Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เทคโนโลยี และยาที่ใช้บ่อยใน ICU - Coggle…
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เทคโนโลยี และยาที่ใช้บ่อยใน ICU
การใช้เครื่องช่วยหายใจ
ข้อบ่งชี้
ภาวะพร่องออกซิเจน
ความล้มเหลวของการระบายอากาศ ผู้ป่วยที่ซึมมาก โรคหืด โรคถุงลมโป่งพอง
กล้ามเนื้อกะบังลมไม่มีแรง
ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายผิดปกติ
ชนิด
Non-invasive positive ventilator; NPPV
เครื่องช่วยหายใจประเภทความดันบวกที่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ ให้การช่วยหายใจผู้ป่วยที่ไม่มีท่อทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถช่วยในการแลกเปลี่ยนก๊าซให้ดีขึ้น แก้ไขภาวะกรดจากการหายใจ ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพของปอดที่รุนแรง
Invasive positive ventilator; IPPV
เครื่องช่วยหายใจประเภทความดันบวกที่ใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นเครื่องช่วยหายใจที่ใช้มากที่สุดในภาวะวิกฤต เป็นการอัดอากาศเข้าไปในปอดผ่านทาง endotracheal tube หรือ tracheostomy tube โดยใช้แรงดันบวก
ประเภท
Control mandatory ventilation (CMV) การหายใจทุกครั้งถูกกำหนดด้วยเครื่องช่วยหายใจทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่มีการหายใจเองเลย
Synchronized Intermittent mandatory ventilation (SIMV) การหายใจเองและการหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ โดยผู้ป่วยสามารถหายใจเองได้ในระหว่างการช่วยหายใจดว้ยเครื่อง
Spontaneous ventilation หมายถึง การหายใจที่ผู้ป่วยเป็นผู้เริ่มการหายใจเอง
ภาวะแทรกซ้อน
ผลต่อระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด ปริมาตรเลือดแดงที่ส่งออกจากหัวใจลดลง
การบาดเจ็บของปอด ทำให้ถุงลมถ่างขยายมากเกินไป เยื่อบุผิวถุงลมและหลอดเลือดฝอยสูญเสียหน้าที่ทำให้เกิดปอดบวมน้ำเฉียบพลัน
ภาวะถุงลมปอดแตก เป็นภาวะที่มีลมรั่วจากถุงลมเนื่องจากการใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดความดันบวก
การบาดเจ็บของทางเดินหายใจ การบาดเจ็บต่อกล่องเสียงและเยื่อบุหลอดลม
ภาวะปอดแฟบ จากการตั้งปริมาตรการหายใจต่ำและไม่มีการตั้งถอนหายใจให้ผู้ป่วย
การเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ นานเกิน 48 ชั่วโมง เชื้อที่พบส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรียแกรมลบ
ภาวะพิษจากออกซิเจน เกิดจากการได้รับความเข้มข้นของออกซิเจนมากกว่า 0.6 นานเกิน 24-48 ชั่วโมงขึ้นไป จะทำให้มีการทำลายของเนื้อปอดได้
ระบบทางเดินอาหาร เกิดแผลหรือภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร ส่วนท้องอืดอาจมีสาเหตุจากการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
ผลต่อภาวะโภชนาการ เนื่องจากผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจต้องงดน้ำงดอาหาร ทำให้ร่างกายต้องนำกลูโคสที่สะสมที่ตับมาใช้เพื่อนำไปใช้ในการสังเคราะห์น้ำตาล
การพยาบาล
การดูแลด้านจิตใจ
ประเมินและดูแลอย่างใกล้ชิด ประคับประคองด้านจิตใจโดยอธิบายเกี่ยวกับการเจ็บป่วย วิธีการรักษาอย่างมีเหตุผล แจ้งให้ทราบทุก ครั้งเมื่อต้องให้การพยาบาล ให้ความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด รวมทั้งการดูแลด้านจิตใจของ ครอบครัวและญาติของผู้ป่วยด้วย จัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้แก่ผู้ป่วย
การดูแลด้านร่างกาย
1) ประเมินสภาพผู้ป่วยและภาวะแทรกซ้อน รายงานแพทย์ทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
2) การดูแลท่อหลอดลมและความสุขสบายในช่องปากของผู้ป่วย
3) การป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ โดยการดูดเสมหะเมื่อพบว่ามีปริมาณเสมหะมาก
4) การดูแลให้เครื่องช่วยหายใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และดูแล Tubing system ของเครื่องช่วย หายใจให้เป็นระบบปิด
5) การป้องกันภาวะปอดแฟบ
6) การติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ เช่น Electrolyte imbalance ค่าก๊าซใน หลอดเลือดแดง (ABGs)
การหย่าเครื่องช่วยหายใจ
ความหมาย
การลดการช่วยหายใจในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจจนสามารถหายใจเองและหยุดใช้เครื่องช่วยหายใจในที่สุด
ขั้นตอนการหย่าเครื่องช่วยหายใจ
ขั้นตอนที่ 1 ก่อนหย่าเครื่องช่วยหายใจ ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยที่สามารถหายใจได้ รู้สึกตัวและทำตามคำสั่ง สัญญาณชีพปกติ อุณหภูมิ<38 องศาเซลเซียส อัตราการเต้นของหัวใจ <100 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ< 30 ครั้ง/นาที ระดับความดันซิสโตลิก 90-160 มม.ปรอท
ขั้นตอนที่ 2 ขณะหย่าเครื่องช่วยหายใจ เริ่มหย่าเครื่องช่วยหายใจในตอนเช้าหลังจากผู้ป่วยพักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางคืน ดูดเสมหะเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง ส่งเสริมให้อากาศผ่านเข้าออกอย่างมีประสิทธิภาพ จัดท่าศีรษะสูงหรือท่านั่ง
ขั้นตอนที่ 3 หลังหย่าเครื่องช่วยหายใจ จัดท่าผู้ป่วยท่านั่งศีรษะสูง ให้ O2 mask with collugate 10 ลิตร/นาที 2 ชั่วโมง หลงัจากนั้นเป็น O2 cannula 3-6 ลิตร/นาที วัดสัญญาณชีพทุก 15-30 นาทีและทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่และเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
สายสวนหลอดเลือด
การวัดการไหลเวียนเลือด
การวัดความดันในหลอดเลือดแดง (intra-arterial monitoring)
เป็นวิธีการสอดใส่สายยางเข้าไปในเส้นเลือดแดง และนำมาต่อกับเครื่องวัด เป็นการวัดความดันของหลอดเลือดแดงโดยตรง วิธีนี้มีความเชื่อถือได้มากและมีค่าใกล้เคียงกับความดันเฉลี่ยในหลอดเลือดแดงใหญ่
การพยาบาล
ตรวจสอบความแม่นยำของการปรับเทียบค่า
ดูแลระบบของ arterial line ให้มีประสิทธิภาพ
ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การป้องกันการติดเชื้อ (Infection)
ส่งตรวจทาง arterial line ต้อง flush สายไม่ให้มีเลือดหรือฟองอากาศ ค้างในสาย
ตรวจสอบข้อต่อต่าง ๆ ให้แน่นอย่างสม่ำเสมอ
จดบันทึกค่า Arterial blood pressure ที่ได้ทุก 15-60 นาที
การวัดค่าความดันในหลอดเลือดดำส่วนกลาง (Central venous pressures; CVP)
การวัดความดันของเลือดดำส่วนกลางหรือแรงดันเลือดของหัวใจห้องบนขวา เพื่อประเมินระดับของปริมาณน้ำและเลือดในร่างกาย เป็นความดันของ right atrium โดยการวัดจาก Superior Vena Cava (SVC) เพราะไม่มีลิ้นกั้น
การพยาบาล
ความแม่นยำของการเปรียบเทียบค่า
ป้องกันการเลื่อนหลุดของสายสวน
ป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง
ป้องกันการอุดตันของสายสวน
การป้องกันฟองอากาศเข้าหลอดเลือดโดยดูแลให้เป็นระบบปิด
ยาที่ใช้บ่อยในผู้ป่วยวิกฤต
ยาที่ใช้ในภาวะ Pulseless Arrest
Epinephrine หรือ Adrenaline
ใช้เป็นยาตัวแรกในการทำ CPR ทั้งในภาวะ systole/PEA และ VF/pulseless VT symptomatic bradycardia ที่ไม่ตอบสนองต่อการให้ atropine
ผลข้างเคียง tachycardia, arrhythmias, hypertension
Amiodarone
ใช้รักษาหัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial fibrillation และ Atrial flutter หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนิด VF และ VT
ผลข้างเคียงเกิด vasodilatation และ hypotension ได้ และBradycardia, hypothyroidism, hyperthyroidism, thrombophlebitis
ยาที่ใช้ในภาวะ Bradyarrhythmia
Atropine
ใช้แก้ไขภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติและ AV block
ผลข้างเคียง หัวใจเต้นเร็ว และในกรณีที่มี acute myocardial infarction อาจทำให้เกิดภาวะ ischemia มากขึ้น ท้องอึด การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
ยาที่ใช้ในภาวะ Tachyarrhythmia
Adenosine
ใช้เป็น first line drug ในภาวะ Stable narrow complex tachycardia หรือในภาวะ unstable narrow complex regular tachycardia แต่ต้องเตรียมพร้อมทำ cardioversion ไว้ด้วย
ผลข้างเคียง อาการหน้าแดง เหนื่อยและแน่นหน้าอก อาการไม่รุนแรงและมักจะหายไป
Digoxin
ใช้รักษา Heart failure และหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ AF, atrial flutter และ SVT
ผลข้างเคียง หัวใจเต้นช้าชนิด Sinus bradycardia, S-A arrest หัวใจเต้นผิดจังหวะ AV block, Atrial fibrillation การเป็นพิษจากยา อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดท้อง เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย สับสบ ใจสั่น
ยากระตุ้นความดันโลหิต (Vasopressor)
Dopamine
ใช้ในผู้ป่วยที่ปัสสาวะออกน้อย เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ เพิ่ม Cardiac out put เพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะ shock จากการติดเชื้อในกระแสเลือด
ผลข้างเคียง เนื้อเยื่อตาย คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปวดศีรษะ
Dobutamine
เพิ่ม cardiac output ในผู้ป่วยหัวใจวาย หรือ cardiogenic shock
ผลข้างเคียง ลดความดันโลหิตสูงหัวใจเต้นเร็วและเต้นผิดจังหวะได้ อาการเจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเพิ่มขึ้นได้
Norepinephrine
รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะ septic shock และ cardiogenic shock ระดับรุนแรง หรือภาวะ shock หลังจากได้รับสารน้ำเพียงพอแล้ว
ผลข้างเคียง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หายใจลำบาก เนื้อเยื่อตาย
ยาขยายหลอดเลือด (Vasodilators)
Nicardipine
ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะ Hypertensive crisis
ผลข้างเคียง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้าแดง ใจสั่น หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ การรั่วออกของยาอาจทําใหหลอดเลือดอักเสบ
Sodium Nitroprusside
ใช้ในการลดความดันโลหิตในผู้ป่วย hypertensive emergency - ลด afterload ในภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
ผลข้างเคียง หากลดความดันโลหิตเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เหงื่อออกมาก เกิดพิษจาก cyanide
Nitroglycerin
ใช้รักษา Acute coronary syndrome, Chest pain (angina pectoris) - Heart failure โดยช่วยในการลด preload
ผลข้างเคียง Hypotension, Tachycardia, Flushing, headache