Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเซลล์เจริญผิดปกติ, นางสาว เนหา สุกูล เลขที่61 รุ่น…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเซลล์เจริญผิดปกติ
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (acute lymphoblastic leaukemia)
Leukemia หมายถึง มะเร็งของระบบโลหิตเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิด(Stem cell) ที่อยู่ในไขกระดูก (Bone Marrow)ไม่สามารถ differentiateไปเป็นเซลล์ตัวแก่ได้ทำให้การสร้างเม็ดเลือดแดงและเกร็ดเลือดลดลง ผู้ป่วยจึงเกิดอาการซีด เลือดออก และติดเชื้อได้ง่าย
แบ่งได้เป็น 2 ชนิด
T-cell lymphoblastic leukemia
B-cell lymphoblastic leukemia
ชนิด
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL (Acute lymphoblastic leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด AML (Acute myelogenous leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CLL (Chronic lymphocytic leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CML (Chronic myelogenous leukemia)
สาเหตุ
ปัจจยัทางด้านพนัธุกรรม
เด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรม (Down’s syndrome)
ครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL
ฝาแฝดที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL
ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม
การมีประวัติได้รับสีไออนไนซ์(Ionizing radiation)
การมีประวัติได้รับยาเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นมาก่อน
การสัมผัสสารเคมีที่เป็นพิษบางชนิด โดยเฉพาะสารเบนซิน (Benzene) สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)
เกิดจากการได้รับสารเคมีต่างๆ ที่เป็นพิษจากสิ่งแวดล้อม
อาการ
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลียง่าย เลือดออกง่าย ติดเชื้อง่าย มีก้อนขึ้น
การวินิจฉัย
ทำการยืนยันโดยการเจาะไขกระดูก Bone marrow Transplanted
เจาะเลือดตรวจหาเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาว Blast cell
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง(Lymphoma)
ความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขึ้นการทำหน้าที่ก็จะผิดปกติ
ชนิด
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma) พบต่อม น้ำเหลืองจะโตมาเป็นปีไม่มีอาการเจ็บปวด
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma) อาการจะเร็วและรุนแรง
Burkitt Lymphoma มีลักษณะพิเศษคือ มีต้นกำเนิดมาจาก B-cell( B-lymphocyte) มีการแทรกกระจายในเนื้อเยื่อ มีก้อนเนื้องอกที่โตเร็วมาก
การวินิจฉัย
การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
การตรวจไขกระดูกเพื่อประเมินว่ามีการกระจายเข้าไปในไขกระดูกหรือไม่
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์(CT scan)
เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
การตรวจกระดูก (Bone scan)
การตรวจ PET scan เป็นการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์เพื่อหาเซลมะเร็ง
อาการ
จะคลำพบก้อนที่บริเวณต่างๆ ไม่มีอาการเจ็บ มีไข้ หนาว สั่น เหงื่อออกมากตอนกลางคืน คันทั่วร่างกาย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลียไม่ทราบสาเหตุ ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต
การรักษาในปัจจุบัน
การใช้ยาเคมีบ้าบัด (Chemotherapy)
การฉายรังสี(Radiation Therapy)
การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นเนิด (Transplantation)
มะเร็งไต(wilm Tumor)
ภาวะที่เนื้อไตชั้นพาเรนไคมา(Parenchyma) มีการเจริญผิดปกติจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไต จะไม่ให้คลำบ่อยเพราะอาจทำให้ก้อนแตก หรืออาจเกิดการแพร่กระจายของมะเร็ง
Neuroblastoma นิวโรบลาสโตมา
อาการ
มีก้อนในท้อง ท้องโต ปวดท้อง ตาโปนมีรอยช้ ารอบตา(raccoon eyes) มีไข้ ปวดกระดูก ต าแหน่ง ที่พบก้อนครั้งแรกมากที่สุดคือต่อมหมวกไต
เป็นเนื้องอกที่มีต้นกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบประสาท(Neural crest) สามารถเกิดบริเวณใดก็ได้ที่มีเนื้อเยื่อ Sympathetic nerve
การตอบสนองต่อการรักษาจะไม่ดี
การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด Chemotherapy
ระยะการรักษา
ระยะชักนำให้โรคสงบ (induction phase) เป็นการให้ยาเพื่อทำลายเซลล์ในเวลาอันสั้นให้มากที่สุดและมีอันตรายต่อเซลล์ปกติให้น้อยที่สุด
ระยะให้ยาแบบเต็มที่ (intensive or consolidation phase) เป็นการให้ยาหลายชนิดร่วมกันภายหลังที่ผู้ป่วยอยู่ในระยะโรคสงบแล้วเพื่อให้ยาทำลายเซลล์มะเร็งให้เหลือน้อยที่สุด
ระยะควบคุมโรคสงบ (maintenance phase or continuation therapy) เป็นการให้ยาเพื่อควบคุม และรักษาโรคอย่างถาวร
ระยะป้องกันโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS prophylaxis phase) เป็นการให้ยาเพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง
การรักษาประคับประคอง
การรักษาทดแทน (Replacement therapy) ด้วยการให้เลือดเพื่อให้ระดับฮีโมโกลบินไม่น้อยกว่า 7-8 กรัม/ดล. ในระยะแรกก่อนโรคสงบ
การรักษาด้วยเกร็ดเลือด หากผู้ป่วยมีเลือดออกจากจำนวนเกร็ดเลือดต่ำจำเป็นต้องให้เกร็ดเลือดก่อน ก่อนการให้ยา
วิธีการให้ยาเคมีบำบัดIT IM IV
ทางช่องไขสันหลัง intrathecal
ทางกล้ามเนื้อ หลังฉีดต้องระวังเลือดออก
ทางหลอดเลือดดำ vein ต้องระวังการรั่วของยาออกนอกหลอดเลือดที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
ยาเคมีบำบัดที่ใช้ได้บ่อย
Cyclophosphamide รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยออกฤทธิ์จับหรือรวมตัวกับดีเอ็นเอของเซลล์มะเร็ง (Cross link) ส่งผลทำให้เพิ่มจำนวนไม่ได้
Mercaptopurine(6-MP) รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันโดยยับยั้งการสร้าง Purine ยับยั้งการสร้างกรดนิวคลีอิก
Methotrexate รักษามะเร็ง Acute leukemiaโดยยับยั้งการสร้าง DNA และRNA
Cytarabine(ARA-C) รักษามะเร็งชนิด Acute lymphoblastic leukemia (ALL)
Mesna ป้องกันภาวะเลือดออกในผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
Ondasetron(onsia) ป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง
Bactrim ป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส
Ceftazidime(fortum) ป้องกันการติดเชื้อเนื่องจากมีไข้
Amikin ป้องกันการติดเชื้อเนื่องจากมีไข้
ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด
เม็ดเลือดแดง : RBC ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดจะมีภาวะซีด (Anemia)
ผลต่อระบบเลือด ทำให้ไขกระดูกผลิตเซลล์เม็ดเลือดต่างๆ ได้น้อยลง
เกร็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia)
ผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แผลในปากและคอ
ผลต่อระบบผิวหนัง ทำให้ผมร่วง หลังจากได้ยาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์และจะงอกขึ้นมาใหม่หลังหยุดยา 2-3 เดือน
ระบบทางเดินปัสสาวะ ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่จะถูกขับออกทางไต ยาบาง ชนิดก็มีฤทธิ์ทำลายไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และนอกจากนี้การตกตะกอนของยาเคมีบำบัดทำให้กระเพาะ ปัสสาวะอักเสบ Cystitis
ตับ ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่จะถูกย่อยสลายที่ตับและยาเคมีบำบัดบางชนิดมีฤทธิ์ทำลายตับ
การวางแผนการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
การดูแลผู้ป่วยหลังได้รับยาเคมีบำบัดผ่านเข้าทางช่องไขสันหลัง( Intrathecal:IT) เพื่อให้ยาสามารถเข้าไปฆ่าเซลมะเร็งที่อยู่ในระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งการให้ยาทางหลอดเลือดดำไม่สามารถเข้าไปถึงได้
การดูแลป้องกันการเกิดแผลในปาก เน้นเรื่องการรักษา ความสะอาดโดยให้บ้วนปากด้วย 0.9%NSS อย่างต่อเนื่อง ไม่แปรงฟันถ้าเกร็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 cell/cu.mm แต่ถ้าเกร็ดเลือดเกินกว่านี้สามารถแปรงฟันได้ แต่ต้องใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม
รับประทานอาหารที่สุกใหม่ Low Bacterial Dietคุณค่าครบถ้วน แคลอรีและโปรตีนสูง งด อาหารที่ลวก ย่าง รวมทั้งผักสด ผลไม้ที่มีเปลือกบาง
การดูแลปัญหาซีด แพทย์จะมีแผนการรักษาคือ การให้เลือด(Pack Red Cell)
การดูแลป้องกันเลือดออกง่ายหยุดยาก แพทย์อาจมีแผนการรักษาให้ Platlet concentration หลักการให้คือให้หมดภายใน ½ -1 ชั่วโมง
Tumorlysis Syndrome : TLS
เกิดจากการสลายของเซลล์มะเร็งจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นผลจากการได้รับยา เคมีบำบัดครั้งแรก การสลายของเซลล์มะเร็ง เหล่านี้ทำให้เกิดการปลดปล่อยส่วนประกอบของเซลล์ออกมา
ความผิดปกติของ electrolyte ที่พบบ่อย
ภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง มักพบในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการได้รับการรักษาโรคมะเร็ง
ภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง มักพบในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการได้รับการรักษาโรคมะเร็ง
นางสาว เนหา สุกูล เลขที่61 รุ่น 36/1
อ้างอิง
สื่อการเรียนการสอน การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเซลเจริญผิดปกติ