Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เศรษฐศาสตร์ บทที่ 4/6/7 - Coggle Diagram
เศรษฐศาสตร์ บทที่ 4/6/7
การบริการสุขภาพเชิงธุรกิจ
ผลิตภัณฑ์
หมายถึง สินค้าซึ่งเป็นสิ่งที่มองเห็น และจับต้องได้ หรืออาจเป็นบริการที่จับต้องไม่ได้แต่รับรู้ได้ สามารถตอบสนองความพอใจของผู้บริโภค
การแบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์ (Product Classifications)
" ผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม (industrial Product) ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ขายให้กับผู้ซื้อที่เป็นอุตสาหกรรม แล้วนำมาประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเองออกขาย
" ผลิตภัณฑ์เพื่ออุปโภค บริโภค (Customer Product)
" ผลิตภัณฑ์ที่ขายให้กับผู้บริโภคทั่วไปเพื่อบริโภคเอง
" ผลิตภัณฑ์ที่ที่เป็นบริการ Service Product หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นการบริการอย่างแท้จริงโดยสิ่งที่ขายไม่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าใดๆ
" เช่นกิจการธนาคาร. กิจการโรงแรม" กิจการโรงพยาบาล
ธุรกิจด้านสุขภาพ
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพโดยบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลและจากหน่วยบริการสุขภาพอื่น ๆโดยครอบคลุมถึงกิจกรรมการดูและสุขภาพ ตลอดจนการจัดหาที่พักสำหรับการดูแลสุขภาพ การสังคมสงเคราะห์โดยไม่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์
ใครคือลูกค้าในบริการสุขภาพ
ผู้ป่วย (Patients)
ผู้บริโภค(Consumer)
ลูกค้า (Customer)
คุณลักษณะของบริการสุขภาพ
ความไม่มีตัวตนที่สัมผัสได้ (Intangibility)
ความไม่สมารถแยกการให้และการรับบริการได้(Inseparabillty)
ความแปรปรวนของการให้บริการ (Varlabllity)
ความไม่สำมารถรอได้ (Prelshabltty)
สินค้าสาธารณะ (Public goods)
สินค้าที่สมาชิกในสังคมนั้นๆ เป็นเจ้าของร่วมกัน
สินค้านั้นไม่สมารถถูกกีดกันจากการบริโภคได้(Nonexcludability)
สินค้าที่ทุกคนจะได้รับการบริโภคในจำนวนเท่าๆกัน (Non-rivalry)
การบริโภคของบุคคลหนึ่งไม่ทำให้ผู้บริโภคอื่นได้บริโภคสินค้าชนิดนั้นน้อยลง
การบริการ (Service) คือ อะไร"Service is a result of a process oran activity "
งานบริการ/การบริการ คือ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการหรือกิจกรรม
"องค์กรบวิการ" คือ อย่างไร
องค์กรใด ๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ
ㆍให้บริการแก่ลูกค้าเป็นหลักใหญ่
ㆍรายได้ส่วนใหญ่ มาจากค่าบริการ/ค่าธรรมเนียม
ㆍต้องมีลูกค้ามาสัมผัสโดยตรง กับกิจกรรมงานบริการ
สามระดับ แห่ง ความพึงพอใจของลูกค้า
ㆍ พึงพอใจ เมื่อ บริการได้ เท่ากับ ความต้องการ
ㆍ ประทับใจ เมื่อ บริการได้ถึง ความคาดหวัง
ㆍ ตื้นตันใจ /ปีติ เมื่อ บริการได้ เกิน ความคาดหวัง
ไม่พึงพอใจ ประมาณ 5 % จะร้องเรียน
พึงพอใจ เขาจะกลับมาใช้บริการอีก
ประทับใจ เขาจะช่วยบอกต่อ
ตื้นตันใจ เขาจะเป็นพวกและช่วยปกป้อง
วิธีการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า
ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ
ใช้การสัมภาษณ์ โดยตรง
ใช้การสังเกต การเฝ้าติดตามกระบวนการให้บริการ
ใช้การประเมินทางอ้อมแบบต่าง ๆ เช่น การจ้างบริษัทรับทำโพล ฯลฯ
ลูกค้า
ลูกค้าภายนอก External Customer
บุคคลที่มารับ หรือ ใช้บริการ จากองค์กรบริการตามเงื่อนไขภารกิจที่กำหนด
ลูกค้าภายใน ( Internal Customer )
ลูกค้าภายใน คือ บุคคลในองค์กรเดียวกันที่มารับ หรือใช้บริการ จากหน่วยงานภายในองค์กรตามความเกี่ยวเนื่องกันในกระบวนการหมายถึง หน่วยงานถัดไป
"ทฤษฎีสามไอ" เกี่ยวกับจ้าหน้าที่/พนักงาน
Innocence = ความไม่รู้
Ignorance = ความละเลย
Intention = ความจงใจ
STAFF ที่ดี ต้องมีครบทั้ง 4 ปัจจัย "KASH"
K -.Knowledgeable มีความรู้ความเข้าใจที่ดีในงานของตน
A-Good Attitude มีทัศนคติที่ดีกับงาน
S - Skillful มีทักษะในการปฏิบัติงานบริการ
H -- God Habitมีพฤตินิสัยที่ดี
ลักษณะเด่นของเจ้าหน้าที่ในดวงใจ
S mile - ยิ้มแย้มแจ่มใส
E arly - ตอบสองฉับไว
R espectfบl - ให้ความนับถือ
Y oluntary mlnd - อาสาด้วยใจ
I mage enhancing – ไม่หลู่ภาพลักษณ์C ourtesy manner - กิริยาวาจาสุภาพ
E nthuslasm - กระตือรือร้นเสมอ
ความแตกต่างระหว่างตลาดการตลาด และการขายตลาด
ตลาด//สถานที่ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
การตลาด// (มุ่งเน้นที่ตัวผู้ซื้อ)กิจกรรมที่ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ จนกลายเป็นความต้องการสินค้าและบริการ
การขาย (มุ่งเน้นที่ตัวผู้ขาย)การกระทำเพื่อให้ลุกค้าซื้อสินค้าและบริการ
ความสำคัญของการตลาด
เศรษฐกิจของประเทศ
ผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัว
. ปัจจัยเร่งพัฒนาสินค้าและบริการ
เกิดการกระจายรายได้และการจ้างงาน
องค์ธุรกิจ
. เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือ
ㆍ การสร้างผลกำไร
ผู้บริโภค
ㆍ เกิดการเลือกสรรสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ
.ทำให้เกิดการต่อรองสินค้าและบริการ
ㆍ เกิดการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค
การตลาด (Marketing) คืออะไร
การตลาดคือการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
(Satisfying Customer Needs)
กระบวนการทางสังคมและการจัดการที่ทำให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้วับสิ่งที่ตอบสนองความจำเป็น (needs) และความต้องการ (wants) โคยอาศัยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและนำไปแลกเปลี่ยนกับบุคคลอื่น
แนวความคิดหลักทางการตลาด(Core MarketingConcepte)
ความจำเป็น (Needs)
ความต้องการ (Wants)
อุปสงค์ (Demands)
การแลกเปลี่ยน (Exchange)
การติดต่อธุรกิจ (Transactions)
ความส้มพันธ์ (Relationships)
ผลิตภัณฑ์ (Products)
คุณค่า (Value)
ความพึงพอใจ (Satisfaction)
คุณภาพ (Quality)
การจัดการด้านการตลาด
(Marketing Management)
หมายถึง การวิเคราะห์ การวางแผน การปฏิบัติงาน และการควบคุมการดำเนินงานที่ถูกออกแบบเพื่อร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ และรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมาย
ㆍการจัดการอุปสงค์ (Demand Management)
Increasing Demand
Decreasing Demand -- "Demarketing"
การจัดการความสัมพันธ์ (Relationship Management)
แนวความคิดมุ่งการผลิต
เป็นแนวความคิดในยุคแรก ๆㆍ ใช้ได้ดีเมื่อ Demand > Supplyเน้นการปรับปรุงคุณภาพการผลิตให้ตันทุนต่ำลง เพื่อขายสินค้าในราคาต่ำกว่าคู่แข่งพัฒนาการจัดจำหน่ายให้มี
แนวความคิดมุ่งผลิตภัณฑ์
ผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อคุณภาพสมรรถนะ นวัตกรรม มากกว่าราคาㆍ ผู้ผลิตเน้นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นระวัง "MarketingMyopla"(การมพัฒนาแต่ผลิตภัณฑ์จนลืมคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค)
แนวความคิดมุ่งการขาย
ต้องมีการกระตุ้นการขายด้วยวิธีการต่างๆเช่น ลด แลก แจก แถม เพื่อให้ซื้อมากขึ้นปัจจุบันใช้กับสิ้นค้าที่ขายยากหรือสินค้าที่ไม่อยู่ในความคิดที่จะซื้อ(Unsought Goods)ต้องระวังเรื่องความพอใจหลังการซื้อ(Post-purchase Satisfaction)
แนวความคิดมุ่งการตลาดยืดหลัก 3 ประการ
มุ่งเน้นลูกค้า-การตลาดแบบบูรณาการ(IntegratedMarketing)- แสวงหากำไรจากความพึงพอใจของลูกค้า
แนวความคิดการตลาดเพื่อสังคม
ㆍ หลักการพื้นฐานเหมือแนวความคิดมุ่งการตลาด
ㆍมีข้อควรพิจารณา 3 ประการ
Society(Human Welfare)
Consumers(Satisfaction)
Company(Profits)
ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix: 4'Ps)
เป็นหัวใจสำคัญของการบวิหารการตลาดการจะทำให้การคำเนินงานของกิจการประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงความส้มพันธ์ที่เหมาะสมของส่วนประสมทางการตลาดนี้ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดเป้หมายให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดส่วนประสมทางการตลาด
ผลิตภัณฑ์(Product)
ราคา(Price)
ช่องทางการจัดจำหน่าย(Place)
การส่งเสริมการตลาด (Promotion)
แนวความคิดการตลาดสมัยใหม่
ความสำเร็จของธุรกิจขึ้นอยู่กับการทำความรู้จักกันลูกค้าและการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จขอธุรกิจ
ก่อให้เกิดการซื้อซ้ำ (Repeat Purchasing)
ก่อให้เกิดความภักดีในตรายี่ห้อ (Brand Loyalty)
เกิดการบอกต่อ (Viral Marketing)
ลักษณะงานการตลาดประกอบด้วยเงื่อนไข 4 ประการ
ㆍสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า Customer Satisfaction
สร้างกำไรให้กับทุกกลุ่มCustomer Profitability
สร้างกำไรทางการตลาดMarketing Profitability
ㆍสร้างลูกค้าCreate Customer
รูปแบบการบริการทางสุขภาพ
งานบริการพยาบาลที่ได้ต้องมีคุณภาพ ได้ผลผลิตสูง (Standard &high productivities)
งานบริการสุขภาพต้องพัฒนาระบบบริการโดยใช้เทคโนโลยีสูง (HighTechnology)
บริหารจัดการโดยใช้แนวคิดชิงธุรกิจและเศรษรศาสตว์ร่วมกัน(Low cost & High Profit)
มุ่งเป้าหมายที่ผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ(Customer Focus)
ผลลัพธ์ทางสุขภาพและต้นทุน
EFFICACY ดีจริงหรือไม่
EFFECTIVENESS ได้ผลในทางปฏิบัติหรือไม่
EFFICIENCY คุ้มกับต้นทุนหรือไม่
EQUITY เป็นธรรมหรือไม่
ประสิทธิภาพ (Efficiency)
ไม่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
"ประสิทธิภาพเชิงเทคนิค (Technicalefficiency)"
สร้างผลผลิตโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด
"ความคุ้มค่า(Cost effectiveness)"
สร้างผลผลิตตามชนิดและปริมาณที่คนทั้งหลายให้คุณค่าสูงที่สุด
"ประสิทธิภาพในการจัดสรร (Allocativeefficiency)"
ผลลัพธ์ทางสุขภาพในการประเมินทางเศรษฐศาสตร์
Outcomes in economic evaluation
ㆍการประเมินทางเศรษฐศาสตร์เป็น
การประเมินระหว่าง ต้นทุน (costs)และ ผลลัพธ์ (benefits)
การวัดผลทางสุขภาพมีความสำคัญในการประเมินทางเศรษฐศาสตร์
ㆍอะไรถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีของการวัดผลทางสุขภาพ?
Measuring health
การวัดผลลัพธ์สุขภาพสามารถรถวัดได้หลากหลาย โดยเน้นการวัดที่ดูการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพเช่น Blood pressure, Glucoselevel, White blood cell
Valuing health
การให้ค่าสุขภาพ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยวิธีการหาอัตรา "Rate"ให้น้ำหนัก "Weight" โดยผลลัพธ์สุขภาพถูกระบุโดยการให้ค่าความพึงพอใจ Preferences ในขณะที่อยู่ในสภาวะสุขภาพนั้นๆ
ประเภทของผลลัพธ์ทางคลินิก (Clinical outcome type)
•ผลลัพธ์ที่เป็นตัวแทน หรือ ผลลัพธ์ระยะกลาง (Surrogate outcomesor Intermediateoutcomes) มีการกำหนดผลลัพธ์ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนผลลัพธ์สุขภาพㆍค่าที่ได้จากห้องปฏิบัติการ (Laboratory)
ㆍค่าสัญญาณทางกายภาพ (Physical sign)
ㆍผลลัพธ์สุดท้าย (Final outcomes) ผลลัพธ์ทางสุขภาพขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีความสำคัญกับผู้ป่วย
ㆍความรู้สึก (Feeling)
ㆍการปฏิบัติหน้าที่ (Function)
ㆍการรอดชีวิต (Survival)
ข้อดีและข้อเสียของผลลัพธ์ทางสภาวะสุขภาพ
ผลที่เป็นตัวแทนIntermediate outcomes
ㆍ ข้อดี
ㆍ มีค่าที่ชัดเจน
ㆍ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น
ㆍ สามารถวัดถึงค่าใช้ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น
ㆍข้อเสีย
ㆍ ไม่ได้บ่งชี้ถึงผลลัพธ์สุดท้าย
ㆍ อาจส่งผลที่คลาดเคลื่อนในด้านนโยบาย
ผลสุดท้ายFinal outcomes
ข้อดี
ㆍ เป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์สุดท้าย
ㆍ ครอบคลุมผลการรักษา
ㆍมีความชัดเจนด้านนโยบาย
ㆍข้อเสีย
ㆍ อาจจะนานเกินไปในการเฝ้าติดตามผู้ป่วย
ㆍค่าใช้จ่ายสูง
ต้นทุนทางด้านสุขภาพ(Health care cost)
ㆍ มุมมองต้นทุน
ㆍ ประเภทของต้นทุน (Cost classification)
ㆍ ประเภทของการศึกษาต้นทุน (Unit cost analysis type)
ㆍประโยชน์ของการศึกษาต้นทุน
ประเภทของต้นทุน (Cost classification)
ต้นทุนที่จับต้องได้ (Tangible costs)
ต้นทุ่นที่จับต้องไม่ได้ (Intangible costs)
ต้นทุนทางการแพทย์ (Medical costs) vs.
ต้นทุนส่วนที่ไม่ใช่การแพทย์ (Non-medical costs)
ต้นทุนค่าลงทุน (Capital costs) vs.
ต้นทุนดำเนินการ (Operational [Recurrent] costs)
ต้นทุนทางตรง (Direct costs)
ต้นทุนทางอ้อม (Indirect costs)
ต้นทุนแยกตามพฤติกรรมของต้นทุน
ต้นทุนคงที่ (Fixed cost: FC)
ต้นทุนผันแปร (Variable cost:VC)
ต้นทุนรวม (Total cost: TC หรือ Full cost)
ต้นทุนเฉลี่ย (Average cost)= ต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost)
1: Cost Centre Approach
ใช้ระบบบัญชีแบบดั้งเดิม (Traditionalcostaccountingmethod)
มีความเรียบง่าย ความเที่ยงตรง และตรวจสอบได้ง่าย
2: Activity Approach
ระบบต้นทุนฐานกิจกรรม (Activity-Based Costing) หรือระบบ ABC เป็นเครื่องมือในการบริหารงานในลักษณะการบริหารงานฐานคุณค่า (Value-BasedManagement) ซึ่งเชื่อมโยงการบริหารระดับองค์กรลงสู่ระบบการปฏิบัติงานประจำวัน โดยพิจารณาหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานตลอดทั้งกิจการ(Cross-Functional) ในลักษณะที่มองกิจกรรมต่าง ๆㆍจุดมุ่งหมายให้ผู้บริหารหันมาให้ความสนใจกับการบริหารกิจกรรมและ
ดันทุนที่เกี่ยวข้อง
ㆍมีการบริหารโดยแบ่งออกเป็นกิจกรรมต่าง ๆ และถือว่ากิจกรรมเป็นสิ่งที่ทำ
ให้เกิดต้นทุน ส่วนผลิตภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ใช้กิจกรรมต่าง ๆ อีกทีหนึ่ง
วงจรการผลิตและการบริโภคด้านสุขภาพ
ปัจจัยนำเข้าการผลิตบริการสุขภาพ
ㆍต้นทุนที่ไม่ได้อยู่ในรูปตัวเงิน (คน อุปกรณ์ วิธีการ)
ㆍต้นทุนที่อยู่ในรูปของตัวเงิน (งบประมาณด้านการจัดบริการสุขภาพ)
ขั้นตอนในการศึกษาดันทุน: Cost Centre Approach
จัดแบ่งหน่วยงานออกเป็นหน่วยงานต้นทุน
(Cost Centre Identification & Grouping)
หาต้นทุนรวมโดยตรงของเต่ละหน่วยงาน
(Direct Cost Determination)
หาวิธีกระจายต้นทุนที่เหมาะสม
(Allocation criteria)
หาต้นทุนรวมทั้งหมด
(Full Cost Determination)
หาต้นทุนต่อหน่วย(Unit Cost)
ขั้นตอนในการศึกษาต้นทุน: Cost Centre Approach
วิเคราะห์และระบุหน่วยกิจกรรม
(Determine activity analysis unit)
หาต้นทุนรวมโดยตรงของแต่ละหน่วยงาน
(Direct Cost Determination)
หาวิธีกระจายดันทุนที่เหมาะสม
(Allocation criteria)
หาค้นทุนรวมทั้งหมดของแต่ละกิจกรรม
(Full Activity Cost Determination)
หาต้นทุนต่อหน่วยกิจกรรม
(Activity unit Cost)
การคำนวณต้นทุนทางลัด
เก็บรวบรวมข้อมูลรายจ่ายทุกหมวดตลอดปี
ค่าแรง: ค่าแรงที่ควบคุมได้ ค่าแรงที่ควบคุมไม่ได้
คำวัสดุ: คำวัสดุสิ้นเปลือง คำเวชภัณฑ์ คำสาธารณูปโภค ค่าใช้สอย ค่าซ่อมแซม
ค่าครุภัณฑ์: ค่าเสื่อมราคาครุภัณฑ์ ค่าเสื่อมราคาสิ่งก่อสร้าง
ข้อมูลผลงานการให้บริการ: จำนวนผู้รับบริการ แต่ละแผนก
ประโยชน์ของการศึกษาข้อมูลต้นทุน
" ทำให้มีข้อมูลและสามารถนำเสนอค่าใช้จ่ายตามหมวด และมิติต่างๆได้อย่ารวดเร็ว" ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพ จากการเปรียบเทียบต้นทุนกับผลลัพธ์ที่จะได้" ใช้คำนวณอัตราคืนทุน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางนโยบายว่า กิจกรรมใด ควรมีอัตราคืนทุนเท่าไรจึงจะเหมาะสม ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้บริหาร
ระบบสุขภาพกับเศรษฐศาสตร์สุขภาพ
สาธรณสุข (Health)
สาธารณสุขศาสตร์ "ศาสตร์และศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและจัดการสุขภาพ
ทั้งปวงของชุมชนโดยอิงตามการวิเคราะห์ด้านสุขภาพของประชากร "
สภาพของการมีชีวิตทางกายภาพ ทางจิตใจและทางสังคมที่สมบูรณ์ ไม่ใช้เพียงไม่มีโรคภัยหรือความเจ็บป่วยทางกายท่านั้น"
ระบบสุขภาพ (Health care system)
ระบบสุขภาพ หมายถึง ระบบการจัดการสุขภาพทั้งมวล ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และปัจจัย ที่เกี่ยวกับสุขภาพได้แก่ ปัจจัยด้านบุคคล สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ชีวภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา กฎหมาย ศาสนา วัฒนธรรมประเพณี วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้นรวมทั้งปัจจัยค้นระบบบริการสุขภาพด้วย
ระบบบริการสุขภาพ ( Type of health care system)
สุขภาพแบ่งเป็น 4 ประเภท
ระบบสุขภาพแบบสังคมนิยม รัฐเข้าไปจัดการสุขภาพอย่างสิ้นเชิง และไม่อนุญาตให้มีกลไกการตลาดใดๆ ประชาชนทุกคนได้รับบริการจากรัฐ
ระบบสุขภาพแบบสวัสดิการ เป็นระบบบริการสาธารณสุข ที่รัฐได้เข้ามา
แทรกแซง กลไกการตลาดในการจัดบริการสุขภาพหลายๆ ทาง เช่น ด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือบริการอื่นเช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม รัฐมีส่วนรับผิดชอบเรื่องสุขภาพของประชาชน
ระบบสุขภาพแบบครอบคลุมและเท่าเทียมกัน รัฐได้มีบทบาทในระบบบริการสุขภาพมาก เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพอย่างครอบคลุม ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจของประเทศ ประชาชนสามารถรับบริการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย
ตัวเอง
ระบบสุขภาพแบบเสรีนิยม มีการจัดบริการสุขภาพในรูปแบบเอกชนที่แข่งขันภายใต้ตลาดเสรี รัฐมีส่วนเข้าไปแทรกแซงกลไกการตลาดน้อย หน่วยบริการส่วนใหญ่เป็นเอกชน เป็นความรับผิดชอบของบุคคลที่จะดูแลตัวเอง
ㆍรัฐรักษาระดับมาตรฐานการครองชีพขั้นต่ำของประชาชน
ㆍจัดหาสาธารณูปโภคให้แก่ประชาชน และ รักษากฎหมาย
การเข้าถึงบริการ(Accessibility)
ความเพียงพอของบริการที่มีอยู่ (Availability) ความสัมพันธ์ระหว่างบริการที่มีอยู่ กับ ชนิดของผู้ใช้บริการ
การเข้าถึงแหล่งบริการ (Accessibility) ความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่ตั้ของแหล่งบริการ กับ ความสามรถที่ผู้บริการจะไปถึงแหล่ง
ความสะดวกและสิ่งอำนวยความสะดวกของแหล่งบริการ(Accommodation)ความสัมพันธ์ของแหล่งบริการ กับ การยอมรับของผู้ใช้บริการว่าสะดวก
ความสามารถในการจ่าย (Affordability) ความสัมพันธ์ของค่าใช้จ่ายของบริการกับ รายได้ของผู้รับบริการ
การยอมรับคุณภาพ (Acceptability) ความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติของผู้รับบริการกับ ผู้ใช้บริการ
การผลิตสินค้าและบริการสาธารณสุขโดยภาครัฐ
การผลิตสินค้าและบริการสุขภาพโดยภาครัฐ มีจุดหมายหลักไม่ใช่การแสวงหากำไรสูงสุด แต่เพื่อการกระจายบริการให้ทั่วถึงที่สุด และเพื่อยกระดับสถานะสุขภาพอนามัยของประชาชนให้ได้ผลสูงสุดㆍ นโยบายการคลัง มีกากำหนดนโยบายที่สนองและสอดคล้องกับปัญหา
สุขภาพ และจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายหลักกระจายบริการให้ทั่วถึงที่สุด ครอบคลุมถึงการจัดให้มีบริการในที่ต่างๆ อย่างทั่วถึงยกระดับสุขภาพอนามัยของประชาชน
บทบาทเจ้าหน้าที่กับเศรษฐศาสตร์สารารณสุขเพื่อการจัดบริการสุขภาพ
มีทักษะด้านการบริหารจัดการโดยเฉพาะการบริหารต้นทุนในสถาน
เข้าใจพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพทั้งทางด้านอุปสงค์และอุปทานสุขภาพ
กำหนดอัตราค่าบริการ
บริการสุขภาพกำหนดการผลิตบริการสุขภาพㆍ ช่วยในการจัดการด้านกำลังคนด้านสุขภาพ (อุปทานของบริการทางการแพทย์)ทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคทางด้านสาธารณสุข ในการตัดสินใจในการเลือกรับบริการรักษา บริโภคยา หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ㆍ ใช้ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์เพื่อใช้ในการเลือกดูแลสุขภาพการวิเคราะห์ความน่าจะเป็น (Probability)การวิเคราะห์การตัดสินใจ (Decision-making Analysis)ㆍให้เข้าใจแผนงบประมาณและนำมากำหนดนโยบายสุขภาพ (การจัดสรรและ
การกระจาย)
ประเภทการศึกษาเศรษฐศาสตร์ในระบบสุขภาพ
เศรษฐศาสตร์สุขภาพระดับมหาภาค (Macroeconomic study) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับระบบสุขภาพโดยรวม
เศรษฐศาสตร์สุขภาพระดับจุลภาค (Microeconomic study) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับระบบสุขภาพระดับย่อยพฤติกรรมของผู้รับบริการ//พฤติกรรมของผู้ให้บริการ//พฤติกรรมของในตลาดสุขภาพ
ผู้วางแผน (Planner)
ผู้กำหนดนโยบาย (Policy maker)
การประยุกต์ใช้
การกำหนดูโครงการ
การจัดสรรทรัพยากร
ผู้ให้บริการ(แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข)
การประยุกต์ใช้
การวินิจฉัยโรค
การส่งเสริมสุขภาพ
การบำบัดรักษา
การควบคุม ป้องกัน และการฟื้นฟูสภาพ
การวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข
(Type of health economics study)
ㆍ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในด้านสุขภาพ
・ต้นทุนการบริการสาธารณสุข
ㆍการกระจายทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยี
ㆍ ประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากร
ประสิทธิภาพของการรักษาพยาบาล
การวิเคราะห์และการประเมินการบริการสาธารณสุข