Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เทคโนโลยี และยาที่ใช้บ่อยใน ICU,…
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เทคโนโลยี และยาที่ใช้บ่อยใน ICU
การพยาบาลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจและการหย่าเครื่องช่วยหายใจ
เครื่องช่วยหายใจ
คำศัพท์สำคัญ
Tidal volume (VT)
Respiratory rate (RR)
Minute volume (MV
Peak flow (PF)
Inspiratory time : Expiratory time (I:E)
Sensitivity
Fraction of Inspired Oxygen (Fio2)
Positive End Expiratory Pressure (PEEP)
ข้อบ่งชี้
ภาวะพร่องออกซิเจน
ความล้มเหลวของการระบายอากาศ
กล้ามเนื้อกะบังลมไม่มีแรง
ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายผิดปกติ
ชนิด
ความดันบวกที่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ (NPPV)
ช่วยในการแลกเปลี่ยนก๊าซให้ดีขึ้น
แก้ไขภาวะกรดจากการหายใจ
ลดอัตราการหายใจแต่จะควบคุมการแลกเปลี่ยนก๊าซได้ไม่ดีเท่า IPPV
ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพของปอดที่รุนแรง
ชนิด
Continuous positive airway pressure (CPAP)
Bilevel Positive Airway Pressure (BiPAP)
ความดันบวกที่ใส่ท่อช่วยหายใจ (IPPV)
่ใช้มากที่สุดในภาวะวิกฤต
ประเภท
Control mandatory ventilation (CMV)
Synchronized Intermittent mandatory ventilation (SIMV)
Spontaneous ventilation
Continuous positive airway pressure (CPAP)
Pressure support ventilator (PSV)
ภาวะแทรกซ้อน
ทำให้เลือดดำไหลกลับหัวใจลดลง
การบาดเจ็บของปอดจากการใช้ปริมาตรการหายใจที่สูงเกินไป
ภาวะถุงลมปอดแตก
การบาดเจ็บของทางเดินหายใจ
ภาวะปอดแฟบ
ปอดอักเสบ
ภาวะพิษจากออกซิเจน
การเกิดแผลหรือภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
ผลต่อภาวะโภชนาการ
การพยาบาล
ดูแลด้านจิตใจ
ประคับประคองด้านจิตใจ
อธิบายเกี่ยวกับการเจ็บป่วย วิธีการรักษาอย่างมีเหตุผล
แจ้งให้ทราบทุกครั้งเมื่อต้องให้การพยาบาล
ให้ความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด
ดูแลด้านจิตใจของครอบครัวและญาติของผู้ป่วยด้วย
ดูแลด้านร่างกาย
ประเมินสภาพผู้ป่วยและภาวะแทรกซ้อน รายงานแพทย์ทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ดูแลท่อหลอดลมและความสุขสบายในช่องปากของผู้ป่วย
ป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
ดูแลให้เครื่องช่วยหายใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และดูแล Tubing system ของเครื่องช่วยหายใจให้เป็นระบบปิด
ป้องกันภาวะปอดแฟบ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ
การหย่าเครื่องช่วยหายใจ
ความหมาย
การลดการช่วยหายใจในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจจนสามารถหายใจเองและหยุดใช้เครื่องช่วยหายใจในที่สุด
ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 ก่อนหย่าเครื่องช่วยหายใจ
ประเมินความพร้อม
โรคหรือสาเหตุที่ผู้ป่วยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจหายหรือทุเลาลง
มีการแลกเปลี่ยนก๊าซเพียงพอ ค่า PaO2>60 มม.ปรอท FiO2ไม่เกิน 0.4
ค่า PEEP น้อยกว่า 5 เซนติเมตรน้ำ
ผู้ป่วยรู้สึกตัวและทำตามคำสั่ง
สัญญาณชีพปกติ
ค่า Spontaneous tidal volume เมื่อถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว มากกว่า 5 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ความสามารถในการหายใจเองของผู้ป่วย
ใช้ยาระงับประสาทเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการควบคุมความกระวนกระวายของผู้ป่วย
ไม่ใช้ยากระตุ้นหัวใจหรือหลอดเลือด
สามารถไอได้ดี สังเกตได้จากขณะที่ดูดเสมหะ
วิธีการหย่า
ผู้ป่วยหายใจเองทาง T piece หรือหายใจเองสลับกับเครื่องช่วยหายใจเป็นพักๆ
การใช้เครื่องช่วยหายใจ mode SIMV,PSV,CPAP
Synchronized Intermittent mandatory ventilation (SIMV)
Pressure support ventilation (PSV)
ขั้นตอนที่ 2 ขณะหย่าเครื่องช่วยหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจ
ควรเริ่มหย่าเครื่องช่วยหายใจในตอนเช้าหลังจากผู้ป่วยพักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางคืน
อธิบายวิธีการหย่าเครื่องช่วยหายใจคร่าวๆ เพื่อลดความกลัว
ดูดเสมหะเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง ส่งเสริมให้อากาศผ่านเข้าออกอย่างมีประสิทธิภาพ
จัดท่าศีรษะสูงหรือท่านั่ง
เริ่มทำการหย่าเครื่องช่วยหายใจเมื่อประเมินสภาพผู้ป่วยว่าพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ
วัดสัญญาณชีพและความเข้มข้นของออกซิเจนปลายนิ้ว
เฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงทุก 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ไม่สามารถหย่าเครื่องช่วยหายใจโดย T piece 10 ลิตร/นาที ต่อไปได้ ให้ต่อท่อช่วยหายใจเข้ากับเครื่องช่วยหายใจ setting ก่อนหน้าที่จะหย่าเครื่องช่วยหายใจ
วิธีในการถอดท่อช่วยหายใจ
จัดท่านั่งศีรษะสูง
ดูดเสมหะในปากและในท่อช่วยหายใจให้โล่ง
แกะพลาสเตอร์ที่ยึดท่อช่วยหายใจ
เอาลมในกระเปาะท่อช่วยหายใจออกให้หมดโดยใช้ syringe
ให้ผู้ป่วยกลั้นหายใจ ค่อยๆดึงท่อช่วยหายใจออกและให้ผู้ป่วยไอขับเสมหะออกมา ดูดเสมหะอีกครั้ง
ให้ O2 mask with collugate 10 ลิตร/นาที เป็นเวลา 2 ชั่วโมง
วัดสัญญาณชีพทุก 15 นาที ทุก 30 นาทีและทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่
เฝ้าระวังอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
เกณฑ์การพิจารณาถอดท่อช่วยหายใจ
ประเมิน cuff leak test ผ่าน
สามารถไอขับเสมหะออกมาได้แรงพ้นท่อช่วยหายใจ
แพทย์พิจารณาให้ถอดท่อช่วยหายใจได้
สามารถหายใจผ่าน T piece 10ลิตร/นาที เกิน 2 ชั่วโมง
รู้สึกตัวดีหรือ GCS>10 คะแนน
ขั้นตอนที่ 3 หลังหย่าเครื่องช่วยหายใจ
จัดท่าผู้ป่วยท่านั่งศีรษะสูง
ให้ O2 mask with collugate 10 ลิตร/นาที 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเป็น O2 cannula 3-6 ลิตร/นาที
วัดสัญญาณชีพทุก 15-30 นาทีและทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่และเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีสายสวนหลอดเลือด
การวัดความดันในหลอดเลือดแดง
ข้อบ่งชี้
ในผู้ป่วยที่มีการไหลเวียนลดลง หรือความดันโลหิตต่ำ
ในภาวะช็อก
ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุขั้นรุนแรงหลายระบบ
ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดซึ่งอาจเสียเลือดได้มาก
ผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด
ผ่าตัดสมอง
ในรายที่จำเป็นต้องการตรวจ arterial blood gas หรือส่งเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการบ่อย ๆ
ผู้ป่วยที่ใช้ inotropic drugs และ vasoactive drug
ผู้ป่วยที่วัดความดันโลหิตยาก เช่น ผู้ป่วยถูกไฟไหม้
การพยาบาล
ตรวจสอบความแม่นยำของการปรับเทียบค่า
Levelling the transducer จัดตำแหน่ง transducer ให้อยู่ในตำแหน่ง phlebostatic axis
Zeroing the transducer
ดูแลระบบของ arterial line ให้มีประสิทธิภาพ ใช้ continuous flush system
ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อ
การเกิดเนื้อตาย
Air embolization
ภาวะที่มีเลือดออกในเนื้อเยื่อ
การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายลดลง
การป้องกันการติดเชื้อ
ใช้ sterile technique
หลีกเลี่ยงการปลดสาย ข้อต่อต่าง ๆ ดูแลให้เป็นระบบปิด
ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อตรงตำแหน่งสายหลอดเลือดแดง
ทำแผลทุก 7 วัน กรณีใช้ transparent dressing หรือเปลี่ยนผ้าปิดแผลทุก 2 วัน
เปลี่ยนชุดของ transducer และชุดการให้สารน้ำทุก 3 วัน
เมื่อมีการเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจทาง arterial line ต้อง flush สาย ไม่ให้มีเลือดหรือฟองอากาศค้างในสาย
ตรวจสอบข้อต่อต่าง ๆ ให้แน่นอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันการหัก งอ ของสายarterial line
การป้องกันการเลื่อนหลุด
ตรวจดูคลื่นที่แสดงการอุดตัน (damped waveform) และบันทึกตำแหน่งของสายยาง
จดบันทึกค่า Arterial blood pressure ที่ได้ทุก 15-60 นาที
ในกรณีที่แพทย์ถอดสายยางออกแล้วควรกดตำแหน่งแผลไว้นาน อย่างน้อย 10 นาที
การวัดค่าความดันในหลอดเลือดดำส่วนกลาง
ข้อบ่งชี้
ในผู้ป่วยที่สูญเสียเลือดจากอุบัติเหตุหรือจากการผ่าตัด ภาวะ shock และกรณีอื่นที่ทำให้ปริมาณเลือดและน้ำในร่างกายลดลง
ในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำเกิน
ในกรณีที่ต้องการประเมินการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
ตำแหน่งเส้นเลือดที่ใช้สำหรับ monitor CVP
สายสวนหลอดเลือดส่วนกลาง
ตำแหน่งที่แทงบ่อย
subclavian vein
internal jugular vein
Femoral vein
การแปลงค่า CVP
ใช้ pressure transducer
ใช้ water manometer
สาเหตุการเปลี่ยนแปลงของค่า CVP
ค่า CVP สูง
Elevated vascular volume
Increased cardiac output (hyperdynamic cardiac function)
Depressed cardiac function (RV infarct, RV failure)
Cardiac tamponade
Constrictive pericarditis
Pulmonary hypertension
Chronic left ventricular failure
ค่า CVP ต่ำ
Reduced vascular volume
Decreased mean systemic pressure
(e.g., as in late shock state)
Venodilation (drug induced)
การพยาบาล
ความแม่นยำของการเปรียบเทียบค่า
Levelling the transducer จัดตำแหน่ง transducer ให้อยู่ในตำแหน่ง phlebostatic axis
Zero the transducer
ป้องกันการเลื่อนหลุดของสายสวน
ป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด
พิจารณาความจำเป็นในการคาสายสวนหลอดเลือดดำ และพิจารณาถอดออกให้เร็วที่สุด
ประเมินแผลบริเวณรอบ ๆที่คาสายสวนหลอดเลือดดำ
ทำความสะอาดแผลด้วย 2% Chlorhexidine in 70% Alcohol และเปลี่ยน sterile transparent dressing ทุก 7 วัน
สวมปิดบริเวณข้อต่อด้วย needleless connector หรือจุกปิด (stopcock)
ในกรณีการเปลี่ยนชุดสารน้ำควรเปลี่ยนภายใน 72 ชั่วโมง และชุดให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำชนิดที่เป็นไขมันแบบ emulsions
เฝ้าระวังและดูแลระบบการให้สารน้ำต้องเป็นระบบปิดตลอดเวลา
ป้องกันการอุดตันของสายสวน
การป้องกันฟองอากาศเข้าหลอดเลือดโดยดูแลให้เป็นระบบปิด
ยาที่ใช้บ่อยในผู้ป่วยวิกฤต
ยาที่ใช้ในภาวะ Pulseless Arrest
Epinephrine หรือ Adrenaline 1 mg/ml/ampule (1: 1,000)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้น Alpha adrenergic receptor และ beta adrenergic receptor
ทำให้หลอดเลือดดำส่วนปลายหดตัว (vasoconstriction)
เพิ่มเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ (coronary perfusion) และเพิ่มเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง (cerebral perfusion)
เพิ่มความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ
การนำไปใช้
ใช้เป็นยาตัวแรกในการทำ CPR ทั้งในภาวะ systole/PEA และ VF/pulseless VT
ใช้ในภาวะ symptomatic bradycardia ที่ไม่ตอบสนองต่อการให้ atropine
Cardiac arrest
ขนาดยาที่ใช้
Cardiac arrest เริ่ม 1 mg IV และให้ซ้ำทุก 3-5 นาที
Hypotension or symptomatic bradycardia
ขนาดยาที่ใช้ในกรณีความดันโลหิตต่ำรุนแรง ขนาด 0. 05- 1.0 mcg/kg/min
การบริหารยา
IV; Undilute (1:1,000)
หรือ dilute ให้ได้ 1:10,000 ยา (1 amp: สารน้ำ 10 ml)
อัตราตามแผนการรักษา
ผลข้างเคียง
tachycardia
arrhythmias
hypertension
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
ปรับเพิ่ม/ลดขนาดยา
Amiodarone (Cordarone®)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็น class III antiarrhythmic drugs
ใช้รักษาภาวะ tachyarrhythmia ได้หลายชนิด
การนำไปใช้
ยารักษาหัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial fibrillation และ Atrial flutter
หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนิด Ventricular fibrillation (VF) และ Ventricular tachycardia(VT)
ขนาดยาที่ใช้
ในกรณีทำ CPR ขนาด 300 mg หรือ 5 mg/kg เจือจางใน D5W 20 ml. IV push
หากยังมีหัวใจห้องล่างผิดปกติ ให้อีก 150 mg หรือ 2.5 mg/kg
หลังจากนั้นให้ maintenance dose 10-20 mg/kg/day ขนาดเฉลี่ย 600-800 mg/24 ชั่วโมง อาจให้ได้สูงถึง 1.2 g/24 ชั่วโมง
การบริหารยา
Amiodarone injection 150 mg/ 3 mL เจือจางใน D5W เท่านั้น
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิด vasodilatation และ hypotension ได้
Bradycardia, hypothyroidism, hyperthyroidism, thrombophlebitis
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
รายงานแพทย์เมื่อ BP < 90/60 mmHg, HR < 60 BPM
ยาที่ใช้ในภาวะ Bradyarrhythmia
Atropine
กลไกการออกฤทธิ์
เป็น anticholinergic drug
ทำงานโดยการไปยับยั้งการทำงานของ valgus nerve ที่หัวใจ
ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของ heart rate
การนำไปใช้
ใช้แก้ไขภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติและ AV block
ขนาดยาที่ใช้
0.6-1 mg ทุก 3-5 นาที (ขนาดสูงสุดไม่เกิน 3 mg)
การบริหารยา
Atropine 0.6 mg/ml/ampule ให้ IV Bolus: Undiluted or dilute 1-10 ml ฉีด15–30 วินาที
ผลข้างเคียง
ทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว
กรณีที่มี acute myocardial infarction อาจทำให้เกิดภาวะ ischemia มากขึ้น
ท้องอึด การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
การพยาบาล
ควรระวังการให้ขนาดที่ต่ำกว่า 0.5 mg
ติดตามสัญญาณชีพ monitor EKG อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
ไม่ควรให้ถ้า HR > 60 ครั้ง/นาที
รายงานแพทย์เมื่อ HR > 120 ครั้ง/นาที โดยให้ monitor HR ทุก 5 นาที
ยาที่ใช้ในภาวะ Tachyarrhythmia
Adenosine
กลไกการออกฤทธิ์
เป็น purine nucleoside สามารถยับยั้งการนำไฟฟ้าผ่าน AV node
เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย ยาจะถูกจับ และทำลายที่เม็ดเลือดแดงและผนังหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว
มีค่าครึ่งชีวิตน้อยกว่า 10 วินาที จึงต้องทำการฉีดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้มียาเหลือไปถึงที่หัวใจ
การนำไปใช้
ใช้เป็น first line drug
ภาวะ regular monomorphic wide complex tachycardia
ขนาดยาที่ใช้และการบริหารยา
Adenosine 6 mg/2 ml/vial IV ขนาด 6 mg ฉีดเร็ว ๆ ภายใน 1–3 วินาที
ตามด้วย NSS bolus 20 ml พร้อมกับยกแขนสูง (double syringe technique)
ให้ยาซ้ำได้อีก 12 mg
ผลข้างเคียง
อาการหน้าแดง
เหนื่อยและแน่นหน้าอก
อาการไม่รุนแรงและมักจะหายไป
การพยาบาล
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้เร็ว (10 วินาที) และหมดฤทธิ์เร็ว จึงต้องฉีดเร็วๆ บริเวณ upper extremities และ flush NSS ตาม 20 ml ด้วยวิธี double syringe technique
ถ้าฉีดยาช้า ยาจะถูกทำลายหมดก่อนถึงหัวใจ เนื่องจากยามี half-life สั้นมากเพียง 0.5-5 วินาที
Digoxin (Lanoxin ®)
กลไกการออกฤทธิ์
มีผลเพิ่ม vagal tone ทําให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
จากการลดการทำงานของระบบประสาท sympathetic ทำให้อัตราเต้นของหัวใจลดลง
การนำไปใช้
Heart failure
หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ atrial fibrillation (AF), atrial flutter และ supraventricular Tachycardia (SVT)
ขนาดยาที่ใช้
Digoxin injection 0.5 mg/ 2 mL amp (=0.25 mg/mL)
ขนาดเริ่มแรก 0.25 – 0.5 mg IV และให้ซ้ำได้สูงสุด 1 mg/day
การบริหารยา
การให้ยาแบบ IV bolus จะต้องให้ช้า ๆ นานกว่า 5 นาที
ยาฉีดที่ให้อาจไม่ต้องเจือจาง แต่ถ้าเจือจาง ใช้sterile water for injection, NSS, D5W
โดยใช้สารละลายมากกว่า 4 เท่า
ผลข้างเคียง
หัวใจเต้นช้าชนิด Sinus bradycardia, S-A arrest
หัวใจเต้นผิดจังหวะ AV block, Atrial fibrillation
การเป็นพิษจากยา อ่อนเพลีย คลื่นไส้ปวดท้อง เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย สับสบ ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจหยุดเต้น
การพยาบาล
กรณียาฉีด ประเมินสัญญาณชีพก่อนให้ยา และหลังให้ยาทุก 15 นาทีติดต่อกัน 2 ครั้ง ต่อไปทุก 30 นาที ติดต่อกัน 3 ครั้ง ต่อไปทุก 1 ชั่วโมงจนครบ 6 ชั่วโมง
monitor EKG ขณะฉีดยา และหลังฉีดยา 1 ชั่วโมง หรือในผู้ป่วยที่มีลักษณะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากพิษของยา
รายงานแพทย์เมื่อ HR < 60 ครั้ง/นาที หรือ >100 ครั้ง/นาที BP < 90/60 mmHg RR < 14 ครั้ง/นาที หรือพบ Arrhythmia
ยากระตุ้นความดันโลหิต (Vasopressor)
Dopamine (Inopin®)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์กระตุ้น Adrenergic และ Dopaminergic receptors ตามขนาดยา
การนำไปใช้
ขนาดต่ำ ใช้ในผู้ป่วยที่ปัสสาวะออกน้อย
ขนาดปานกลาง เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ เพิ่ม Cardiac out put
ขนาดสูง ทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะ shock จากการติดเชื้อในกระแสเลือด
ขนาดยาที่ใช้และการบริหารยา
ยา 1 Amp บรรจุ 10 ml มีความเข้มข้นของยา 250 mg (25 mg/ml)
สารละลายที่ใช้เจือจางยาคือ NSS หรือ D5W การคำนวณ dose และ drip rate
ผลข้างเคียง
การรั่วของยาออกนอกหลอดเลือดทำให้เนื้อเยื่อตายได้
ผลข้างเคียงเกิดจากการกระตุ้นระบบประสาท sympathetic
การพยาบาล
เลือกตำแหน่งให้ยาบริเวณหลอดเลือดดำเส้นใหญ่และควบคุมอัตราการไหลของยาโดยใช้เครื่องควบคุมอัตราการไหลของสารน้ำอัตโนมัต
ตรวจดู IV site ทุก 1 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังการเกิดยารั่วออกนอกหลอดเลือด หากพบรอยแดง บวม ให้เปลี่ยนตำแหน่งใหม่ทันที
ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต monitor ECG urine out put อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ทุก 0.5 -1 ชั่วโมง
ปรับเพิ่มหรือลดยาได้ทีละ 2µd/min keep BP ≥ 90/60 และ ≤140/90 หรือตามแผนการรักษา
Dobutamine
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาในกลุ่ม Adrenergic agonist
ออกฤทธิ์กระตุ้นที่ Beta-1 และAlpha-1 Adrenergic receptors ที่หัวใจ
ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวแรงขึ้น และหลอดเลือดส่วนปลายขยายตัว
ทำให้ช่วยลดafterload ทำให้การบีบตัวของหัวใจดีขึ้น ดังนั้นจึงเพิ่ม Cardiac out put
การนำไปใช้
เพิ่ม cardiac output ในผู้ป่วยหัวใจวาย หรือ cardiogenic shock
ขนาดยาที่ใช้
Dobutamine 2-20 mcg/kg/min
ขนาดยามากกว่า 20 mcg/kg/min ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งทำให้ภาวะหัวใจขาดเลือดแย่ลงได้
การบริหารยา
ยา 1 Vial บรรจุ20 ml
ความเข้มข้นของยา 250 mg หรือ 12.5 mg/ml
ใช้สารละลาย D5W หรือ NSS ให้ขนาดตามแผนการรักษา
ผลข้างเคียง
ยาอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงหัวใจเต้นเร็วและเต้นผิดจังหวะได้
บางรายอาจมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเพิ่มขึ้นได้
การรั่วของยาออกนอกหลอดเลือดทำให้เนื้อเยื่อตายได้
การพยาบาล
เหมือนกับยา Dopamine
Norepinephrine (Levophed®) กลุ่ม Adrenergic agonist
กลไกการออกฤทธิ์
กระตุ้น beta1 และ alpha adrenergic receptors
การนำไปใช้
ภาวะ septic shock
cardiogenic shock ระดับรุนแรง
ภาวะ shock หลังจากได้รับสารน้ำเพียงพอแล้ว
ขนาดยาที่ใช้
เริ่มต้นที่ 0.01-3 mcg/kg/min
หากขนาดยาเกิน 1 mcg/kg/min เฝ้าระวังการเกิด vasoconstriction อย่างใกล้ชิด
การบริหารยา
ยา 1 Amp บรรจุ 4 ml มีความเข้มข้นของยา 4 mg (1 mg/ml)
สารละลายที่ใช้เจือจางยาคือ D5W เท่านั้น
ผลข้างเคียง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หายใจลำบาก
การรั่วของยาออกนอกหลอดเลือดทำให้เนื้อเยื่อตายได้
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
ตรวจดู IV site ทุก 1 ชั่วโมง
ยาขยายหลอดเลือด (Vasodilators)
Nicardipine
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยากลุ่ม Calcium channel blocker
ออกฤทธิ์ยับยั้งแคลเซียมเข้าเซลล์ของกล้ามเนื้อหัวใจและ
เซลล์กล้ามเนื้อเรียบของผนังหลอด
การนำไปใช้
ในผู้ป่วยที่มีภาวะ Hypertensive crisis
ขนาดยาที่ใช้และการบริหารยา
ยา 1 Amp ขนาด 2 mg/2 ml หรือ 10 mg/10 ml
IV bolus
IV drip
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้าแดง
ใจสั่น หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ
การรั่วออกของยาออกนอกเส้นเลือด เพราะอาจทําให้หลอดเลือดอักเสบ
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
กรณี Emergency ให้ยาทาง IV bolus ติดตามทุก 5 นาที
กรณีให้ IV drip ติดตามทุก 15 นาที
รายงานแพทย์ทันทีถ้า BP < 90/60 mmHg หรือ HR< 60 ครั้ง/นาทีหรือ HR > 120 ครั้ง/นาที
Sodium Nitroprusside
กลไกการออกฤทธิ์
โดย free nitroso group (NO) จะไปยับยั้ง excitation-contraction
coupling ของผนังหลอดเลือด (vascular smooth muscle)
การนำไปใช้
ใช้ในการลดความดันโลหิตในผู้ป่วย hypertensive emergency
ลด afterload ในภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
ขนาดยาที่ใช้และการบริหารยา
เตรียมยาผสม 50 mg ใน D5W 250 ml
เริ่มให้ 0.1mcg/kg/min ปรับยาขึ้นครั้งละ 10 mcg/min
เพิ่มทุก 3-15 นาที ขนาดโดยเฉลี่ย 3 mcg/kg/min ขนาดสูงสุด 5-10 mcg/kg/min
ผลข้างเคียง
หากลดความดันโลหิตเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เหงื่อออกมาก
เกิดพิษจาก cyanide มักพบในผู้ป่วยที่ได้รับยาในขนาดสูง (10-15 mcg/kg/min) นานมากกว่า 1 ชั่วโมง
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต ทุก 5 นาทีหลังให้ยา
ป้องกันยาในขวดน้ำเกลือทำปฏิกิริยากับแสง
Nitroglycerin (NTG)
กลไกการออกฤทธิ์
หลั่ง nitric oxide (NO) เข้าสู่กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด กระตุ้น
guanylate cyclase ใน cytoplasm
การนำไปใช้
Acute coronary syndrome, Chest pain (angina pectoris)
Heart failure โดยช่วยในการลด preload
ขนาดยาที่ใช้
เริ่มขนาด 5-10 mcg/min เพิ่มทีละ 5-10 mcg/min ทุก 5-10 นาที
ขนาดยา 30-40 mcg/min ทำให้เกิด Vasodilatation
ขนาดยาที่มากกว่า 150 mcg/min ทำให้เกิด arteriolar dilation
ผลข้างเคียง
Hypotension, Tachycardia, Flushing, headache
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต ยามีผลทำให้ความดันโลหิตต่ำ
monitor EKG ยาทำให้เกิดหัวใจเต้นเร็ว
ชื่อนางสาวมาลินี คำมา เลขที่ 62
รหัส 6001211368 Section A