Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ระบบสืบพันธ์ุ, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexual transmitted disease) -…

- - - - ปวดท้องน้อย มักเกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนและปวดบีบมากในช่วงที่มีรอบเดือน
      - เจ็บช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยจะมีอาการเจ็บลึกลงไปภายในช่องคลอดระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์
      - เกิดภาวะมีบุตรยาก
    - - ฮอร์โมนบำบัด
      - การให้ยา
      - การส่องกล้อง
    - - มีการตั้งข้อสันนิษฐานบางประการและเชื่อว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้เกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  - - - การใช้ยาโปรเจสติน (progestin therapy) ได้ทั้งวิธีกิน หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
      - ยาคุมกําเนิด
    - - การซักประวัติ
      - การตรวจร่างกาย
      - การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - - มีเลือดออกช่วงที่เว้นจากการมีรอบเดือนหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นสัญญาณของภาวะ AUB
    - - ภาวะ AUB จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย สำหรับสาวๆ วัยรุ่นแล้ว สาเหตุที่ทำให้ระดับของฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงคือ การที่ร่างกายไม่ผลิตไข่จากรังไข่ เรียกว่า ภาวะไข่ไม่ตก (Anovulation) เพราะการมีไข่ตกถือเป็นกระบวนการหนึ่งของการมีรอบเดือน และหากเด็กผู้หญิงไม่มีไข่ตก ก็จะทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงส่งผลให้รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมีประจำเดือนมากผิดปกติ
  - - - รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย และอาจรู้สึกหน่วงเหมือนถูกกดท้องร่วมด้วย รวมทั้งอาจปวดที่สะโพก หลังส่วนล่าง และต้นขาด้านใน หากเกิดอาการรุนแรง อาจรู้สึกท้องปั่นป่วน และอาเจียนร่วมด้วยบางครั้ง รวมทั้งอาจถ่ายบ่อยด้วย
    - - การผ่าตัด
      - การรักษาด้วยยา
    - - Primary Dysmenorrhea
        
        อาการปวดประจำเดือนทั่วไปการปวดประจำเดือนชนิดนี้จะเริ่มเป็นเมื่อรอบเดือนครั้งแรกมาได้ประมาณ 1-2 ปี
      - Secondary Dysmenorrhea
        
        อาการปวดประจำเดือนที่เกิดจากปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์
    - - วางถุงน้ำร้อนหรือประคบร้อนที่บริเวณท้องน้อยหรือหลัง
      - ลดอาหารที่มีเกลือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือน้ำตาล เพื่อป้องกันอาการท้องอืด
      - นวดคลึงบริเวณท้องน้อยและหลังของตัวเอง
  - - - ตรวจค่าระดับฮอรโ์มนไทรอยด์และและฮอรโ์มนโปรแลคตินในเลือด
    - - การผ่าตัด เช่น พบมีผนังกั้นทีีปากมดลูก
      - ให้ฮอร์โมนทดแทนส่วนที่ขาดไป
    - - Secondary amenorrhea
        
        การขาดระดูในรายที่เคยมีระดูมาแล้ว
      - Primary amenorrhea
        
        อายุ14 ปีแต่ยังไม่มีการเจริญของเต้านม
        อายุ16 ปียังไม่เคยมีระดู
    - - อธิบายยให้ผู้ป่วยทราบความผิดปกติที่เกิดขึ้น
      - บอกวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติตัวก่อนตรวจและภายหลังตรวจ
  - - - ไม่รุนเเรงไม่จำเป็นต้องใช้ยา
      - ปานกลางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเเละให้ยา
    - - ความผิดปกติของระบบประสาทและต่อมไรท่อ
      - ความผิดปกติของรังไข่
    - - ซักประวัติตรวจร่างกายร่วมกับอาการทางจิตเวช
      - วินิจฉัยโรค
    - - อาการทางกาย:อ่อนเพลีย น้ำหนักเพิ่มคัดตึงเต้านม
      - อาการทางพฤติกรรม:นอนไม่หลับ เเยกตัวจากสังคม เบื่อหน่าย
      - อาการทางอารมณ์:หงุดหงิดโมโหง่าย ก้าวร้าว ฉุนเฉียว
    - - ออกกำลังกายอย่างสมำ่เสมอเเละบริหารอารมณ์
      - รับประทานอาหารให้ครบหลัก5หมู่
- - - - ปวดท้องมาก ปวดรุนเเรง มดลูกโต
    - - ทำการผ่าตัด
      - การให้ยา
    - - เกิดถุงน้ำช็อกโกเเลต
      - ในทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดการไหล้อนกลับของประจำเดือน
    - - อัลตราซาวน์
      - CT Scan, MRI หรือส่องกล้อง
  - - - ปวดท้องเกร็ง ปวดบีบๆ
      - เจ็บแบบรุนเเรงเฉียบพลัน
      - ปวดร่วมกับอาการคลื่นไส้
    - - การผ่าตัด
  - - - ประจำเดือนผิดแกติ
      - ปวดท้องน้อย
      - ปัสสาวะลำบาก
    - - ผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออก
    - - ไม่ทราบสาเหตุการมีเนื้องอก
      - ฮอร์โมนรังไข่มีอิทธิพลทำให้ก้อนเนื้องอกโตขึ้น
- - - - ภาวะตกขาวผิดปกติ มีกลิ่น หรือ สีเปลี่ยนไป
      - มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ อาจมีเลือดออกในปริมาณมาก รอบเดือนมานานกว่าปกติ หรือมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
      - มีไข้สูง หนาวสั่น
    - - การรับประทานยาปฏิชีวนะ
      - การผ่าตัด
    - - เกิดจากการติดเชื้อที่พัฒนาในระบบสืบพันธุ์ในอวัยวะหญิงส่วนบน ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด
    - - ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อระบุชนิดของตัวแบคทีเรีย
- - - - มีตกขาวผิดปกติขับออกมาจากช่องคลอด ลักษณะเป็นน้ำ หรือเส้นบาง ๆ สีออกเขียวหรือเหลือง
      - ปัสสาวะแล้วรู้สึกเจ็บหรือแสบ
      - เกิดการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
    - - ฉีดยาปฏิชีวนะแล้วตามด้วยการให้ยาปฏิชีวนะแบบเม็ด หลังจากได้รับยา ผู้ป่วยจะค่อย ๆ มีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
    - - ในผู้หญิงใช้สำลีป้ายเก็บตัวอย่างจากช่องคลอดหรือปากมดลูกระหว่างที่ตรวจภายใน
      - การวินิจฉัยในเพศชายมักใช้การเก็บปัสสาวะตรวจ