Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind - Coggle Diagram
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind
โรคคาดการณ์ที่เกี่ยวข้อง
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
ด้านบวก
อาการหลงผิด(delusion)คือการมีความคิดหรือความเชื่อที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงซึ่งไม่สามารถ
เปลี่ยนแปลงได้
อาการประสาทหลอนอย่างชัดเจน (prominent hallucination) คือ การกําาหนดรู้ท่ีเกิดข้ึน โดยไม่มีสิ่งเร้าภายนอก
4.พฤติกรรมแบบไม่มีระเบียบแบบแผน คือ พฤติกรรมที่ผิดแปลกไปอย่างมากจากธรรมเนียมปฏิบัติของคนในสังคม
3.การพูดแบบไม่เป็นระเบียบแบบแผน คือ การพูดในลักษณะที่หัวข้อวลีหรือประโยคที่กล่าวออกมาไม่สัมพันธ์กัน
5.พฤติกรรมเคลื่อนไหวผิดแปลกไปจากปกติ คือ การเคลื่อนไหวมากเกินไป น้อยเกินไป หรือ นิ่งเเข็งอยู่กับที่
ด้านลบ
อารมณ์ททื่อ (bluntedaffect) และเฉยเมย
ความคิดอ่านและการพูดลดลง
ขาดความสนใจในการเข้าสังคมและกิจกรรมที่เคยสนใจ
ไม่ดูแลสุขภาพอนามัยส่วนตัว
โรคจิตหลงผิด (Delusional disorder)
Persecutory Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดว่าถูกปองร้าย
Jealous Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดว่าคู่รักของตนนอกใจ โดยผู้ป่วยอาจคิดไปเองและระแวงว่าคนรักของตนกำลังนอกใจ
Erotomantic Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดว่าบุคคลอื่นมาหลงรักหรือเป็นคู่รัก
Somatic Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง
Grandiose Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดว่าตนมีความสามารถเกินความจริง
Mixed Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดแบบผสม ผู้ป่วยจะมีอาการหลงผิดมากกว่า 1 อาการข้างต้น โดยไม่มีเรื่องใดที่เด่นชัดออกมา
Unspecified Delusional Disorder หรือโรคหลงผิดแบบไม่ระบุเจาะจง ผู้ป่วยอาจไม่ได้มีความเข้าใจผิดในเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น หรือไม่สามารถระบุความหลงผิดนั้นได้อย่างชัดเจน
สาเหตุ
ด้านสังคม : สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำหรือล้มเหลวอาจทำให้คนเครียด และกระตุ้นให้เกิดโรคจิตเภทได้
ด้านความผิดปกติของสารในสมอง
ด้านครอบครัว:การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัว
ด้านกรรมพันธ์ พบว่าญาติของผู้ป่วยมีโอกาศเกิดโรคจิตเภทมากกว่าคนทั่วไป
สาเหตุกระตุ้นอื่นๆ ความเครียดอย่างรุน แรง การใช้สารเสพติด
ด้านจิตใจ ความขัดเเย้งภายในจิตใจ ความเครียด ความสามารถในการปรับตัว ประสปการณ์ในอดีต
อาการและอาการแสดง
ลักษณะทั่วไป
นั่งกุมมือและบีบมือตัวเองเกือบตลอดเวลา
สีหน้าวิตกกังวล แววตาหวาดระแวง ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่
การเคลื่อนไหว
ผู้ป่วยเดินหลังค่อม มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา
การรับรู้
การรับรู้บิดเบือนไปจากความเป็นจริง
การมองเห็นภาพหลอน
ระดับของการรู้สึกตัว
มีอาการเหม่อลอยบ้างเล็กน้อย
การพูด
พูดตะกุกตะกักในบางครั้ง
ความตั้งใจและสมาธิ
จากการสนทนาผู้ป่วยมีความตั้งใจและสมาธิดี ถึงขั้นหมกมุ่นกับบางเรื่องที่มีความสนใจเป็นพิเศษ
ความสามารถในการรับสัมผัส
ผู้ป่วยพูดคนเดียวเหมือนกำลังสนทนากับใคร สอบถามทราบว่าผู้ป่วยกำลังสนทนากับเพื่อนชื่อชาร์ลส์
การรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
ไม่คิดว่าตนเองเจ็บป่วยทางจิตที่ตนเองแสดงพฤติกรรมแปลกๆเพราะต้องรักษาความลับทางการทหารเพื่อความมั่นคงของชาติ
คิดว่ามีคนสะกดรอยตามและกำลังจะทำร้ายเขา
การแสดงออกอารมณ์
มีสีหน้าเรียบเฉย แต่จะแสดงสีหน้า แววตาและท่าทีหวาดกลัวเมื่อพบจิตแพทย์
กฎหมาย พรบ ที่เกี่ยวข้อง
พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551
ผู้ป่วยทางจิตเวชหรือผู้บกพร่องฯ ซึ่งอยู่ในสภาวะที่ขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ความยินยอมรับการบำบัดรักษา จะได้รับการบำบัดรักษาโดยเร็วเพื่อป้องกันหรือบรรเทามิให้ความผิดปกติทางจิตมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อป้องกันการกระทำที่เกิดจากอาการทางจิตที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง เช่นการทำร้ายตนเอง หรือการฆ่าตัวตาย
หมวด 2 สิทธิผู้ป่วยมาตรา 17
การบำบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกาย การกักบริเวณหรือแยกผู้ป่วยจะกระทำไม่ได้ เว้นแต่เป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บำบัดรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
หมวดที่ 2 สิทธิผู้ป่วย มาตรา 15
1) ได้รับการบำบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์. 2) ได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการบำบัดรักษาไว้เป็นความลับ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติให้เปิดเผยได้ 3) ได้รับความคุ้มครองจากการวิจัย ตามมาตรา 20
การฟื้นฟูสมรรถภาพมาตรา 40
1) แจ้งให้ผู้รับดูแลผู้ป่วยรับตัวผู้ป่วยไปดูแล
2) ในกรณีที่ไม่มีผู้รับดูแลให้แจ้งหน่วยงานด้านสงเคราะห์
3) แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ติดตามดูแล ประสานงานและช่วยเหลือในการดำเนินการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยตาม 1) และหน่วยงานตาม 2) แล้วรายงานให้คณะกรรมการสถานบำบัดรักษาทราบ
หมวด 2 สิทธิผู้ป่วย มาตรา 18
การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้าให้กระทำได้ในกรณี ดังต่อไปนี้
1) กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นหนังสือเพื่อการบำบัดรักษานั้น โดยผู้ป่วยได้รับทราบเหตุผลความจำเป็น. 2) กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยหากมิได้บำบัดรักษาจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ป่วย ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
โรคที่คาดว่าจะเป็น
โรคจิตเภท(Schyzophrenia)
การพยาบาล
5
. หลีกเลี่ยงการเข้าไปจับต้องตัวผู้ป่วยก่อนผู้ป่วยจะรู้ตัวเพราะผู้ป่วยมีแนวโน้มจะตีความหรือรับรู้ผิด
6.
จัดหากิจกรรมให้ผู้ป่วยทำโดยเฉพาะในเวลากลางวัน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยคิดมาก ฟุ้งซ่าน แต่ก็ไม่ต้องถึงกับบังคับ
มากเกินไป
3.
ในขณะที่ผู้ป่วยมีอาการหวาดระแวงว่ามีคนสะกดรอยตามจะมาทำร้าย อย่าพยายามอธิบายว่าไม่จริง จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่เข้าใจผู้ป่วย ควรรับฟังในสิ่งที่ผู้ป่วยพูดโดยไม่เสริมในอาการหลงผิดของผู้ป่วยและแสดงความเห็นอกเห็นใจในความกลัวของผู้ป่วย จะทำให้ผู้ป่วยสงบลงได้
4.
พยาบาลต้องแสดงการยอมรับอาการประสาทหลอนของผู้ป่วย ซึ่งทำได้โดยการรับฟังและไม่โต้แย้ง
8.
การทำจิตบำบัด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเองและปัญหาของตนเองมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะแยกแยะสิ่งที่เป็น
และไม่ใช่ความจริง
2.
ถ้าพยาบาลพบผู้ป่วยที่กำลังแสดงอาการประสาทหลอน พยาบาลควรบอกสิ่งที่เป็นจริง
(Present reality)กับผู้ป่วยในขณะนั้นเพื่อให้ผู้ป่วยรับรู้ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
7.
ให้ผู้ป่วยแยกแยะว่าอาการประสาทหลอนที่เกิดขึ้นนั้นเขารู้สึกอย่างไรอาการเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดหรือมีเหตุการณ์อะไรนำมาก่อนเพราะผู้ป่วยจะได้รู้จักป้องกันตนเองไม่ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น
1.
พยาบาลต้องประเมินอาการประสาทหลอนที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยว่าเกี่ยวขอ้งกับระบบรับสัมผัสใด ผู้ป่วยแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อการรับรู้นั้น ๆ และอาการประสาทหลอนเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเพื่อให้การพยาบาลที่ถูกต้อง
การรักษา
: การรักษาด้วยไฟฟ้า (ECT)
การรักษาด้วยไฟฟ้าในผู้ป่วยโรคจิตเภทนั้นผลไม่ดีเท่าการรักษาด้วยยาโดยทั่วไปจะใช้ในกรณีผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาโดยใช้ ECT ร่วมไปด้วยนอกจากนี้ยังอาจใช้ในผู้ปวยชนิด catatonic หรือผู้ปวยที่มี severe depression ร่วมด้วย
การรักษาด้านจิตใจและสังคม
การบำบัดด้านจิตสังคมนี้เป็นส่วนสำคัญของการรักษาเนื่องจากอาการของผู้ป่วยมักก่อให้เกิดปัญหาระหว่างตัวเขากับสังคมรอบข้างแม้ในระยะอาการดีขึ้นบ้างแล้วปัญหาทางด้านสังคมก็ยังคงมีอยู่หากผู้รักษามิได้สนใจช่วยเหลือแก้ไขนอกจากนี้อาการบางอย่างเช่นอาการด้านลบหรือภาวะท้อแท้หมดกำลังใจไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาจึงจำเป็นยิ่งที่ผู้รักษาจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านจิตสังคมของผู้ป่วยเพื่อที่จะเข้าใจและช่วยเหลือเขาได้ในทุกด้านมิใช่เป็นเพียงแค่ผู้รักษาโรคเท่านั้น:
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยยารักษาโรคจิตนั้นเป็นหัวใจของการรักษานอกจากเพื่อการควบคุมอาการด้านบวกแล้วยังสามารถลดการกำเริบซ้ำของโรคได้พบว่าผู้ป่วยที่กลับมีอาการกำเริบซ้ำอยู่บ่อย ๆ นั้นส่วนใหญ่มีปญหามาจากการ
ประวัติทั่วไป
ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ป่วยชาย ชื่อนาย จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash,Jr.)
อายุ 21 ปี
เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
ประวัติครอบครัว
มีน้องสาว 1 คน
มีภรรยาชื่อ อลิเซีย และมีลูกด้วยกัน 1 คน
ความสัมพันธภาพภาพในครอบครัว
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัวและชอบอยู่คนเดียว
ผู้ป่วยมีความคิดหมกหมุ่นเกือบทำร้ายลูกและภรรยา
ผู้ป่วยไม่มีความรู้สึกและไม่อยากมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
ผู้ป่วยมีความคิดหมกมุ่นและพฤติกรรมที่แปลกๆ