Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 ทารกแรกเกิดติดเชื้อ - Coggle Diagram
บทที่ 9 ทารกแรกเกิดติดเชื้อ
โรคซิฟิลิส (Syphilis)
เกิดจากเชื้อ Treponema pallidum จากการศึกษาพบว่าถ้ามารดามีการติดเชื้อ Treponemq pallidum ในช่วงอายุครรภ์ก่อน 16 สัปดาห์
กลไกการทำงานของ Langhan’s epithelial layer ของ cytotrophoblast ของรกจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในทารกได้ แต่ถ้าติดเชื้อภายหลัง 16 สัปดาห์ Langhan’s epithelial layer จะหายไป
สำหรับภาวะ congenital syphilis นั้นเป็นผลมาจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันทารก โดยเชื้อว่าทารกที่อายุครรภ์น้อยกว่า 16 สัปดาห์ จะไม่ปรากฎอาการเนื่องจากยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เต็มที่ ดังนั้น ถ้ารักษาในมารดาก่อนอายุครรภ์ 16 สัปดาห์ สามารถป้องกันทารกจากภาวะ congenital syphilis ได้
อาการแสดงของภาวะ congenital syphilis
น้ำหนักตัวน้อย (small for gestational age) ศีรษะเป็นรูปสี่เหลี่ยม หน้าผากโหนก ดั้งจมูกแบน (syphilitic face) จมูกบี้ ฟันมีรอยหยัก ตาอักเสบ ตับโต ม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว ซีด ผิวหนังที่ฝ่ามือฝ่าเท้าอักเสบและลอกเป็นขุย
ถ้าติดเชื้อรุนแรงทารกจะเสียชีวิตจากภาวะ Hydrop fetalis
บวมทั่วตัว ซีด ตับม้ามโต หายใจลำบากหรือไม่หายใจหลังคลอด มีน้ำในช่องท้องและปอด โดยรกจะหนา น้ำหนักรกมากกว่าปกติ
แนวทางการรักษา
๑) ทารกที่คลอดจากมารดาที่เป็นโรคซิฟิลิส พยาบาลจะต้องสังเกตภาวะ congenital syphilis และส่ง cord blood for VDRL ติดตามผลเลือด
๒) แยกทารกออกจากทารกคนอื่น ๆ
๓) ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา ดังนี้
ให้ยา Aqueous penicillin G 50,000 ยูนิต/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๑๒ ชม. ในทารกที่อายุน้อยกว่า ๗ วัน และทุก ๘ ชม. ในทารกที่อายุมากกว่า ๗ วัน เป็นเวลา ๑๐ วัน
และให้ Procaine penicillin G 50,000 ยูนิต/กก. เข้ากล้ามเนื้อวันละครั้งนาน ๑๐ วัน ในทารกที่ได้รับการตรวจยืนยันว่าพบเชื้อ Treponema pallidum จากสารคัดหลั่ง น้ำเหลือง รก สายสะดือ หรือทารกที่เกิดจากมารดาติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ครบถ้วนก่อนคลอดหรือตรวจพบแอนติบอดี้ต่อเชื้อซิฟิลิสเป็นบวก
ให้ยา Benzathine penicillin G 50,000 ยูนิต/กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ๑ ครั้ง ในทารกที่เกิดจากมารดาติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการรักษาไม่ครบถ้วนก่อนคลอด แต่ทารกไม่มีอาการแสดงและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ หรือทารกที่เกิดจากมารดาที่ได้รับการรักษาครบถ้วนก่อนคลอดนานกว่า ๔ สัปดาห์ไม่มีหลักฐานการติดเชื้อซ้ำ สามีได้รับการรักษาครบถ้วน ทารกไม่มีอาการ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ
โรคหัดเยอรมัน (Rubella)
เกิดจากเชื้อ rubella virus การติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกสามารถติดต่อได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ผ่านทางรก
การติดเชื้อในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์โดยพบว่า ทารกมีโอกาสติดเชื้อถึงร้อยละ 80 และจะพบทารกติดเชื้อในครรภ์ได้น้อยลงเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น หรือประมาณ ร้อยละ 54 ที่อายุครรภ์ 13-14 สัปดาห์ และร้อยละ 25
เมื่อติดเชื้อหลังไตรมาสที่สองหรือไม่พบการติดเชื้อในทารกเลยหากมารดาติดเชื้อหลังอายุครรภ์ ๑๖ สัปดาห์เนื่องจากเริ่มมีการส่งผ่านภูมิคุ้มกันจากแม่ไปยังลูกได้มากขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น
ภาวะทารกพิการแต่กำเนิดจากการติดเชื้อหัดเยอรมัน
อาการแสดง
ความผิดปกติทางตา (ต้อกระจก ต้อหิน) ความผิดปกติของหัวใจความบกพร่องทางการได้ยิน (หูหนวก), สมองพิการและปัญญาอ่อน ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์, เกร็ดเลือดต่ำ ซีด ตับม้ามโต รวมทั้งความผิดปกติของโครโมโซม
แนวทางการรักษา
๑) ทารกแรกเกิดจากมารดาที่ติดเชื้อหัดเยอรมันในระยะตั้งครรภ์ แม้ไม่มีอาการแสดงใด ๆ ควรได้รับการแยกจากทารกปกติ เพื่อสังเกตอาการและประเมินความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
๒) เก็บเลือดทารกส่งตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อและตรวจร่างกายทารกอย่างละเอียด
โรคสุกใส (Chickenpox)
การติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกเกิดขึ้นโดยผ่านทางรก ความรุนแรงของความผิดปกติในทารกขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่เกิดการติดเชื้อ
การติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกเกิดขึ้นโดยผ่านทางรก ความรุนแรงของความผิดปกติในทารกขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่เกิดการติดเชื้อ
อาการแสดง
ผิวหนัง ตา แขนขา ทางเดินอาหาร และระบบประสาท โดยในช่วงอายุครรภ์ 6-12 สัปดาห์ เกิดความผิดปกติของแขน ขามากที่สุด เช่น แขนขาลีบ
ช่วง อายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์ จะมีผลต่อการพัฒนาการทางสมอง และตา ส่วนในกรณีมารดามีการติดเชื้อในช่วงใกล้คลอด จะทำให้เกิด congenital varicella ในทารกได้ โดยเฉพาะมีการติดเชื้อในช่วง 2 สัปดาห์ของการคลอด
แนวทางการรักษา
๑) ทารกแรกเกิดจากมารดาเป็นโรคสุกใสและมีอาการขณะคลอด มารดาและทารกควรได้รับการแยกกันดูแลจนกระทั่งมารดามีการตกสะเก็ดของตุ่มสุกใสจนหมด และทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อควรได้รับการแยกจากทารกที่คลอดจากมารดาปกติด้วย
๒) ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อสุกใสภายใน 5 วันก่อนคลอดหรือ 2 วันหลังคลอด มีโอกาสติดเชื้อได้ร้อยละ 10 - 25 จึงควรได้รับ varicella-zoster immunoglobulin (VZIG) ทันทีที่คลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากมารดา หากมารดาติดเชื้อนานกว่า 5 วันไม่จำเป็นต้องให้ VZIG แก่ทารกเนื่องจากได้รับ antibody จากมารดาแล้ว และบางรายงานแนะนำว่าควรให้ยา Acyclovir ร่วมกับ VZIG ในทารกแรกคลอด เนื่องจากได้ผลการรักษาดีกว่าการให้ VZIG เพียงตัวเดียว
โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhea ทารกจะได้รับเชื้อโดยตรงหลังจากมีถุงน้ำคร่ำแตก หรือผ่านช่องทางคลอดที่ติดเชื้อ
อาการ
เชื้อจะเข้าสู่ตาทารกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ มีอาการจะพบว่ามีขี้ตามาก บางครั้งมีลักษณะคล้ายหนอง หนังตาบวม การติดเชื้อบริเวณตาของทารก (gonococcal ophthalmia neonatorum) ทำให้ทารกมีอาการตาบอดได้
สามารถป้องกันได้โดยการป้ายตาภายหลังทารกคลอดทันที เช่น 0.5% erythromycin หรือ 1% tetracyclin oinment หรือหยอดตาด้วย 1% silver nitrate มีการศึกษาพบว่า erythromycin eye ointment สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ chlamydia และ gonorrhea ได้ (Dekker, 2012) และ erythromycin มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ chlamydia ที่ตาของทารกแรกเกิดดีกว่า silver nitrate
แนวทางการรักษา
๑) การติดเชื้อหนองในที่ตา นอกจากการป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น 0.5% erythromycin หรือ 1% tetracyclin ointment หลังจากนั้นทารกต้องได้รับยา Cefixin 1 mg/kg ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อของทารกวันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 7 วัน
๒) ต้องเช็ดตาของทารกด้วย NSS หรือล้างตาทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าหนองจะแห้ง