Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

พยาธิสภาพการตาย, นางสาวนาซีบะห์ มะลียุ รหัสนักศึกษา6260401028…

- - - - การตายตามธรรมชาติ – การหยุดท างานของระบบร่างกาย 3 ระบบ ได้แก่ แกนสมอง ของระบบประสาทกลาง ระบบไหลเวียนเลือด (หัวใจหยุดเต้น) และระบบ หายใจ (หยุดหายใจ)
      - การตายผิดธรรมชาติ • ฆ่าตัวตาย • ถูกฆ่าตาย • ถูกสัตว์ท าร้าย •อุบัติเหตุ • ตายโดยไม่ปรากฏเหตุ
      - การตายโดยผลของกฎหมาย : การหายสาบสูญ – บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคน”สาบสูญ” โดยมากคนๆนั้น ต้องสูญหายไป โดยไม่มีผู้ใดพบเห็นอย่างน้อย 5 ปี และญาติท าการร้องขอต่อศาล ให้ศาล สั่งให้เป็นคนสาบสูญ ซึ่งมีสภาพเท่ากับคนที่ตายไปแล้ว
  - - - Clinical Death ▫ การทำงานล้มเหลวและไม่สามารถกลับคืนมาได้ของระบบสมอง การหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิต หลังจากการพยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีต่างๆ
      - Brain Death ▫ การถูกทำลายแกนสมอง (Brain stem) โดยไม่สามารถกลับมาทำงานได้อีก
      - Other terms of death
        
        การตายทั่วร่างกายหรือสิ้นชีวิต (Somatic death)  การที่หัวใจ และการหายใจหยุดทำงานอย่างต่อเนื่องจนไปสู่การตายของเซลล์ร่างกายทั้งหมด จากการขาดออกซิเจน --> อวัยวะที่สำคัญของร่างกายหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง
        
        ▫ Cellular death  การตายของเซลล์ที่เกิดขึ้นแม้ร่างกายมีชีวิต ในทางกลับกันเมื่อร่างกายตาย อวัยวะหยุดทำงาน --> เซลล์ขาดออกซิเจน --> เกิดการตายของเซลล์ --> แต่การตายของเซลล์จะตายไม่พร้อมกัน เนื่องจากความทนต่อการขาดออกซิเจน ของเซลล์ต่างกัน
        
        Persistent Vegetative State (PVS)
        
        กรณีการตายที่ก้านสมอง ไม่ตาย ตายแค่เปลือกสมอง ผู้ป่วยยังหายใจได้เอง ลืมตาได้ ไม่รู้ตัวพูดไม่ได้ กรอกตาไปมาได้ มีปฏิกิริยาต่อแสงแต่ผู้ป่วยไม่รับรู้อะไร
        
        อาจเกิดจากการที่เปลือกสมองขาดออกซิเจนชั่วคราว และเวลาที่ขาดออกซิเจนไม่นานพอที่จะทำให้สมองตาย เช่น ขณะดมยาสลบ หรือได้รับบาดเจ็บ
        
        ภาวะนี้อาจคงอยู่เป็นปี ถ้าได้รับการดูแลที่ดี ดังนั้นไม่ถือว่าสมองตาย เนื่องจากก้านสมองยังอยู่
  - - - ผู้ป่วยต้องไม่รู้สึกตัว (deeply comatose) โดยจะต้องแน่ใจว่าเหตุของการไม่รู้สึกตัวนี้ ไม่ได้เกิดจาก พิษยา สภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำ สภาวะผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ และเมตาโบลิก สภาวะ Shock
      - ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวนั้นอยู่ในเครื่องช่วยหายใจ (Comatose patient on ventilator) เนื่องจากไม่หายใจ โดยจะต้องแน่ใจว่าเหตุของการไม่หายใจ ไม่ได้ เกิดจากยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle relaxants) หรือยาอื่น ๆ
      - จะต้องมีข้อวินิจฉัยถึงสาเหตุของการไม่รู้สึกตัวและไม่หายใจในผู้ป่วยนั้น โดยที่ให้รู้แน่ชัดโดยปราศจากข้อสงสัยเลยว่าสภาวะของผู้ป่วยนี้เกิดขึ้นจากการที่ สมองเสียหายโดยไม่มีหนทางเยียวยาได้อีกแล้ว
      - ถ้าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะครบตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว จะต้องทำการตรวจสอบเพื่อยืนยันสมองตาย คือ
        
        4.1 ต้องไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ได้เอง
        
        4.2 ต้องไม่มีรีเฟลกซ์ของแกนสมอง
        
        4.3 ไม่สามารถหายใจได้เอง
        
        4.4 สภาวะการตรวจพบในข้อ 4.1, 4.2 และ 4.3 นี้ จะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลา อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- - - - การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อลายที่เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงเช่น บีบหรือเคาะ จะเกิดการหดเกร็ง
    - - การตกตะกอนของเลือดตามแรงโน้มถ่วงของโลกสู่บริเวณที่ต่ำกว่า
      - เริ่มเกิดเมื่อการไหลเวียนเลือดหยุดทำงาน
      - เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะตกลงสู่เบื้องต่ำเนื่องมาจากแรงโน้มถ่วง
      - เริ่มปรากฏให้เห็นที่ผิวหนังเป็นสีม่วงแดง
      - โดยจะมีลักษณะเป็นจ้ำ ๆ ขนาดแตกต่างกัน ต่อมาจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วในที่สุดจะรวมตัวกันเป็นปื้น
      - ลักษณะตำแหน่งที่เกิดจะขึ้นกับท่าทางของศพขณะตาย
    - - • เป็นการแข็งตัวของกล้ามเนื้อ
      - • หลังการเสียชีวิต กล้ามเนื้อลายทุกมัดจะอ่อนตัวจากระบบประสาทส่วนกลางเสียต่อมาจะเริ่มแข็งตัว
      - • ต่อมาก็จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนตัวอีกครั้ง Rigor Mortis จะชัดคงอยู่ประมาณ 16-24 ชม. จึงหาย ร่างกายจะเน่า
      - • หาก Rigor Mortis ถูกท าลายขณะที่แข็งตัวไม่สมบูรณ์ จะไม่กลับมาแข็งอีก
      - • ช่วยบอกได้ว่าตายท่าใด ถูกเคลื่อนย้ายหรือไม่
      - • จะเกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายในอัตราที่เท่ากัน
      - • แต่จะเกิดขึ้นสมบูรณ์ในกล้ามเนื้อมัดเล็กก่อนกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และข้อเล็ก ก่อนข้อใหญ่
      - • ใบหน้า ขากรรไกร คอ ข้อมือ แขน หลัง ขา จะหมดไปก่อนหลังเรียงตามลำดับที่เกิด
      - • น้ำอสุจิที่ปลาย หรือรอบอวัยวะเพศชาย
      - • ม่านตาขยายไม่เท่ากัน
      - • การแข็งเกร็งของหัวใจ ที่เรียกว่า “Stone heart”
      - • การเกิดลักษณะขนลุกที่ผิวหนัง มีชื่อเรียกว่า “cutis anserina” หรือ “goose skin flesh
    - - • เป็นการลดลงของอุณหภูมิของร่างกาย 1 o C : 1 hr. อุณภูมิแกน (Inner core) > อุณภูมิภายนอก (Periphery)
      - • Many factors affected
  - - - Autolysis: เซลล์เสื่อมสลายลง ปล่อย enzyme ออกมาย่อยสลายเนื้อเยื่อ
      - Putrefaction: การเน่าเปื่อยจากแบคทีเรีย
      - ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเน่า
        
        อุณหภูมิและความชื้นของสภาพแวดล้อม
        
        การสัมผัสต่อสิ่งแวดล้อม
        
        ภาวะของสุขภาพ
        
        การกัดกินศพของตัวอ่อนแมลงและสัตว์กินเนื้อ
    - - Mummification
        
        ผิวหนังของศพจะแห้งติดกระดูกดูคล้ายลักษณะทางเท้า และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเกิดในสภาวะแวดล้อมที่ร้อนแห้ง และมีอากาศถ่ายเทได้ดีใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน
      - Adipocere
        
        – การย่อยสลาย (Hydrolysis)
        
        – ขี้ผึ้ง (Wax) การที่ไขมันของร่างกายกลายสภาพเป็นลักษณะคล้ายขี้ผึ้งโดยผ่านขบวนการทางเคมี จะมีลักษณะสีขาวหรือเหลืองขุ่น และเปราะมีกลิ่นเหม็นหืนที่เป็นลักษณะเฉพาะจะเกิดเมื่ออยู่ในสภาพภูมิอากาศที่เย็นและชื้น มักจะพบที่ส่วนโหนกแก้มหน้าอกและก้น ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
    - - • ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง
    - - เป็นตัวบ่งชี้ระยะเวลา ระหว่างเวลาที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับเวลาที่ตาย
    - - Na ลดลง 1 mEq/L/hr.
        – ไม่มีประโยชน์เนื่องจากไม่ทราบระดับ Na ก่อนเสียชีวิต