บทที่ 5 การดูแลเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
๕.๑การดูแลเด็กโดยมีครอบครัวเป็นศูนย์กลาง (Family Centered Care)
๕.๒ การพยาบาลเด็กในระยะเฉียบพลันและวิกฤต
๕.๓ การพยาบาลเด็กในระยะเรื้อรังและสุดท้าย
๕.๔ การพยาบาลเด็กที่มีความปวด
Stress & coping ความเครียดและวิธีการเผชิญกับความเครียด
วิตกกังวลจากการแยกจาก(Separation anxiety)
Death & Dying / การดูแลแบบประคับประคอง
ภาพลักษณ์ (Body image)
Critical Care Nursing ภาวะเจ็บป่วยในเด็กที่เกิดขึ้นทันทีทันใดและมีโอกาสเสียชีวิตสูง องค์ประกอบในการดูแลดังนี้
ความหมายและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
เครื่องมือประเมินความปวด
การบรรเทาความปวดแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา
การจัดการความปวดโดยใช้กรอบแนวคิด RAT model
ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้ป่วยและบริบทของครอบครัว
ให้ความมั่นใจและเปิดโอกาสให้ครอบครัวได้ตัดสินใจและร่วมวางแผนในการดูแลรักษาสุขภาพ
ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายอารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ
ให้อิสระแก่ผู้ดูแลและครอบครัว ได้มีอิสระในการเลือกวิธีการรักษาและกำหนดเป้าหมายของตนเอง
ให้กำลังใจ มีความยืดหยุ่นสำหรับความต้องการ และเตรียมครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย
ให้การดูแลผู้ป่วยเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
ไม่แยกผู้ป่วยออกจากครอบครัวหรือญาติ
ส่งเสริมให้ครอบครัวหรือญาติมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและดูแลผู้ป่วย
ให้ครอบครัวมีส่วนรวมในการวางแผนและประเมินผลการดูแล
แบ่งได้ 3 ระยะ
ความวิตกกังวลจากการแยกจากเป็นสภาพอารมณ์ที่เด็กเกิดความรู้สึกกลัว กะวนกระวาย เครียดหรือกังวลที่ต้องแยกจากบ้าน
การพบาบาลที่สำคัญคือเน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
2.สิ้นหวัง (Despair)
3.ปฏิเสธ (Denial)
1. ประท้วง (Protest)
เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทันที นาน 2-3 ชั่วโมงหรือหลายวันเช่น ร้องไห้อย่างรุนแรง กรีดร้อง ไม่ยอมนอน ไม่ยอมรับประทานอาหาร ไม่ร่วมกิจกรรม
เกิดเมื่อเด็กประท้วงไม่ได้ผล เข้าใจว่าแม่เมื่อไปแล้วจะไม่กลับมาจึงลดความไว้วางใจ เด็กจะซึม เศร้า เงียบ แยกตัวมีพฤติกรรมเล่นกับตัวเอง เช่น ดูดนิ้ว นั่งโยกตัว ติดตุ๊กตา หรือเกิดพฤติกรรมถดถอยเช่น เคยกินนมเองได้ก็จะไม่กิน
จะเกิดเมื่อเด็กพรากจากแม่หรือผู้ดูแลนาน ๆ เด็กจะปฏิเสธ ไม่สนใจพ่อแม่ สนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น รับประทานอาหารได้ดี ร่วมมือในการักษาพยาบาลดี
เด็กที่อยู่ในภาวะวิกฤติต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ผู้ให้การรักษาพยาบาลต้องมีความรู้มีทักษะในการดูแลเด็กที่ป่วยแบบผูู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างมีคุณภาพ
ดูแลสิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วย ให้มีบุคลากรและอุปกรณ์พร้อมใช้
อธิบายให้ครอบครัวเข้าใจถึงภาวะสุขภาพของเด็ก
ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กป่วย
ประเมินปัญหาและบันทึกข้อมูลรายงานอย่างต่อเนื่อง
จัดกิจกรรมให้เด็กเล่นให้เหมาะสมตามวัย
ป้องกันอันตรายที่อาจทำให้เด็กเกิดการเจ็บปวด
สนับสนุนสมาชิกของครอบครัวให้ความช่วยเหลือในการดูแลผู้ป่วยและครอบครัว
บทบาทของพยาบาลในการดูแล
1.ส่งเสริมให้มีพัฒนาการตามปกติโดยอาจใช้การเล่นเป็นตัวเชื่อมโยง
2.ส่งเสริมการเผชิญกับความเครียด โดยการสร้างทัศนคติทางบวกต่อความเจ็บป่วย
3.การให้ความหวังและข้อมูลในเด็กโตที่พอจะเข้าใจต่อครอบครัว
4.สนับสนุน ช่วยเหลือครอบครัวในระยะการวินิจฉัยโรคให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง
- ส่งเสริมการปรับตัวของครอบครัวและตอบสนองความต้องการของสมาชิกในครอบครัว
6.สร้างระบบสนับสนุนช่วยเหลือ เช่น ภายในครอบครัว ระหว่างครอบครัว และแหล่งประโยชน์ของชุมชน ครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะของเด็ก มีผลต่อความรู้สึกของเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ปัจจัยที่มีอิทธิพล มีดังนี้
- ด้านจิตใจ สิ่งแวดล้อมภายใน และภายนอกร่างกาย
- ส่วนบุคคล เช่น เพศ อายุ ขนาดและสัดส่วนของร่างกาย
- สังคมและวัฒนธรรม เช่น สังคมของวัยรุ่น การล้อเลียน การยอมรับของกลุ่ม
ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์
- กลไกการปรับตัวของบุคคล (Coping)
- ลักษณะของภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป
- วิถีชีวิตในอนาคต
- มีกลุ่มสนับสนุนในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย
ความตาย (Death) หมายถึงการสิ้นสุดชีวิตอย่างถาวรเป็นการยุติสภาพการทำงานโดยสิ้นเชิงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
ภาวะใกล้ตาย (Dying) หมายถึงภาวะที่บุคคลต้องเผชิญความตายของตนเองและบุคคลมีความเชื่อว่าตนเองกำลังจะตาย การเจ็บป่วยทรุดลงเป็นลำดับ จนมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ว่าอยู่ในระยะที่ต้องเผชิญกับความตาย
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Palliative care) เป็นการดูแลผู้ป่วยระยะใกล้ตายไปจนกระทั่งตายและหลังการตาย โดยเน้นการดูแลเพื่อลดและบรรเทาความทุกข์ทรมานและอาการอื่น ๆ
แนวคิดเกี่ยวกับความตายในเด็ก
วัยหัดเดิน ความเข้าใจเรื่องการแยกจากยังไม่ชัดเจนและยังมีความฝันเฟื่อง
วัยก่อนเรียน เด็กจะเริ่มรู้สึกถึงความเป็นไปของความตายและเริ่มตระหนักว่า ความตายเป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากการมีชีวิต แต่ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ เด็กมักกลัวคนจะตายมากกว่าคิดว่าตนเองตาย
วัยเรียน เด็กเข้าใจเรื่องเวลามากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับความตายได้มากขึ้นแต่ยังไม่สมบูรณ์ เด็กจะมีความกลัวการสูญเสียตนเองและบุคคลอันเป็นที่รัก
วัยรุ่น มีความเข้าใจเกี่ยวกับความตายได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ว่าความตายเป็นการสิ้นสุดของชีวิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้ แต่เด็กวัยนี้ยังมองว่าความตายเป็นเรื่องที่ยังไกลตนเอง บางครั้งอาจปฏิเสธเรื่องความตาย
วัยทารก วัยทารกจะยังไม่มีมโนทัศน์เกี่ยวกับความตาย และยังไม่สามารถรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของการตาย ความตายในวัยนี้จึงมีความหมายเพียงการสูญเสียผู้ดูแลเท่านั้น
ด้านจิตใจ
ด้านสังคม
ด้านร่างกาย
ด้านจิตวิญญาณ ศาสนา
ความปวด
1.การประเมินความปวด ตำแหน่ง ลักษณะความปวดและความรุนแรงของความปวด
2.การวางแผนการรักษา
1.การจัดการความปวดโดยให้ยาตามหลักการขององค์การอนามัยโลก
2.การจัดการความปวดโดยไม่ใช้ยา เช่น การนวด (massage) การกดจุด (acupressure) การฝังเข็ม (acupuncture) การใช้ความร้อน (heat) การใช้ความเย็น (cold) การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation: TENS) การสัมผัส (touch)
3.การตรวจติดตามผลการระงับปวด มีการประเมินความปวดอย่างสม่ำเสมอและปรับเปลี่ยนแผนการรักษาจนผู้ป่วยไม่รู้สึกปวด
ปัญหาผิวหนังและแผลกดทับ
แบบประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ(Barden Score)
ให้การดูแลตามคะแนนจากการประเมิน
เช่น พลิกตัวเปลี่ยนท่านอนให้ผู้ป่วยบ่อย ๆ ทุก 2 ชั่วโมง หรือตามสภาพผู้ป่วย
การดูแลทั่วไป
การดูแลความสะอาดของร่างกาย ให้สารน้ำอย่างเพียงพอกับความต้องการ ดูแลเรื่องการขับถ่าย การพักผ่อนนอนหลับ จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาดและสงบ
ให้เด็กได้อยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่นที่แวดล้อมด้วยคนใกล้ชิด
ดูแลให้เกิดความสุขทางใจ ลดความเครียด ความวิตกกังวลทั้งของเด็กและครอบครัว
ตอบสนองความต้องการของเด็กตามวัยอย่างเหมาะสม ให้ผู้ปกครองเฝ้าอย่างใกล้ชิด
ดูแลโดยยึดหลักใส่ใจ(concern) สบาย(comfort) สื่อสาร(communication) สม่ำเสมอ(consistency) สดชื่น(cheerfulness)และสัมพันธภาพ(companionship)
ประเมินและบันทึกสภาพจิตใจของเด็กเกี่ยวกับความตาย
เปิดโอกาสให้เด็กได้สักถามเกี่ยวโรคที่เป็นอยู่ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ทีมดูแลควรเป็นทีมเดิมเพื่อไม่ให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่คุ้นเคย
ส่งเสริมอำนวยความสะดวกตอบสนองความต้องการด้านความเชื่อ ศาสนาความต้องการครั้งสุดท้ายของเด็กเท่าที่ทำได้
ความหมาย ความปวดเป็นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่บอกความรู้สึกที่พึงพอใจ และเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนซึ่งเจ้าตัวเท่านั้นที่รับรู้ ความปวดในเด็กจึงเป็นประสบการณ์ทั้งด้านความรู้สึกและอารมณ์ของเด็กที่ได้สื่อสารออกมา
ชนิดของความปวด
การแบ่งตามเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
ความปวดจากร่างกาย (Somatic or Inflammatory pain) เป็นความรู้สึกปวดเมื่อมีความเสียหายที่เนื้อเยื่ออ่อนของกล้ามเนื้อและโครงกระดูก มักจะเป็นเฉพาะที่
ความปวดจากอวัยวะภายใน (Visceral pain) เป็นความปวดที่เกิดจากเนื้อเยื่อของอวัยวะภายในช่องท้องถูกทำลาย
ความปวดจากเส้นประสาท (Differentiation pain) เป็นความปวดที่เกิดจากเนื้อเยื่อประสาทถูกทำลาย
การแบ่งตามกลไกความปวด
Nociceptive pain เป็นอาการปวดที่เกิดจากกิจกรรมในทางเดินประสาทที่เกิดจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ
Neuropathic pain มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ หรือความผิดปกติของระบบประสาทรับความรู้สึกทางกาย
การแบ่งตามระยะเวลา
ความปวดเฉียบพลัน(Acute pain)
ความปวดเรื้อรัง (Chronic pain)
การวัดระดับความรุนแรงของความปวดแบบมิติเดียว (unidimentional assessment)
เฟเชียลสเกลส์(facial scales) คือ การใช้รูปภาพแสดงสีหน้าบอกความรู้สึกปวด
วิช่วลอนาล็อกสเกลส (visual analogue scales : VAS) เป็นการวัดโดยใช้เส้นตรงยาว 10 เซนติเมตร ให้ปลายข้างหนึ่งแทนค่าด้วยเลข 0 หมายถึง ไม่ปวด ปลายอีกข้างหนึ่งแทนค่าด้วยเลข 10 หมายถึง ปวดรุนแรงมากที่สุด
บอดี้ไดอาแกรม (body diagrams) คือการวัดโดยใช้ภาพวาดให้ผู้ป่วยชี้หรือเขียนลงในภาพวาดรูปคนแสดงตําแหน่งที่มีความปวด
วิช่วลเรตติ้งสเกลส (visual rating scales: VRS) คือการวัดโดยใช้เส้นตรงยาว 10 เซนติเมตรแบ่งเป็น 10 ช่องๆละ 1 เซนติเมตร
การวัดระดับความรุนแรงของความปวดแบบหลายมิติ (multidimentional assessment)
แบบประเมินความปวดที่นิยมใช้ในเด็กวัยต่าง ๆ
ใช้แบบสอบถามของแมคกิลล์ในการวัด ประกอบด้วยความรู้สึกทางระบบประสาท สภาพอารมณ์ จิตใจ และประเมินโดยรวม
NIPS(Neonatal Infant Pain Scale)เด็กอายุแรกเกิด-1เดือน
FLACC scale เด็กอายุ 1 เดือน-6 ปี
CHEOPS เด็กอายุ 1-6 ปีหรือไม่รู้สึกตัว
การบรรเทาปวดแบบใช้ยา จะเลือกใช้แนวปฏิบัติขั้นบันไดขององค์กรอนามัยโลกเพื่อจัดการความปวด
การบรรเทาปวดโดยไม่ใช้ยา
ทารกแรกเกิด เช่น การให้นมแม่ การอุ้มสัมผัสร่างกาย การห่อตัวด้วยผ้า การดูดจุกเปล่าเพียงอย่างเดียว
วัยหัดเดิน เช่น การโอบกอด ให้เล่นของเล่น
วัยก่อนเรียนและวัยเรียน เช่น การดูวิดิโอการ์ตูน การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง การเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ
วัยรุ่น เช่น การฟังเพลงที่เด็กชอบ การสวดมนต์ตามความเชื่อ การนั่งสมาธิ และการนวด
R-Recognize (ตระหนัก) หมายถึง การรับรู้ความปวดของผู้ป่วยว่าผู้ป่วยทราบว่าตนเองปวดไหม
A-Assess (ประเมิน) ประเมินความปวดเช่น วัดความรุนแรงของความปวด ตำแหน่งที่ปวด
T-Treat (การรักษา) รักษาความปวดโดยทั่วไป เช่นการใช้ยาหรือไม่ใช้ยา
นางสาวดารณีนุช จุ้ยทรัพย์ เลขที่ 56 ปี 3A รหัสประจำตัว 613701055
อ้างอิง
กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข. (2557). แนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย. สืบค้นเมื่อ 28 มิถุนายน 2563, เข้าถึงได้
จากhttps://www.skko.moph.go.th/dward/document_file/perdev/common_form_upload_file/20150316154846_2129601774.pdf
ธีระชล สาตสิน. (2560). การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย: บริบทของห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน. สืบค้นเมื่อ 28 มิถุนายน 2563, เข้าถึงได้จาก https://www.researchgate.net/publication/319261718_End-of-life_care_The_context_of_the_emergency_room