลังการรักษา
แพทย์เจ้าของ ประเมินอาการผู้ป่วยหลังการรักษาในข้วงนะหว่างการรักษาและสิ้นสุดการรักษาและลงบันทึกการให้บริการหลังการรักษาด้วยไฟฟ้า
ประเมินสัญญาณชีพ เน้นระบบการหายใจและการไหลเวียน อาการแทรกซ้อนหลังการรักษา ภาวะสับสน ระวังการเกิดอุบัติเหตุ และลงบันทึกการให้บริการหลังการรักษาด้วยไฟฟ้า
ลงบันทึกการให้บริการหลังการรักษาด้วยไฟฟ้าตามรายการ ได้แก่ จำนวนครั้งที่รักษา ค่าพลังงานที่ใช้ ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
ก่อน ได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้า
การเตรียมตัวก่อนทำการรักษาล่วงหน้า 1 วัน
ไม่สวมเครื่องประดับใดๆหากมีภาวะความดันโลหิตสูง
หากมีปัญหาฟันผุ ฟันโยกต้องแจ้งพยาบาลก่อนเสมอ
นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
ปัสสาวะก่อนทำการรักษา
งดอาหารหลังเที่ยงคืนจนเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา
ทำความสะอาดร่างกาย สระผม ตัดเล็บให้สั้น ไม่ทาเล็บมือ-เล็บเท้างดน้ำ
Thorazine 30 mg IM q 6 hrs
ผลข้างเคียง
กล้ามเนื้อกระตุก ตัวสั่น
มึนงง เห็นภาพหลอน
กระสับกระส่าย ก้าวร้าว ไม่เป็นมิตร
กระเพาะปัสสาวะสูญเสียการควบคุม
การออกฤทธิ์
รักษาผู้ป่วยโรควิตกกังวล
ออกฤทธิ์ต่อสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุลกัน
กลุ่มยา
Benzodiazepine
การรักษาทางจิตสังคม
จิตบำบัดรายบุคคล (Individual Psychotherapy)
สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วยจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย เกิดความไว้วางใจ และการที่ผู้บำบัดได้รับข้อมูลสภาพปัญหาของผู้ป่วย เกิดความเข้าใจ จะสามารถวางแผนการบำบัดได้อย่างเหมาะสม
พฤติกรรมบำบัด (Behavior Therapy)
มุ่งเน้นในการพัฒนาความสามารถและแก้ไขความบกพร่องของผู้ป่วย โดยให้ผู้ป่วยเข้าใจธรรมชาติของโรค ทราบปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการกำเริบของโรค เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการรักษา
ครอบครัวบำบัด (Family Therapy)
การให้คำแนะนำ/ปรึกษาแก่ครอบครัว จะลดความตึงเครียดภายในครอบครัว โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคร่วมกับการแนะนำการแก้ปัญหา การอยู่ร่วมกับผู้ป่วย ลดความรู้สึกโกรธ/โทษตัวเองของครอบครัว
กลุ่มบำบัด (Group Therapy)
เป็นการจัดกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในกลุ่ม การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจะทำให้ผู้ป่วยเกิดการพัฒนาทักษะทางสังคม การสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
ประวัติทั่วไป
ความสัมพันธภาพในครอบครัว
ผู้ป่วยมีความคิดหมกหมุ่น และเกือบจะทำร้ายภรรยาและลูก
ผู้ป่วยไม่มีความรู้สึกอยากมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัว
ผู้ป่วยมีความคิดหมกหมุ่น และความคิดแปลก
ข้อมูลส่วนตัว
ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 24 ปี
เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
ประวัติครอบครัว
มีน้องสาว 1 คน
มีภรรยาชื่อ อลิเซีย และบุตรด้วยกัน 1 คน
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยรุ่น
ผู้ป่วยพบว่ามีเพื่อนร่วมมหาลัยเดียวกันชื่อชาร์ลส
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิท
ผู้ป่วยเริ่มมีความคิดหมกมุ่นและความคิดแปลกๆ
วัยผู้ใหญ่
ผู้ป่วยพบว่าชาร์ลสมาปรากฏตัวในหลายสถานการณ์ คอยให้กำลังใจและคอยอยู่เป็นเพื่อนเสมอ
ผู้ป่วยทำงานที่วีลเลอร์แลป และสายลับ ผู้ป่วยเริ่มสร้างห้องทำงานลับ ในการทำงานเป็นสายลับ
มีความโดดเด่นด้านการเรียน เป็นอัจฉริยะ
วัยเด็ก
ไม่ชอบทำกิจกรรม ชอบทำอะไรด้วยตนเอง
ผู้ป่วยมักโดนเพื่อนแกล้งอยู่เสมอเนื่องจากตัวเองเก่งกว่าและฉลาดกว่า
มีปัญหาในการปรับตัว ชอบอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนสนิท
อาการและอาการแสดง
ทฤษฎี
อาการด้านลบ (Negative symptom)
อาการที่บกพร่องไปจากคนทั่วไป
พูดน้อย เเละอาจพูดด้วยเสียงโทนเดียว
ไม่ค่อยมีความสุข
ด้านการเเสดงอารมณ์ไม่เหมาะสมม หรือเฉยเมย
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
มีภาวะซึมเศร้า (Depression)
หมดกำลังใจ
รู้สึกทุกข์ทรมาน ไม่สบายใจ (Dysphoria)
อาการด้านบวก (Positive symptom)
ความผิดปกติของการพูด (Disorganized speech) เช่น พูดไม่ต่อเนื่อง พูดไม่เข้าใจ
ความผิดปกติของพฤติกรรม (Disorganized dehavior)
อาการหลงผิด (Delusion) เช่น หลงผิดคิดว่าตนถูกปองร้าย
ประสาทหลอน (Hallucination) เชน หูแว่ว เห็นภาพหลอน
การเปลี่ยนแปลงความคิดการรับรู้ (Cognitive change)
ไม่มีมีสมาธิ
มีปัญหาด้านความจำ
ตีความไม่ได้
คิดเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้
Case
อาการด้านบวก (Positive symptom)
มีความผิดปกติการเคลื่อนไหว
ประสาทหลอน
หลงผิด
พูดตะกุกตะกัก ไม่ต่อเนื่อง พูดเร็ว
หูแว่ว
อาการด้านลบ (Negative symptom)
วิตกกังวลเรื่องวิทยานิพนธ์
พูดจาติดขัด พูดด้วยเสียงโทนเดียว
หน้านิ่งไร้อารมณ์ ไม่เเสดงความรู้สึก
ไม่ชอบกิจกรรมนันทนาการ , มีอาการเก็บตัวชอบอยู่คนเดียว
การเปลี่ยนแปลงความคิดการรับรู้ (Cognitive change)
ไม่มีสมาธิ
ตีความบกพร่อง
เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นจริง
คิดว่าจะมีคนมาทำร้าย
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
เฉยเมย
หวาดระแวง
การพยาบาล
พยาบาลต้องประเมินอาการประสาทหลอนที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยว่าเกี่ยวข้องกับระบบรับสัมผัสใด และอาการประสาทหลอนเกิดขึ้นเวลาใด
ถ้าพบผู้ป่วยที่กำลังแสดงอาการประสาทหลอนพยาบาลควรบอกสิ่งที่เป็นจริงกับผู้ป่วยในขณะนั้น
พยาบาลต้องแสดงการยอมรับอาการที่เกิดขึ้นกับผุ้ป่วย ซึ่งทำได้ดดยการรับฟังและไม่โต้แย้ง
หลีกเลี่ยงในการเข้าไปจับตัวผู้ป่วยก่อน เพราะผู้ป่วยอาจจะตีความการกระทำที่ผิด
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความรู้สึกที่อยู่ภายในจิตใจ
สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจ
ส่งเสริมให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ
ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานยาให้ครบตามแผนการรักษาของแพทย์ และสังเกตผลข้างเคียงของยา