Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ…
บทที่ 9 การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ เรื่อง ทารกแรกเกิดติดเชื้อ
กลุ่มมารดาที่มีโอกาสให้กำเนิดทารกที่มีการติดเชื้อ
มารดาที่มีประวัติการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะมีอาการไข้หรือออกผื่น
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง
มีสิ่งคัดหลั่งผิดปกติออกจากช่องคลอดในระยะก่อนคลอด
การติดเชื้อระหว่างอยู่ในครรภ์
เกิดขึ้นโดยเชื้อจะผ่านจากมารดาไปสู่ทารกทางรกหรือช่องคลอดเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดการแท้ง ตายคลอด คลอดก่อนกำหนด หรือพิการแรกคลอดก็ได้ โดยเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่
กลุ่มเชื้อปาราสิต คือ Toxoplasma Toxoplasma Toxoplasma gondii
กลุ่มเชื้อแบคทีเรีย เช่น Group Group B streptococcus,
กลุ่มเชื้อไวรัสคือ cytomegalovirus, cytomegalovirus, cytomegalovirus, หัดเยอรมัน
การติดเชื้อในระยะคลอด
ทารกจะได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่บริเวณช่องคลอดและเลือดของมารดา ทาให้ติดเชื้อได้ เชื้อที่พบได้บ่อย ได้แก่ หนองใน เริม เอดส์ ตับอักเสบบี เป็นต้น
การติดเชื้อในระยะหลังคลอด
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis ), ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Neonatal sepsis Neonatal sepsis Neonatal sepsisNeonatal sepsis ), ปอดอักเสบ (PneumoniaPneumonia )
ทารกแรกเกิดติดเชื้อ Treponema pallidum
ถ้าหากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อนี้ในช่วงอายุครรภ์ก่อน16 สัปดาห์ กลไกการทำงานของ Langhan ’s epithelial layer ของ cytotrophoblast ของรกจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในทารกได้
แต่ถ้าติดเชื้อภายหลัง 16 สัปดาห์ Langhan ’s epithelial layer จะหายไป ทำให้ทารกเสี่ยงต่อภาวะ congenital syphilis
TreponemaTreponema เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิส
อาการแสดงของภาวะ congenital syphilis
น้ำหนักตัวน้อย
ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว
ตับโต ม้ามโต
ตาอักเสบ
ตั้งจมูกแบน จมูกบี้
ศีรษะเป็นรูปสี่เหลี่ยม หน้าผากโหนก
ซีด ผิวหนังที่ฝ่ามือฝ่าเท้าอักเสบและลอกเป็นขุย
ถ้าติดเชื้อรุนแรงทารกจะเสียชีวิตจากภาวะ Hydrop fetalis คือ บวมทั่วตัว ซีด ตับ ม้ามโต หายใจลาบากหรือไม่หายใจหลังคลอด มีน้ำในช่องท้องและปอด โดยรกจะหนา น้าหนักรกมากกว่าปกติ
แนวทางการรักษาทารกแรก
ทารกที่คลอดจากมารดาที่เป็นโรคซิฟิลิส พยาบาลจะต้องสังเกตภาวะ congenital syphilis
ส่ง cord blood for VDRL ติดตามผลเลือด
แยกทารกออกจากทารกคนอื่น ๆ
ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา
แนวทางการรักษาด้วยยาในทารกแรกคลอดจากมารดาเป็นซิฟิลิส
ดูแลให้ยา Aqueous penicillin G 50,000 ยูนิต/กก.ทางหลอดเลือดดำ และให้ Procaine penicillin G 50,000 ยูนิต/กก.ทางทางกล้ามเนื้อ กรณี ดังนี้
หรือตรวจพบแอนติบอดี้ต่อเชื้อซิฟิลิสเป็นบวก
และมีข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
ตรวจร่างกายผิดปกติเข้ากับโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด
ภาพถ่ายรังสีกระดูกผิดปกติเข้ากับโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด
การตรวจ Treponemal test เมื่อเด็กอายุ 15 เดือนขึ้นไป
ตรวจน้าไขสันหลังพบ VDRL หรือพบจานวนเม็ดเลือดขาว ระดับโปรตีนสูงขึ้นโดยไม่มีสาเหตุอื่น
การตรวจ Non -Treponemal test เป็นบวก โดยมีระดับ titer ในทารกมากกว่ามารดา 4 เท่าขึ้นไป
มารดาไม่ได้รับการรักษาที่ครบถ้วนก่อนคลอด
กรณีในทารกตรวจพบเชื้อ Treponema pallidum
ดูแลให้ยา Benzathine penicillin G penicillin G 50,000 ยูนิต/กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 1 ครั้ง กรณี ดังนี้
กรณีทารกที่เกิดจากมารดาที่ไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการรักษาไม่ครบถ้วนก่อนคลอด แต่ทารกไม่มีอาการแสดงและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ
ทารกที่เกิดจากมารดาที่ได้รับการรักษาครบถ้วนก่อนคลอดนานกว่า 4 สัปดาห์ไม่มีหลักฐานการติดเชื้อซ้ำ สามีได้รับการรักษาครบถ้วน ทารกไม่มีอาการ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ
หัดเยอรมันกับการตั้งครรภ์
เกิดจากเชื้อ Rubella Virus
ทารกสามารถติดต่อได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ผ่านทางรก
การติดเชื้อไตรมาสแรก พบว่า ทารกมีโอกาสติดเชื้อถึงร้อยละ 80 และส่งผลให้เกิด congenital rubella syndrome (CRS )
พบทารกติดเชื้อในครรภ์ได้น้อยลงเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น
congenital rubella syndrome (CRS ) ได้แก่
ความผิดปกติทางตา (ต้อกระจก ต้อหิน)
ความผิดปกติของหัวใจ เช่น PDA
ความบกพร่องทางการได้ยิน (หูหนวก)
สมองพิการและปัญญาอ่อน
ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์
เกร็ดเลือดต่ำ ซีด ตับม้ามโต
รวมทั้งความผิดปกติของโครโมโซม
หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับเชื้อหัดเยอรมันในช่วง 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ (แม้จะมีผื่นหรือไม่มีผื่นขึ้นก็ตาม)
เชื้อจะเข้าไปยับยังการแบ่งตัวของ cell ทารกในครรภ์ และทำให้โครโมโซมของทารกแตก
ส่งผลให้ทารกแท้ง ตายคลอด หรือพิการแต่กำเนิดได้
กรณีที่ Titer > 1:8 ในระหว่าง GA 1-16 สัปดาห์ ควรให้ข้อมูลในการยุติการตั้งครรภ์
แนวทางการรักษาทารกแรกเกิดจากมารดาติดเชื้อหัดเยอรมัน
ทารกแรกเกิดจากมารดาที่ติดเชื้อหัดเยอรมันในระยะตั้งครรภ์ แม้ไม่มีอาการแสดงใด ๆ ควรได้รับการแยกจากทารกปกติ เพื่อสังเกตอาการและประเมินความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
เก็บเลือดทารกส่งตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อและตรวจร่างกายทารกอย่างละเอียด
โรคสุกใส (Chickenpox)
เกิดจากเชื้อไวรัส varicella virus
ระยะติดต่อ : ตั้งแต่ 24 ชม.ก่อนผื่นขึ้นและ 6 วันหลังผื่นขึ้น
ถ้ามีการติดเชื้อในระยะตั้งครรภ์ กรณีดังนี้
ระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้
GA GA 6-12 wks. wks. เกิดความผิดปกติของแขน ขามากที่สุด เช่น แขนขาลีบ
GA GA 16-20wks. wks. จะมีผลต่อการพัฒนาการทางสมอง และตา
ถ้าหญิงตั้งครรภ์เป็นสุกใสระยะก่อนคลอด 5วัน หรือหลังคลอด 2 วัน ทารกที่เกิดมาอาจเป็นสุกใสชนิดรุนแรงได้
แนวทางการรักษาทารกแรกเกิดจากมารดาเป็นโรคสุกใส
ถ้ามารดามีอาการขณะคลอด มารดาและทารกควรได้รับการแยกกันดูแลจนกระทั่งมารดามีการตกสะเก็ดของตุ่มสุกใสจนหมด และทารกควรได้รับการแยกจากทารกที่คลอดจากมารดาปกติด้วย
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อสุกใสภายใน 5 วันก่อนคลอดหรือ 2วันหลังคลอด ควรได้รับ varicella zoster immunoglobulin (VZIG ) ทันทีที่คลอด
มีบางรายงานแนะนาว่าควรให้ยา Acyclovir ร่วมกับ VZIGในทารกแรกคลอด เนื่องจากได้ผลการรักษาดีกว่าการให้ VZIG เพียงตัวเดียว
โรคหนองในแท้ (Gonorrhea )
เกิดจากเชื้อ Neisseria
ทารกจะได้รับเชื้อโดยตรงจากมีถุงน้ำคร่ำแตก หรือผ่านช่องทางคลอดที่ติดเชื้อพบในวันที่ 1-4 หลังคลอด
เชื้อจะเข้าสู่ตาทารกเป็นส่วนใหญ่ ทาให้ติดเชื้อบริเวณตาของทารก ทำให้ตาบอดได้
ป้องกันการติดเชื้อที่ตาโดยการป้ายตาหลังทารกคลอดทันที เช่น
0.5 % erythromycin
หรือ 1% tetracyclin oinment
หรือ หยอดตาด้วย 1%silver nitrate
ดูแลให้ได้รับยา Cefixin1 mg /kg ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดาหรือฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อของทารกวันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 7 วัน
ต้องเช็ดตาของทารกด้วย NSS หรือล้างตาทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าหนองจะแห้ง
โรคเริม
เกิดจากเชื้อ Herpes Herpes simplex virus
อาการของทารก
ไข้ อ่อนเพลีย
ตัวเหลือง ตับ ม้ามโต
ชัก
บางรายพบมีตุ่มน้าพองใสเล็ก ๆ
การดูดนมไม่ดี
ที่ผิวหนังตามร่างกาย
แนวทางการรักษาทารกแรกเกิดจากมารดาเป็นโรคเริม
แยกทารกออกจากทารกคนอื่น ๆ และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อดูอาการของการติดเชื้อเริม อย่างน้อย 7-10 10 วัน
ดูแลให้ได้รับยา Acyclovir ตามแผนการรักษาในการติดเชื้อเริมจากการคลอดทางช่องคลอด
โรคเอดส์ (AIDS )
เกิดจากการติดเชื้อ HIV
การติดต่อจากมารดาไปสู่ทารก : ทางรก การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งจากมารดาขณะคลอด และหลังคลอด และการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา (ร้อยละ 80 เกิดขึ้นในระยะคลอดและหลังคลอด)
การให้ยาต้านไวรัสและการผ่าตัดคลอดก่อนการเจ็บครรภ์สามารถป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัส HIV จากมารดาสู่ทารกได้
แนวทางการรักษาทารกที่คลอดจากมารดาเป็นโรคเอดส์
หลีกเลี่ยงการใส่สายยางสวนอาหารในกระเพาะอาหารทารกโดยไม่จำเป็น
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อจะต้องได้รับยา NVP ชนิดน้ำขนาด 6 มิลลิกรัมทันทีหรือภายใน 8 -12 ชั่วโมงหลังคลอดร่วมกับ AZT 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หลังจากนั้นจะให้ยา AZT ต่อทุก 2 ชั่วโมง
ตรวจหาการติดเชื้อเพื่อหา viral load ด้วยวิธี real time PCR assay ถ้าพบเชื้อ HIV-RNA ใน 48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด แสดงว่าทารกติดเชื้อตั้งแต่ในครรภ์ ถ้าตรวจพบใน 6 สัปดาห์ แสดงว่าติดเชื้อในระยะคลอด
เมื่อทารกครบ 12 เดือน ควรตรวจหาภูมิต้านทานชนิด IgG และ IgMและควรตรวจอีกครั้งเมื่อ 18 เดือน
โรคตับอักเสบบี
เกิดจาก hepatitis B virus
การถ่ายทอดเชื้อ : ผ่านเลือด น้ำลาย อสุจิ สิ่งคัดหลั่งทางช่องคลอด น้ำนม และผ่านทางรก
ทารกติดเชื้อจากมารดาได้ตั้งแต่ในระยะตั้งครรภ์ คลอด จนถึงหลังคลอด
หญิงตั้งครรภ์ที่มีผล HBeAg positive จะมีอัตราการถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกสูงถึงร้อยละ 90 และหญิงตั้งครรภ์ที่มีผล HBeAg negative จะมีอัตราการถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกเพียงร้อยละ 10 -20
แนวทางการรักษาทารกแรกเกิดจากมารดาเป็นตับอักเสบบี
เมื่อแรกคลอดดูดมูกและเลือดออกจากปากและจมูกของทารกออกมาให้มากที่สุด และทาความสะอาดทารกทันทีที่คลอด
ทารกดูดนมมารดาได้ทันทีหลังคลอดโดยไม่จeเป็นต้องรอให้ทารกได้รับวัคซีนก่อน แต่หากมารดามีหัวนมแตกให้งดให้บุตรดูดนมเพราะอาจแพร่การกระจายเชื้อสู่ทารกได้
ดูแลให้ทารกแรกเกิดได้รับ HBIG เข้ากล้ามเนื้อโดยเร็วที่สุดร่วมกับ HBV เข็มที่ 1 เข้ากล้ามเนื้อโดยเร็วที่สุดภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด โดยฉีดคนละตeแหน่ง แล้วควรนัดให้มารับวัคซีน HBV ตามกาหนดเข็มที่ 2 ตอนอายุ 1 เดือน และให้วัคซีนDTP-HB ตอนอายุ 2, 4, 6 เดือน
บทบาทการพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะติดเชื้อ
ประเมินสัญญาณชีพ เพื่อประเมินความรุนแรงของการติดเชื้อ โดยเฉพาะอุณหภูมิ หากมีไข้ ดูแลเช็ดตัวลดไข้ให้ พร้อมทั้งแนะนeมารดาบิดาและญาติในการเช็ดตัวทารก
ดูแลให้ได้รับนมมารดาและน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ การเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาสามารถทำได้ แต่ต้องดูแลเรื่องความสะอาด แนะนำให้ล้างมือก่อนสัมผัสทารก และป้องกันมิให้ทารกสัมผัสกับรอยโรค ยกเว้นในรายที่มารดาติดเชื้อ HIV จะต้องงดเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาและให้นมผสมแทน
สังเกตอาการผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจและให้การช่วยเหลือเมื่อทารกมีภาวะหายใจลำบาก หรือขาดออกซิเจน
ดูแลและแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของร่างกายทารก
แยกของใช้ของมารดากับทารกและมีการทำลายเชื้ออย่างเหมาะสม
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
แจ้งอาการและแนวทางการรักษาที่ทารกได้รับแก่มารดาบิดา
จัดทำโดย นางสาวนิตยา ฝ่ายสิงห์ รหัส 602701046
: