Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind, learning objective; LO, ลักษณะอาการ,…

- - - - auditory hallucination มีหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก
      - visual hallucination มีภาพหลอน
    - - presecutory คิดไปเองว่าถูกปองร้าย
      - grandiose delusion คิดว่าตนเองมีความสำคัญ (สายลับ)
      - incoherence ผู้ป่วยพูดไม่ต่อเนื่อง ขาดเป็นห้วงๆ
      - thought broadcasting คิดว่าผู้อื่นสามารถล่วงรู้ความคิดของตน
  - - - เด็กเรียนเก่ง สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และทำการทดลองด้วยตนเอง
      - มักมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน
      - ไม่ชอบกิจกรรมนันทนาการ
      - เป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิท
    - - สนใจทางด้านคณิตศาสตร์ และมุ่งมั่นในการเรียนจนจบปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์
      - มีบุคลิกที่ดูแตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
      - ชาร์ลอยู่กับเขาตลอดและเป็นเพื่อนคนเดียวที่สามารถพูดคุย
    - - มีความโดดเด่นทางด้านการเรียนในระดับอัจฉริยะ
      - เริ่มมีความคิดหมกมุ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆเพิ่มมากขึ้น
      - มีเพื่อนชื่อนายชาร์ลส์ (Mr. Charles)
        
        เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมห้องพัก
        
        ให้กำลังใจและคอยอยู่เป็นเพื่อนเสมอ
        
        ชาร์ลส์มักมาชวนพูดคุยในสถานการณ์ต่างๆ
  - - - เล่าต่อสิคะ ดิฉันกำลังฟังอยู่ :Giving general lead เป็นเทคนิคที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยเปิดเผย เรื่องราว ความคิด ความรู้สึกตนเอง และเป็นการแสดงให้ผู้ป่วยทราบว่าพยาบาลสนใจ
        
        พวกมันที่คุณพูดถึง หมายถึงใครหรือคะ : การขอความกระจ่าง clarifying or seeking clarification
        
        ดิฉันยังไม่เห็นใครอื่นนอกจากคุณกับดิฉันนะคะ : การให้ความจริง Presenting reality
    - - Diazepam 10 mg IM q 4 hrs prn
      - ECT 1 course (5 times per week/ 10 weeks)
      - Thorazine 30 mg IM q 6 hrs
- - - - Jealous Type
        
        คู่ครองของตนนอกใจ
      - Persecutory Type
        
        ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต
      - Grandiose Type
        
        เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น มีความหยั่งรู้พิเศษ
      - Somatic Type
        
        หลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง
      - Erotomanic Type
        
        คิดว่าบุคคลมีชื่อเสียงมาหลงรักตัวเอง
    - - ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่พบว่าสัมพันธ์กับสมองส่วนที่ควบคุมความเป็นเหตุผลและอารมณ์ความรู้สึก
      - อาจเกิดจากการเลี้ยงดู ที่ไม่ได้รับความอบอุ่น ทำให้ไม่เชื่อใจใคร และมีความรู้สึกไวต่อท่าทีของผู้อื่น
      - เกิดจากสังคมที่มีความเครียด กดดัน การแข่งขันสูง การเอารัดเอาเปรียบ ทำให้รู้สึกว่าถูกผู้อื่นคุกคาม หรือรู้สึกว่าได้รับการกระทำที่ไม่ดีจากผู้อื่น จึงมีความระแวงได้มากขึ้น
    - - การบำบัดเพื่อช่วยปรับทัศนคติต่อสิ่งแวดล้อมและการมีปฏิสัมพันธ์
        
        เป็นการบำบัดโดยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะตระหนักและเปลี่ยนแปลงวิธีคิดหรือพฤติกรรมของตัวเอง
      - การบำบัดส่วนบุคคล
        
        เป็นการบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับหรือทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าใจผิด
      - การบำบัดแบบครอบครัว
        
        เป็นการบำบัดที่ช่วยให้ครอบครัวทราบวิธีรับมือกับผู้ป่วยและพัฒนาความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง
      - การเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือตนเอง
        
        เพื่อให้ผู้ป่วยที่เคยมีอาการเดียวกันได้พูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
    - - ผู้ป่วยมีอาการหลงผิดไปจากความเป็นจริงเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน
      - ผู้ป่วยส่วนใหญ่ดูเป็นปกติและไม่มีพฤติกรรมที่แปลก มีเพียงความเข้าใจผิดในบางเรื่อง
      - ระแวงว่าตนถูกกลั่นแกล้งหรือถูกปองร้าย
    - - ด้านจิตใจ
        
        การเลี้ยงดูที่ไม่ได้รับความอบอุ่น
        
        มีความรู้สึกไวต่อท่าทีของผู้อื่น
        
        ทำให้ไม่เชื่อใจใคร
      - ด้านสังคม
        
        สังคมที่มีความเครียด กดดัน การแข่งขันสูง การเอารัดเอาเปรียบ
        
        มีความระแวงมากขึ้น
        
        รู้สึกว่าได้รับการกระทำที่ไม่ดีจากผู้อื่น
        
        ทำให้รู้สึกว่าถูกผู้อื่นคุกคาม
      - ด้านชีวภาพ
        
        สัมพันธ์กับสมองส่วนที่ควบคุมความเป็นเหตุผลและอารมณ์ความรู้สึก
  - - - ปัจจัยด้านพันธุกรรม (Genetic factors) มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
      - ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม (Sociocultural factors)
        
        บิดามารดาที่เลี้ยงลูกแบบปกป้องมากเกินไป
        
        ประชากรที่มีฐานะยากจนป่วยเป็นโรคจิตเภทมากกว่าประชากรที่มีฐานะดี
        
        บิดามารดาที่มีความขัดแย้งกัน พยายามดึงเด็กมาเป็นพวกของตน
      - ปัจจัยด้านชีวเคมีของสมอง (Biological factors) มีความสัมพันธ์กับ dopamine ในสมอง
      - ปัจจัยด้านจิตใจ (Psychological factors) เป็นความผิดปกติจากพัฒนาการทาง
        บุคลิกภาพของบุคคลในวัยเด็ก
    - - พบในคนทุกเชื้อชาติ
      - ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มมีอาการในช่วง 20-30 ปี
      - พบได้มากในครอบครัวที่มีฐานะยากจน
      - เกิดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
    - - Disorganized Type (Hebephenic) มีอาการประสาทหลอน และความคิดหลงผิดมีความคิดและคำพูดไม่สอดคล้องกัน
      - Catatonic Type ผิดปกติที่พฤติกรรมการเคลื่อนไหว
      - Simple Type ขาดความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกและสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยสิ้นเชิง เก็บตัว ละเลยกิจวัตรประจำวัน ประสาทหลอน มักเกิดกับวัยรุ่น
      - Schizoaffective มีอาการเฉียบพลัน อาการเข้าได้กับโรคจิตเภท มีอารมณ์เศร้าร่วมกับอาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ คิดช้า รู้สึกว่าตนมีความผิด
      - Undifferentiated Type มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน ความคิดไม่ปะติดปะต่อกัน
      - Residual Type เป็นโรคจิตเภทชนิดใดชนิดหนึ่งมาก่อนแล้วอาการดีขึ้นแต่ยังมีอาการบางอย่างหลงเหลือ
      - Paranoid type ลักษณะสำคัญคือมีความหมกมุ่นอยูกับอาการหลงผิดหรือหูแว่ว ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องไม่มี อาการของ catatonic หรือ disorganized type
    - - A. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือนโดยอย่างน้อยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อยู่ 1 อาการ
        
        1.อาการหลงผิด
        
        2.อาการประสาทหลอน
        
        3.การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน
        
        4.พฤตกิกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไปหรือแปลกประหลาด
        
        5.อาการด้านลบ เช่น แยกตัวออกจากผู้อื่น เฉยเมย
      - B. ระดับความสามารถในด้านสําคัญๆ เช่น ด้านการทํางานการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นหรือการดูแลตนเองลดลงไปจากเดิมอย่างชัดเจนอย่างน้อยหนึ่งด้าน
      - C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป
      - E. ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจากโรคทางกายและสารเสพติดออก
      - F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติกหรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่เด็กจะวินิจฉัยโรคจิตเภทก็ต่อเมื่อมีอาการหลงผิดหรือ อาการประสาทหลอนที่เด่นชัด เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ร่วมด้วย
- - - - เป็นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติโดยไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก
    - - auditory hallucination มีหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก อาจเป็นเสียงรูปแบบต่างๆหรือเสียงคนคุยกัน
      - visual hallucination มีภาพหลอนโดยอาจเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรืออย่างอื่น
      - olfactory hallucination ได้กลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นเหม็นไหม้
      - gustatory hallucination รู้สึกว่าลิ้นได้รับรสแปลกๆ เช่น รสโลหะ
      - tactile hallucination มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ตามตัว หรือรู้สึกแปลกๆตามผิวหนัง
      - Illusion ผู้ป่วยแปลภาพที่เห็นหรือเสียงที่ได้ยินผิดไปจากความเป็นจริง เช่นเห็นเชือกบอกว่างู (visual illusion)
      - Depersonalization ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองแปลกหรือเปลี่ยนไปจากความเป็นจริง
      - derealisation ผู้ป่วยรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป เช่น ขนาดของสิ่งของที่คุ้นเคยรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป
  - - - thought insertion เชื่อว่าความคิดที่มีอยู่ไม่ใช่ของตน แต่เป็นความคิดผู้อื่นใส่เข้ามาในสมองตน
      - persecutory delusion ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต
      - bizarre delusion เป็นความหลงผิดที่แปลกประหลาด เช่นเชื่อว่าตนสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้
      - jealous delusion เป็นความหลงผิดว่าคู่ครองนอกใจ
      - erotomanic delusion เป็นความหลงผิดว่ามีคนมาหลงรักตนและมักเป็นคนที่มีสถานภาพสูงกว่า
      - grandiose delusion เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น มีความหยั่งรู้พิเศษ
      - Idea of reference ผู้ป่วยคิดไปเองว่ามีคนพูดจาเกี่ยวกับตนซึ่งมักเป็นทางร้าย
      - Idea of being controlled ผู้ป่วยคิดว่าอำานาจบางอย่างจากภายนอกสามารถ ควบคุม ความรู้สึกความคิด และการกระทำของตน
      - somatic delusion หลงคิดไปเองว่าตนป่วยเป็นโรคทางกายชนิดใดชนิดหนึ่ง
      - thought broadcasting คิดว่าผู้อื่นสามารถล่วงรู้ความคิดของตน
      - hought withdrawal เชื่อว่าความคิดของตนถูกดึงออกไปจากสมอง
    - - การปักใจเชื่อในบางสิ่งบางอย่างอย่างฝังแน่น ไม่ว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือมีหลักฐานคัดค้านที่เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาเชื่อนั้นผิด เขาก็ยังฝังใจเชื่อเช่นนั้น
    - - neologism ผู้ป่วยคิดคำพูดขึ้นมาเองไม่มีใช้ในภาษาของเราโดยจะมีความหมายเฉพาะผู้ป่วยคนเดียว
      - perseverative ผู้ป่วยพูดพูดซ้ำๆติดต่อกันโดยไม่มีความหมาย
      - blocking กระแสคำพูดของผู้ป่วยหยุดชะงักทันที
      - incoherence ผู้ป่วยพูดไม่ต่อเนื่อง ขาดเป็นห้วงๆ คำพูดไม่สัมพันธ์กันทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง
      - loosening of association ความคิดขาดการเชื่อมโยงของเหตุผล ไม่สามารถลำดับความคิดตามขั้นตอนของเหตุการณ์ได้ ดังนั้นเวลาฟังผู้ป่วยจึงไม่ค่อยเข้าใจ หรือไม่รู้เรื่อง
      - circumstantiality ผู้ป่วยตอบคำถามแบบอ้อมค้อมยืด
        ยาวแต่จบลงตรงประเด็นที่ต้องการได้
      - tangentiality ผู้ป่วยคล้ายจะตอบคำถามแต่ตอบออก
        นอกเรื่องไม่ตรงกับเรื่องราวที่ต้องการจะพูด ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องที่ผู้ป่วยพูด
      - flight of idea มีความคิดหลายอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วแสดงออกโดยการพูดมากและเร็วพูดเรื่องนึงยังไม่ทันจบไปพูดอีกเรื่องนึง
- - - - คิดว่าบุคคลมีชื่อเสียงมาหลงรักตัวเอง
    - - เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น
        มีความหยั่ง รู้พิเศษ
    - - คู่ครองของตนนอกใจ
    - - ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต
    - - หลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง