Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การพยาบาลทารกแรกเกิด ที่มีภาวะแทรกซ้อน, 25011501-compressor,…
บทที่ 9 การพยาบาลทารกแรกเกิด
ที่มีภาวะแทรกซ้อน
1. ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด
(Birth Asphyxia) และการกู้ชีพ
:<3:
ความหมาย
คือ ภาวะที่ทารกมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำและมี
การคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์และกรดในเลือดมาก
รบกวนต่อระบบการไหลเวียนและสมองของทารก
ทำให้ทารกถึงแก่ชีวิตหรือพิการทางสมองได้
:<3:
สาเหตุ
▪ การไหลเวียนเลือดทางสายสะดือของทารกขัดข้อง
เช่น สายสะดือถูกกด
▪ O2 หรือสารอาหารผ่านรกมายังทารกไม่พอ เช่น มารดา
BP ต่ำ จากยาระงับความรู้สึกที่ฉีดเข้าทางไขสันหลัง,
มารดาเสียเลือดในระหว่างการคลอด, มดลูกกดทับ
aortaและ venacava
▪ ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนทางรก
▪ ปอดของทารกขยายไม่เต็มที่ภายหลังคลอด
▪ การไหลเวียนของเลือดไม่เปลี่ยนเป็นแบบทารกหลังคลอดปกติ
:<3:
การประเมินสภาพ
และการวินิจฉัย
1.การซักประวัติ
Postterm, IUGR, โรคหัวใจ, โรคปอด, ภาวะพร่องออกซิเจน
ในมารดา, PIH, ภาวะความดันโลหิตต่ำ, Tetanic contraction,
รกลอกตัวก่อนกำหนดสายสะดือย้อย สายสะดือพันคอ,
ประวัติการได้รับยาระงับความเจ็บปวดระหว่างคลอด
การตรวจร่างกาย
ประเมิน APGAR score ได้คะแนนต่ำ ตรวจพบ
อาการและอาการแสดงของภาวะขาดออกซิเจน
การตรวจ LAB
ค่า arterial blood gas จะพบว่าค่า PaCO2 สูง,
ค่า PaO2 ต่ำ, ค่า pH และ HCO3 ต่ำ
ค่าระดับของน้ำตาลในเลีอดต่ำกว่า 30 mg%
ค่าระดับ calcium ในเลือดต่ำกว่า 8 mg%
ค่าระดับ potassium ในเลือดสูง
:<3:
อาการและ
อาการแสดง
ทารกจะมีลักษณะเขียวแรกคลอด ไม่หายใจ
ตัวนิ่ม อ่อนปวกเปียก reflex ลดลง หัวใจเต้นช้า
โดยอาการขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะขาดออกซิเจน
การประเมิน APGAR score
น้อยกว่า 8 คะแนน
▪ APGAR score 5 – 7
(mild Asphyxia)
แนวทางการช่วยเหลือ
เช็ดตัวทารกให้แห้ง
clear airway
กระตุ้นการหายใจด้วยลูบหน้าอกหรือหลัง
ออกซิเจนผ่านที่ความชื้นและอุ่นผ่าน mask 5 LPM
▪ APGAR score 3 - 4
(moderate Asphyxia)
แนวทางการช่วยเหลือ
clear airway
ใช้ bag และ mask ให้ออกซิเจนร้อยละ 100
หลังช่วยเหลือ 30 วินาที HRไม่เพิ่มม หรีอเต้นช้ากว่า 60 /min
ควรใส่ท่อ endotracheal tube และนวดหัวใจ
▪ APGAR score 0 - 2
(severe Asphyxia)
แนวทางการช่วยเหลือ
clear airway
ช่วยหายใจทันทีที่คลอด ใส่ endotracheal tube ช่วยหายใจ
ด้วย bag ใช้ออกซิเจนร้อยละ 100 พร้อมกับนวดหัวใจในอัตรา
การนวดหัวใจ : การช่วยหายใจ 3 : 1
:<3:
การกู้ชีพ
ขั้นตอน ABCD
A = (Airway)
B = ( Breathing)
C = (circulation)
D = (drug)
การช่วยเหลือพื้นฐาน
หรือขั้นต้น
เช็ดตัวทารกให้แห้ง วางทารกใต้เครื่องรังสีความร้อน
(Radiant warmer) และห่อตัวให้ทารกด้วยผ้าที่อุ่น
เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง (Clearing the airway)
ดูดเสมหะในปากและจมูก
Tactile stimulation การกระตุ้นทารกควรกระตุ้นโดย
การตีหรือดีดฝ่าเท้า หรือใช้ฝ่ามือลูบที่หลังทารก ทั้งนี้
ไม่ควรใช้เวลานานเกิน 15 – 20 วินาที
Ventilation
การกระตุ้นการหายใจ ควรให้ออกซิเจนทางสายเข้า
face mask แต่ถ้าทารกยังหายใจไม่ดีขึ้นควรให้ positive pressure ventilation (PPV) ด้วยออกซิเจน 100%
Chest compression
ทำเมื่อทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60
ครั้ง/นาที แม้ว่าได้ช่วยเหลือด้วยการให้ออกซิเจน
100 % โดย bag และ mask แล้วประมาณ 30 วินาที
1 Two-finger technique
2 Thumb technique
2. ภาวะสูดสำลักขี้เทาเข้าปอด
(Meconium aspiration syndrome)
:star:
ความหมาย
ภาวะหายใจลำบากที่เกิดจากการที่ทารก
สูดสำลักขี้เทา ซึ่งปนในน้ำคร่ำเข้าทางเดินหายใจ
มักพบในทารกคลอดเกินกำหนดหรือคลอดครบ
กำหนดแต่น้ำหนักตัวน้อย
:star:
สาเหตุ
เกิดจากการขาดออกซิเจนของทารกทำให้
ทารกหายใจเอาขี้เทาที่ตนเองถ่ายไว้เข้าไป
:star:
อาการและอาการแสดง
มักปรากฏใน 2-3 ชั่วโมง เกิดจากขี้เทาเข้าไป
อุดหลอดลม ทำให้การแลกเปลี่ยนกาซผิดปกติ
มีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจลำบาก
มีการดึงรั้งของช่องซี่โครง (retraction) อาการเขียว
อกโป่ง (barrel chest) เสียงปอดผิดปกติจะได้ยิน
เสียง crepitation และ rhonchi อาจพบมีขี้เทาติดตาม
เล็บ ผิวหนังและสายสะดือ ทำให้สายสะดือมีสีเหลือง
(yellowish staining)
:star:
ปัญหาจากการสูดสำลักขี้เทา
ขี้เทาเข้าไปอุดในท่อทางเดินหายใจและถุงลม ทำให้ทารกขาดออกซิเจน
และอาจมีถุงลมฉีกขาดเกิดลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดได้ (air leak syndrome)
และทำให้ถุงลมโป่งและแตก (pneumothorax)
ขี้เทาทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุในปอด ทำให้เกิดปอดอักเสบ
(chemical inflammation)
ขี้เทายับยั้งการทำงานของสารลดแรงตึงผิว ทำให้ปอดแฟบ (Atelectasis)
:star:
แนวทางการรักษา
ดูดขี้เทาและน้ำคร่ำออกจากปากและจมูกของทารก
ให้มากที่สุดก่อนทารกหายใจ
หากมีขี้เทาในน้ำคร่ำประกอบกับทารกหายใจช้า
ความตึงของกล้ามเนื้อไม่ดี และ HR < 100 ครั้งต่อนาที
พิจารณาใส่ETT เพื่อดูดขี้เทาออก
ภายหลังการดูดขี้เทาในหลอดลม ควรใส่สายยาง
ดูดขี้เทาจากกระเพาะอาหารด้วย
ในรายที่มี asphyxia โดยทำการดูดขี้เทาก่อนช่วย
ด้วยแรงดันบวกและดูดออกให้มากที่สุด
งดอาหารและน้ำทางปาก ดูแลให้ 10% Dextros in water
ทางหลอดเลือดดำ
ตรวจ arterial blood gas เพื่อประเมินภาวะความเป็นกรดของเลือด
ให้ ATB เพื่อกำจัดเชื้อที่ปนเข้าไปกับขี้เทา
:star:
บทบาทการพยาบาล
จัดให้ทารกนอนตะแคงศีรษะต่ำเล็กน้อยหรือตะแคง
ไปด้านใดด้านหนึ่ง
ให้ลูกสูบยางแดงหรือสาย suction ขนาดเล็ก
ดูดขี้เทาและน้ำคร่ำจนกว่าจะหมด
กระตุ้นให้ร้องและดูแลให้ออกซิเจน
รักษาร่างกายทารกให้อบอุ่น โดยจัดให้นอนใน
radiant warmer ที่ T 36.5 - 37 ํc
สังเกตอาการผิดปกติโดยเฉพาะการหายใจ มากกว่า
60 ครั้งต่อนาที ให้รายงานแพทย์
บอกถึงอาการและความก้าวหน้าของการรักษาพยาบาล
ทารกให้มารดาและบิดาทราบ