Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 11 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท, นางสาวอรณิชา ไชยเดช 36/2…
บทที่ 11
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท
ชัก
ชักจากไข้สูง
ชนิด
Secondary febrile convulsion (มีความผิดปกติของสมอง)
Primary febrile convulsion (ไม่มีความผิดปกติของสมอง)
การรักษา
ระยะที่กำลังมีอาการชัก
1.กรณีที่มีการชักเกิน 5 นาที ต้องทำให้หยุดชักเร็วที่สุด โดยให้ยาระงับอาการชัก
2.ให้ยาลดไข้ ร่วมกับ เช่น ตัวลดไข้ (เน้นขณะชักห้ามให้ยาชนิดรับประทาน)
ระยะหลังชัก
ซักประวัติตรวจร่างกายโดยละเอียด
ให้ยาป้องกันการชัก รับประทานทุกวันนาน 1-2 ปี เช่น Phenobarbital , Depakine
โรคลมชัก
แบ่งชนิดตามลักษณะอาการชัก 2 ชนิด
Partial seizure ชักกระตุกเฉพาะที่
Generalized seizure การชักกระตุกทั้งตัว
Primary generalized epilepsy
ไม่มีความผิดปกติในระบบประสาท
Secondary generalized epilepsy
มีความผิดปกติในระบบประสาท
สาเหตุการชัก
พันธุกรรม
Developmental and degenerative disorders
ได้รับอันตรายจากการคลอด
โรคติดเชื้อของสมอง
รอยโรคในสมองที่ทำให้เซลล์ประสาทหลั่งคลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ
Metabolic และ Toxic etiologies
การรักษา
รักษาตามสาเหตุที่วินิจฉัยได้
รักษาด้วยอาหาร Ketogenic diet =>ไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ โปรตีนต่ำ
การฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
รักษาโดยการใช้ยาระงับอาการชักและยาป้องกันการชักซ้ำ
คำแนะนำสำคัญสำหรับผู้ปกครอง
ให้เด็กรับประทานยากันชักต่อเนื่องทุกวันนาน อย่างน้อย 2 ปี
ห้ามหยุดยาเอง แนะนำวิธีการป้องกันอุบัติเหตุขณะชัก
มาตรวจตามนัด
ชักจากการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมองหรือเนื้อสมอง
Meningitis (เยื่อหุ้มสมองอักเสบ)
สาเหตุ
พยาธิ (Eosinophilic meningitis)
เชื้อรา (Fungal memingitis)
เชื้อไวรัส (Viral หรือ Asepitc meningitis)
เชื้อแบคทีเรีย (Bacterial meningitis)
Cerebrospinal fluid test
Red cells ไม่พบ
White cell count ไม่พบ
Glucose 50-75 mg/dl (ครึ่งหนึ่งของน้ำตาลในเลือด)
Protein 14-45 mg/dl
Pressure เด็กโต = 110-150 mmH2O
ทารก = 100 mmH2O
อาการและอาการแสดง
ปวดศีรษะมาก ซึมลง กระหม่อมโป่งตึง อาเจียน ชัก
อาการแสดงของการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
คอแข็ง (Stiffness of neck)
Kernig’s sign ได้ผลบวก
Brudzinski’s sign ได้ผลบวก
มีการติดเชื้อ เช่น มีไข้
การรักษา
รักษาตามอาการ
การป้องกัน ควรฉีดวัคซีน เช่น Hib vaccine , JE vaccine,BCG
รักษาเฉพาะ
Encephalitis (สมองอักเสบ)
สาเหตุ
เชื้อรา
เชื้อปาราสิต
เชื้อแบคทีเรีย
ปฏิกิริยาต่อวัคซีน
เชื้อไวรัส
อาการและอาการแสดง
ปวดศีรษะ
ปวดบริเวณต้นคอ คอแข็ง (Stiffness of neck)
ไข้สูง
ซึมลง จนถึงขั้นโคม่าได้ภายใน 24 – 72 ชั่วโมง
ชัก มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
กระสับกระส่าย อารมณ์ผันแปร เพ้อ คลั่ง อาละวาด
การหายใจไม่สม่ำเสมอ
การรักษา
การให้ยา ระงับชัก ลดอาการบวมของสมอง นอนหลับ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
รักษาสมดุลของปริมาณน้ำเข้า – ออก ของร่างกาย
ให้ออกซิเจน, เจาะคอ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ
โรคไข้สมองอักเสบ
Japanese encephalitis (JE)
การตรวจวินิจฉัย
ตรวจแยกเชื้อไวรัส เจอี จากเลือด หรือน้ำไขสันหลัง
การวินิจฉัยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือตรวจหา IgM antibody
การรักษา
ให้การดูแลรักษาเฉพาะใน Intensive care unit ให้ยาลดไข้ ลดการบวมของสมอง ระงับอาการชัก
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
อาการและอาการแสดง
เริ่มด้วยมีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ต่อไปอาการปวดศีรษะจะมากขึ้น มีอาการอาเจียน ง่วงซึมจนไม่รู้สึกตัว
บางรายอาจมีอาการเกร็งชักกระตุกด้วย อาจมีอาการหายใจไม่สม่ำเสมอ
รายที่เป็นรุนแรงมากจะถึงแก่กรรมประมาณวันที่ 7-9 ของโรค
การป้องกัน
ไม่ควรเลี้ยงหมูในบริเวณใกล้บ้านที่อยู่อาศัย
ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน 3 ครั้ง
หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยุงกัด ยุงนี้จะกัดเวลาพลบค่ำ
หลักการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการชัก
มีไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำธรรมดา หรือน้ำอุ่น เพื่อให้ไข้ลด
ดูแลให้ได้รับยากันชัก ยาคลายกล้ามเนื้อตรงตามแผนการรักษา
เตรียมไม้กดลิ้นไว้ที่โต๊ะข้างเตียงในรายที่มีอาการชักเกร็ง
ดูแลให้ได้รับยาระงับอาการชักตรงตามแผนการรักษาในรายที่มีอาการชักนาน
ขณะชักให้งดอาหาร น้ำ ทางปาก ตามแผนการรักษา
ขณะที่ผู้ป่วยชัก ควรป้องกันอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุ
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตรงตามแผนการรักษาในรายที่หายใจขัด เขียว
ช่วยแพทย์ในการเตรียมตรวจ และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดูดเสมหะ
ให้การพยาบาลผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวล และจัดสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้เงียบและ
อากาศถ่ายเทได้สะดวก
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ตะแคงหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง
ภายหลังให้การพยาบาลยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้ง
สังเกตและบันทึกลักษณะการชัก และระดับความรู้สึกตัวขณะชัก
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ อย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
การให้คำแนะนำและเตรียมความรู้แก่บิดา
แนะนำวิธีการปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีไข้
แนะนำวิธีปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยเกิดอาการชัก
ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโรค
แนะนำการดูแลให้ยากันชัก และผลข้างเคียงของยา
โรคสมองพิการ
(Cerebral Palsy)
คนที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว เนื่องจากความผิดปกติในการทำงานของสมอง
ทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆอย่างเป็นปกติได้
สาเหตุ
1.ระยะก่อนคลอด
การมีเลือดออกทางช่องคลอดของมารดาช่วงระหว่างการตั้งครรภ์เดือนที่6-9
มารดาขณะตั้งครรภ์ขาดสารอาหาร มารดามีภาวะชักหรือมีภาวะปัญญาอ่อน การเกิดก่อนกำหนด
มารดาขณะตั้งครรภ์มีการใช้ยาบางชนิดทำให้สมองเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ
2.ระยะคลอด
สมองขาดออกซิเจน ได้รับอันตรายจากการคลอด คลอดยาก รกพันคอ คลอดท่าก้น การใช้คีมดึงเด็ก
3.ระยะหลังคลอด
การได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ตัวเหลืองเมื่อแรกเกิด เส้นเลือดที่สมองมีความผิดปกติ การขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ การติดเชื้อบริเวณสมอง
อาการและอาการแสดง
รีเฟล็กซ์ผิดปกติ การเคลื่อนไหวกับสมดุลของร่างกายมีความผิดปกติ
ลักษณะอ่อนปวกเปียก อาจหายใจช้า พัฒนาการช้า เช่น การดูด การกลืน การเคี้ยว ทำให้สำลักนม
การรักษา
การทำกายภาพบำบัดของกล้ามเนื้อแขน ขา หรือลำตัว
การให้ early stimulation เพื่อให้สมองส่วนต่างๆที่ไม่มีความเสียหายได้พัฒนา
การให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ diazepam,baclofen
การแก้ไขความผิดปกติของการรับรู้ที่สำคัญ
การแก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น
การให้คำแนะนำผู้ปกครองในการดูแลเด็กในชีวิตประจำวันและส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการใช้
ส่วนต่างๆของร่างกายตามความสามารถและศักยภาพอย่างเหมาะสม
การพยาบาล
2.เสี่ยงต่อพัฒนาการช้ากว่าวัย/มีพัฒนาการช้ากว่าวัย เนื่องจากความบกพร่องของระบบประสาท
3.เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากความบกพร้องด้านการเคลื่อนไหว/ระบบประสาท
1.ได้รับสารอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย เนื่องจากปัญหาการรับประทานอาหาร
4.บิดา มารดาหรือผู้ดูแลเด็กขาดความรู้ในการดูแลเด็ก
ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus)
ภาวะที่มีการคั่งของน้ำไขสันหลังในกะโหลกศีรษะ ทำให้เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น
สาเหตุ
1.การสร้างหรือการผลิตน้ำไขสันหลังมากผิดปกติ
2.การอุดกั้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง
3.ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสันหลัง
อาการและอาการแสดง
1.ศีรษะโต/ หัวบาตร (cranium enlargement)
2.เด็กเล็กที่กระหม่อมยังไม่เปิดพบว่ากระหม่อมหน้าโป่งตึงกว่าปกติ(fontanelle bulging )
3.หนังศีรษะบางและมองเห็นหลอดเลือดดำที่บริเวณใบหน้าหรือศรีษะโป่งตึงเห็นชัดมากกว่าปกติ
4.เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก (macewensige Cracked pot sound)
5.อาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูง signs of increase intracranial pressure )
6.ตาทั้ง 2 ข้างกรอกลงข้างล่าง setting -sun sign
7.ตาพล่ามัว เห็นภาพซ้อน(diplopia)
8.รีเฟลกซ์ และ tone ของขา2 ข้าง ไวกว่าปกติ(hyperactive reflex)
9.กลิ่มเนื้ออ่อนแรง
10.พัฒนาการทั่วไปช้ากว่าปกติ(delay developement)
11.การเจริญเติบโตและพัฒนาการช้าสติปัญญาต่ำกว่าปกติหรือปัญญาอ่อน(mental retardation
การวินิจฉัย
การตรวจด้วยการส่องไฟฉาย( transillumination test)
Transillumination test
Ventriculography
CT scan
Ultrasound
Head Circumference
การรักษา
ผ่าตัดรักษาสาเหตุ
ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำไขสันหลัง (Shunt)
Ventriculo-peritoneal Shunt (V-P Shunt)
การให้ยาลดการสร้างน้ำไขสันหลัง (Diamox)
ปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดใส่ Shunt
Obstruction
Infection
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
อาจเกิดแผลกดทับบริเวณศีรษะ
การพยาบาล
จัดให้นอนบนที่นอนนุ่มๆ ใช้หมอนนุ่มรองศีรษะไหล่
เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
รักษาความสะอาดของผิวหนัง
จัดปูที่นอนให้เรียบตึง
ตรวจสอบประเมินการเกิดแผลกดทับสม่ำเสมอ
อาจเกิดภาวะขาดสารน้ำและอาหารเนื่องจากการสำรอกอาเจียนหรือดูดนมได้น้อย
การพยาบาล
ดูแลให้รับนมน้ำครั้งละน้อยๆโดยแบ่งให้บ่อยครั้ง
ขณะให้นมอุ้มท่าศีรษะสูงเสมอ
หลังให้นมจับเรอไล่ลม
อาจเกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูงจากการคั่งของน้ำไขสันหลัง
การพยาบาล
ประเมินอาการความดันในกระโหลกศีรษะสูง
วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวันเวลาเดียวกัน
จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา
การพยาบาลหลังผ่าตัด
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
1.การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
2.การระบายน้ำไขสันหลังเร็วเกินไป (เน้นนอนราบหลังผ่าตัด ใน 24 ชั่วโมงแรก)
ปัญหาและภาวะแทรกซ้อนภายหลังทำผ่าตัดสายระบาย
1.การติดเชื้อของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
2.การทำงานผิดปกติของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
3.การอุดตันของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
ภาวะโพรงสมองตีบแคบ
5.ภาวะเลือดออกในศรีษะเนื่องจากการผ่าตัด
6.เกิดแผลเป็นที่สมอง
Spina bifida
ชนิด
Meningocele
Myelomeningocele
Spina bifida occulta
การวินิจฉัย
มารดามีประวัติติดเชื้อขณะตั้งครรภ์การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
พบ Alphafetoprotien ในน้ำคร่ำสูง
การตรวจร่างกายทารกพบความผิดปกติ
การรักษา
การผ่าตัดเย็บปิดถุงที่ยื่นออกมา
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
อาจมีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะเนื่องจากการคั่งของน้ำปัสสาวะ
การพยาบาล
ทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย
ให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
ทำ Crede’manuever ทุก 2-4 hr
มีกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงจากการกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง
สอนผู้ปกครองในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
สังเกตอาการอ่อนแรงของแขนขา การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
ทำ Passive Exercise ให้ผู้ป่วย
อาจเกิดการติดเชื้อ เนื่องจากถุงน้ำแตก
การพยาบาล
ดูแลถุงน้ำให้ชุ่มชื่น ระวังไม่ให้เกิดแผล
หมั่นตรวจสอบการฉีกขาด รั่ว
ไม่นุ่งผ้าอ้อม
ประเมินการติดเชื้อ
จัดท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
การพยาบาล
ตรวจสอบสัญญาณชีพ อาจทุก 2-4 hr
เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus
วัดเส้นรอบศีรษะทุกวันเพื่อประเมินภาวะHydrocephalus
บริหารแขนขา/ เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
มีโอกาสติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ง่ายจากการปนเปื้อน อุจจาระปัสสาวะ
การพยาบาล
จัดท่านอนตะแคงหรือคว่ำ
ดูแลทำความสะอาดแผล
ดูแลให้ยา Antibiotic / check V/S
ไม่นุ่งผ้าอ้อม
กลุ่มอาการดาวน์
(Down ’s syndrome)
เป็นความผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที่ 21 สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มโรคพันธุกรรมที่ทำให้เกิดปัญญาอ่อน
โอกาสเสี่ยงจะสูงขึ้นถ้ามารดามีอายุมากกว่า 30 ปี และจะสูงขึ้นชัดเจนมากถ้าอายุมากกว่า 35 ปี
อาการและอาการแสดง
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก
หัวแบนกว้าง (brachiocephaly)
คอสั้นและผิวหนังด้านหลังของคอค่อนข้างมากและนิ่ม
หูติดอยู่ต่ำ
brush field spot
ปากอ้าและลิ้นมักจะยื่นออก และมีรอยแตกที่ลิ้น
มือกว้างและสั้น มักจะมี simian crease
นิ้วก้อยโค้งงอ(clinodactyly)
ร่องระหว่างนิ้วโป้งเท้าและนิ้วชี้กว้าง
เส้นลายนิ้วมือมักพบ ulnar loopมากกว่า
ปกติและพบ distal triradius ในฝ่ามือ
ทางเดินอาหารอุดตัน ที่พบบ่อยคือ duodenum stenosis
Hypothyroidism
ร่างกายเจริญเติบโตช้า
Polycythemia
ความผิดปกติเกี่ยวกับตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ตาเข สายตาสั้น
ความผิดปกติเกี่ยวกับหู เช่น ช่องรูหูเล็ก มีปัญหาการได้ยิน
อวัยวะเพศของผู้ชายอาจเล็กกว่าปกติ พัฒนาการทางเพศช้า
หัวใจพิการแต่กำเนิด
การติดเชื้อ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจเกิดง่ายกว่าเด็กทั่วไป
การรักษา
การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตามวัยตั้งแต่อายุยังน้อย(early stimulation)
การรักษาโรคทางกายอื่นๆที่มีร่วมด้วย คือ โรคหัวใจ ระบบทางเดินอาหารอุดกั้น ภาวะฮัยโปไทรอยด์และอื่นๆ
การให้คำปรึกษาแนะนำด้านพันธุกรรม
Guillain Barre ‘s Syndrome
กลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการบวมอักเสบของระบบประสาทส่วนปลายหลายๆเส้นอย่างเฉียบพลัน (Polyradiculoneuropathy) ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการติดเชื้อในร่างกาย
สาเหตุ
เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ
อาการและอาการแสดง
Sensation เริ่มมีอาการเหน็บชา เจ็บ และปวดโดยเฉพาะปลายแขนปลายขา ไหล่ สะโพก และโคนขา
motor กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Flaccid motor paralysis) ทั้งสองข้างสมดุลกัน อาการอัมพาตใน GBS
จะเริ่มต้นที่ขา เดินลำบาก และจะลุกลามขึ้นที่แขนและลำตัวด้านบน
อาการของประสาทสมอง โดยเฉพาะส่วนใบหน้า
อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ การเต้นหัวใจผิดจังหวะ ความดันโลหิตไม่คงที่ หัวใจเต้นช้าหรือเร็ว หน้าแดง
การรักษา
การรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา (Plasma Exchange หรือ Plasmapheresis)
การรักษาด้วย Intravenous Immunglobulin (IVIG)
การรักษาแต่เนิ่นๆ ภายใน2-4 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีอาการครั้งแรกจะสามารถช่วยชีวิตได้เร็วขึ้น
วินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดการหายใจไม่เพียงพอจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน
เสียงต่อการขาดสารอาหารจากไม่สามารถช่วยตนเองจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างสมบูรณ์
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว จากกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้สูญเสียความสามารถในการดูแลตนเอง
พักผ่อนไม่เพียงพอ
ทุกข์ทรมานจากอาการปวดกล้ามเนื้อ
ขาดการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆจากไม่สามารถพูดได้
ผู้ป่วยและญาติกลัว วิตกกังวล ท้อแท้ กับอาการของโรคที่เป็นจากการขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรค
และการปฏิบัติตัวตลอดจนการฟื้นฟูสภาพ
หลักการพยาบาลในระยะเฉียบพลันและต่อเนื่อง
ให้ออกซิเจน
ติดตามประเมินการเคลื่อนไหว กำลังของกล้ามเนื้อ การรับรู้สัมผัส สภาวะของmotor sensory และ cranial nerve
Check vital sign โดยเฉพาะ RR
ดูแลปัญหาการขาดสารอาหาร
สังเกตอาการปวดตามกล้ามเนื้อ
ประคับประคองด้านจิตใจ
นางสาวอรณิชา ไชยเดช 36/2 เลขที่ 58
รหัสนักศึกษา 612001139
อ้างอิง : เอกสารประกอบการเรียนการสอนอาจารย์วิริยาภรณ์ แสนสมรส