Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ - Coggle…
การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ
9.1การบาดเจ็บจากการคลอด (Birth Injury)
การบาดเจ็บที่ศีรษะทารก (Skull injuries)
1.ภาวะก้อนบวมน้ำใต้หนังศีรษะ (caput succedaneum)
-เกิดจากการคั่งของของเหลวในรหว่าง
ชั้นของผิวหนังศีรษะกับเยื่อหุ้มกะโหลก
-ก้อนบวมโนจะข้ามรอยต่อ (suture)
ของกระดูกกะโหลกศีรษะ
-ขอบเขตไม่แน่นอน
สาเหตุ
เกิดจากแรงดันที่กดลงบนศีรษะทารก
ระหว่างการคลอดท่าศีรษทำให้มีของเหลว
ไหลซึมออกมานอกหลอดเลือดในชั้น
ใต้เยื่อหุ้มผิหนังศีรษะ
การใช้เครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอด
(vacuum extraction)
การวินิจฉัย
จากการคลำ ศีรษะทารก พบก้อนบวมโน นุ่ม กดบุ๋ม ขอบเขตไม่ชัดเจน ข้าม suture พบทันทีภายหลังคลอด
อาการและอาการแสดง
พบได้ด้านข้างของศีรษะ การบวมของก้อนโนนี้
จะมีความกว้างและ มีขนาดโตประมาณไข่ห่าน
ทำให้ศีรษะมีความยาวมากกว่าปกติ
แนวทางการรักษา
หายไปได้เอง ประมาณ 2 -3 วันหลังคลอด
ถ้าเกิดจาก V/E จะหายได้ช้ากว่า
บทบาทการพยาบาล
สังเกตลักษระ ขนาด การเปลี่ยนแปลงของก้อนบวมโน
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาททารก
อธิบายให้มารดาและบิดาเข้าใจ
บันทึกอาการและการพยาบาล
2.ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้ม
กะโหลกศีรษะ(Cephalhematoma)
เป็นการคั่งของเลือดบริเวณใต้เยื่อหุ้มกระดูก
กะโหลกศีรษะ มีขอบเขตชัดเจน และไม่ข้าม
รอยต่อของกระดูกกะโหลก ศีรษะ
พบมากที่กระดูก parietal
สาเหตุ
ศีรษะทารกถูกกดจากช่องทางคลอด
การใช ้V/E
ระยะเวลาการคลอดยาวนาน
ภาวะแทรกซ้อน
ในรายที่มีอาการรุนแรง ก้อนโนเลือดมีขนาดใหญ่
จะเกิดภาวะ hyperbilirubinemia ได้
อาจเกิดการติดเชื้อจากการดูดเลือดออก
จากก้อนโนเลือดใน กรณีมีแผนการรักษา
การวินิจฉัย
ประวัติเบ่งคลอดนาน ช่วยคลอดโดยใช ้V/E
ตรวจพบศีรษะมีก้อนบวมโนบนกระดูกกะโหลก
ศีรษะชิ้นใดชิ้นหนึ่งลักษณะ แข็งหรือค่อน
ข้างตึง คลำขอบเขตได้ชัดเจน กดไม่บุ๋ม
แนวทางการรักษา
ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน จะคอ่ยๆ
หายไปเองภายใน 2 เดือน
ถ้ามีภาวะตัวเหลืองร่วมด้วยและมีระดับบิลลิรูบินในเลือดสูง จำเป็นต้องได้รับการส่องไฟ (phototherapy)
ในรายที่ก้อนเลือดขนาดใหญ่อาจ
รักษาโดยการดูดเลือดออก
บทบาทการพยาบาล
สังเกต ลักษณะ ขนาด การเปลี่ยนแปลง
ให้ทารกนอนตะแคงด้านตรงข้ามกับก้อนโนเลือด
สังเกตอาการซีด เจาะ Hct และ
ให้เลือดตามแผนการรักษา
ตรวจ MB ถ้าตัวเหลืองรายงาน
แพทย์เพื่อพิจารณาส่องไฟ (phototherapy)
แนะนำ ไม่ใช้ยาทา ยานวด
ประคบหรือเจาะเอาเลือดออกเอง
อาการและอาการแสดง
อาการจะชัดเจนหลัง 24 ชั่วโมงไปแล้ว
รายที่รุนแรงอาจพบทันทีหลังเกิดและ
พบว่าก้อนโนเลือดมีสีผิดปกติ
เป็นสีดำหรือน้ำเงินคล้ำ
3.ภาวะที่มีเลือดสะสมใต้ช่องว่างของเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างพังพืด ของกะโหลกกับเยื่อหุ้มกะโหลก (Subgaleal hematoma)
สาเหตุ
ใช้ V/E
อาการและอาการแสดง
มีขอบเขตจากหน้าไปหลังเริ่มจากขอบเบ้าตา
ไปยังท้ายทอย และด้านข้างจากหูไปยังหูอีกข้าง
ก้อนมีลักษณะน่วม และข้ามแนวประสานกระดูก ก้อนมีขนาด เพิ่มขึ้นช้า ๆ ในหลายชั่วโมงหรือวัน หรือเพิ่มขนาดอย่างรวดเร็วทำให้ทารกช็อกจากการเสียเลือดได้
Subgaleal hematoma อันตราย
มากกว่า Cephalhematoma
4.เป็นภาวะที่เลือดออกภายในกะโหลกศีรษะ (Intracranial hemorrhage)
สาเหตุ
Preterm
ภาวะขาดออกซิเจนเป็นเวลานานในขณะคลอด
การได้รับอันตรายรุนแรงจาการคลอด
การคลอดท่าก้น
CPD
การใช้เครื่องมือช่วยคลอด
การคลอดยาก
การคลอดเฉียบพลัน
ภาวะแทรกซ้อน
เลือดออกกดศูนย์หายใจทำให้ทารกหายใจลำบาก
ทารกอาจเกิดปัญญาออ่น (mental retardation)
การวินิจฉัย
จากประวัติการคลอดเพื่อค้นหาสาเหตุ
แนวทางการรักษา
ถ้ามีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
อาจได้รับการรักษาโดยเจาะน้ำไขสันหลัง
ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายทารกถ้าตัวเย็น
ดูแลให้ได้รับยาระงับการชักและให้วิตามินเค
ดูแลให้ออกซิเจนถ้าทารกมีภาวะพร่องออกซิเจน
ดูแลให้ได้รับนมและน้ำอย่างเพียงพอ
บทบาทพยาบาล
ดูแลให้ทารกหายใจสะดวกและได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ดูแลให้ได้รับนมและน้ำที่เพียงพอ
ให้ทารกอยู่ในตู้อบ (incubator) ที่ควบคุมอุณหภูมิ
ป้องกันและไม่ให้ทารกได้รับอันตรายจากการชัก
ดูแลฉีดวิตามินเค จำนวน 1 มิลลิกรัม เข้ากล้ามเนื้อ
อาการและอาการแสดง
Reflex ลดน้อยลงหรือไม่มี
กำลังกล้ามเนื้อไม่ดี มีอาการอ่อนแรง
มีภาวะซีด หรือมีอาการเขียว (cyanosis)
ร้องเสียงแหลม
ซึม ดูดนมไม่ดี หรือไม่ยอมดูดนม
การบาดเจ็บของกระดูก (Bone injuries)
1.กระดูกต้นแขนหัก(Fracture humurus)
สาเหตุ
ไหล่คลอดยาก
การคลอดท่าก้น
การตรวจร่างกาย
moro reflex ทารกไม่งอแขน
จับแขนขยับทารกจะร้องไห้เนื่องจากรู้สึกเจ็บ
อาการและอาการแสดง
complete ได้ยินเสียงกระดุกหัก
แขนข้างที่หักมีอาการบวม
ทารกไม่เคลื่อนไหวแขนข้างที่หัก
แนวทางการรักษา
กระดูกแขนเดาะ ตรึงแขนให้แนบ
กับลำตัว ไม่ให้เคลื่อนไหว 1-2 สัปดาห์
กระดุกหักแบบสมบูรณ์ จับแขนตรึงกับผนังทรวงอก ศอกงอ 90 องศา แขนส่วนล่างและมือทาบขวางลำตัวใช้ผ้าพันรอบแขนและลำตัว หรือใส่เฝือกอ่อนจากหัวไหล่ถึงสันหมัด
2.กระดูกต้นขาหัก(Fracture femur)
สาเหตุ
การดึงขาทารกขณะติดอยู่ที่ทางเข้าเชิงกราน
การคลอดท่าก้น
การตรวจร่างกาย
moro reflex ไม่ยกขาข้างที่กระดุกหัก
สังเกตทารกไม่เคลื่อนไหวขาข้างที่หัก
อาการและอาการแสดง
ขาทารกมีอาการบวม
จับทารกเคลื่อนไหว ทารกจะร้องไห้
ได้ยินเสียงกระดูกหักขณะทารกคลอด
แนวทางการรักษา
กระดูกไม่หักแยกจากกัน รักษาโดย
การใส่เฝือกยาว ประมาณ 3-4 สัปดาห์
กระดูกหักแยกออกจากกัน รักษาดดยการห้อยขาทั้งสองข้างไว้กับราวที่ขวางปลายเตียง ขาเหยียดตรง ให้ก้นและสะโพกลอยจากพื้น ดึงขาไว้นาน 2-3 สัปดาห์
3.กระดูกไหปลาร้าหัก(Fracture clavicle)
สาเหตุ
ไหล่คลอดยาก
ทารกตัวโตหรือคลอดท่าก้น
ผู้ทำคลอดดึงแขนออกมา
การตรวจร่างกาย
moro reflex แขนทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไม่เท่ากัน
กระดุกเดาะอาจยกแขนได้ คลำ
บริเวณที่หักได้ยินเสียงกรอบแกรบ
อาการและอาการแสดง
มีอาการบวมห้อเลือด(ecchymosis)
ทารกเคลื่อนไหวแขนข้าที่กระดุกไหปลาร้าหักน้อย
พบประสาทไหปลาร้า(brachial plexus)
ได้รับอันตรายด้วย
ทารกมีอาการหงุดหงิดหรือร้อง
แนวทางการรักษา
รักษาโดยให้แขนและไหล่ที่หักอยู่นิ่งๆ
โดยการกลัดแขนเสื้อติดกับตัวเสื้อ 10-14 วัน
ส่วนใหญ่หายได้เองค่อนข้างเร็ว ใน 1 สัปดาห์
การบาดเจ็บของเส้นประสาท (Nerve injury)
facial nerve injury
สาเหตุ
การใช้คีมช่วยคลอด
การคลอดยาก
การตรวจร่างกาย
สังเกตสีหน้าท่าทางของทารกเวลานอน
อาการและอาการแสดง
มีการอัมพาตชั่วครางของกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นด้านเดียว
กล้ามเนื้อที่อัมพาตไม่เคลื่อนไหว
หน้าเบี้ยวไปด้านที่ดี
รูปหน้าทั้งสองด้านไม่เท่ากัน
ทารกลืมตาได้เพียงครึ่งเดียว
แนวทางการรักษา
เพียงถูกกดอาจหายไปได้เองภายใน 2-3 วันถึงสัปดาห์
เส้นประสาทขาดต้องได้รับการศัลยกรรมซ่อมประสาท
บทบาทพยาบาล
1.ล้างตา หยอดตาตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับนมให้เพียงพอ
3.ดูแลให้ทารกได้รับการตอบสนองด้านจิตใจ
4.ดูแลบรรเทาความวิตกกังวลของบิดามารดา
การบาดเจ็บของเส้นประสาท Brachial
สาเหตุ
เกิดจากข่ายประสาทBrachial ถูกดึงหรือกด
การดึงไหล่ออกไปจากศีรษะระหว่างการคลอด
Erb-Duchenne paralysis
C5-C6 ส่วนบนไม่ขยับ
กำมือได้ตามปกติ
Klumpke’ s paralysis
C7-C8 และ T1 ส่วนล่างไม่ขยับ
กำมือไม่ได้
การตรวจร่างกาย
Erb-Duchenne paralysis
moro reflex แขนข้างที่เป็นยกได้น้อย
เคลื่อนไหวและงอแขนลดลง
grasp reflex ปกติ
Klumpke’ s paralysis
moro reflex ไหล่และแขนส่วนบนเหนียดกางออกปกติ
grasp reflex ผิดปกติ
แนวทางการรักษา
ทำกายภาพบำบัด
ไม่หายต้องทำศัลยกรรมประสาท
ให้แขนไม่เคลื่อนไหว
บทบาทพยาบาล
1.ดูแลให้ส่วนที่ได้รับอันตรายไม่เคลื่อนไหว
2.ดูแลให้แขนที่ได้รับอันตรายได้ออกกำลัง
3.ดูแลความสุขสบายและการผ่อนคลาย
ทำความสะอาดร่างกายด้วยความนุ่มนวล
5.ช่วยให้บิดาและมารดามั่นใจในการดุแลทารก
การบาดเจ็บที่เกิดกับทารกระหว่างคลอด
จากแรงที่กระทำ กับทารกโดยตรง
ปัจจัยเสี่ยง
จากมารดา
จากทารก
จากการคลอด
ผู้ทำคลอด
ขาดความชำนาญ
ขาดความเอาใจใส่
การคลอดด้วยคีมหรือ
เครื่องดูดสุญญากาศ
การใช้เเรงดึงมากไป
ในการช่วยคลอด
ทารกมีส่วนนำผิดปกติ
เช่น หน้า ไหล่ ก้น
ทารกมีขนาดโตมาก
อายุครรภ์ไม่ครบกำหนด
การคลอดไหล่ยาก
ทารกมีความพิการแต่กำเนิด
มารดามีภาวะเบาหวาน เชิงกรานแคบ
ไม่ได้สัดส่วนกับทารก (CPD)
ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ ์เช่น
PIH รกลอกตัวก่อน กำหนด
ระยะเวลาของการคลอด เช่น
การคลอดเฉียบพลัน
9.2 ทารกคลอดก่อนกำหนด (Preterm baby)
และน้ำหนักตัวน้อย(Low birth weight infant)
ทารกที่เกิดเมื่ออายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์เต็ม
และมีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม
ทารกคลอดก่อนกำหนด
(Preterm baby)
ลักษณะทารกคลอดก่อนกำหนด
ศีรษมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว
กะโหหลกศีรษะนุ่ม
เปลือกตาบวมและนูนออกมา
รูปร่างรวมทั้งแขนขามีขนาดเล็ก
ผิวหนังเหี่ยวย่น มองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังชัดเจน
น้ำหนักตัวน้อย
ไขเคลือบตัว(vernix caseosa)
ผมขนอ่อน (Lanugo hair) ใบหน้า หลังและแขน
ลายฝ่ามือฝ่าเท้ามีน้อยเเละเรียบ
กล้ามเนื้อมีกำลังน้อย
ผลกระทบต่อทารก
ระบบทางเดินหายใจ
ปอดพัฒนาไม่เต็มที่ เกิด RDS
ศูนย์ควบคุมการหายใจเจริญยังไม่เต็มที่
ระบบประสาท
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
patent ductus arteriosus
hyperbilirubinemia
ระบบทางเดินอาหารและโภชนาการ
ระบบภูมิต้านทาน
Sepsis
ระบบต่อมไร้ท่อ
3 more items...
necrotizing enterocolitis
malnutrition
hypothermia and hyperthermia
retinopathy of prematurity
intraventricular hemorrhage
บทบาททางการพยาบาล
ห่อตัวทารกและให้อยู่ในตู้ radiant warmer
36.5-37 องศาเซลเซียส
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง นอนตะแคงไป
ด้านใดด้านหนึ่งหรือนอนศีรษะสูง
ดูแลให้ได้รับนมมารดาหรือ
นมผสมตามความต้องการ
ดูและและแนะนำบิดามารดาในการป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลให้ได้รับวิตามินเค 1 มิลลิกรัมฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ทารกแรกเกิดน้ำหนักมากว่าอายุครรภ์
(Large for gestational age)
ทารกรกที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า percentile ที่ 90 หรือ มากกว่า 4,000 กรัมในทารกคลอดครบกำหนด
สาเหตุ
จากมารดาเป็นเบาหวาน
กลูโคสผ่านมาสู่ทารกในครรภ์
ทำให้ทารกมีน้ำตาลในเลือดสูง
ตับอ่อนหลังอินซูลินเพิ่มเกิด Hyperinsulinemia
เปลี่ยนน้ำตาลเป็นไกลโครเจน
ผลกระทบต่อทารก
คลอดยาก เกิดอัมภาตของแขน
Hypoglycemia หลังคลอดจากไม่ได้รับน้ำตาลผ่านรก
Hyperbilirubinemia จากภาวะเลือดข้น
เลือดข้น(Polycythemia)
Ca,Mg ในเลือดต่ำ
ความพิการของหัวใจแต่กำเนิด
การพยาบาลเพื่อป้องกันน้ำตาลในเลือดต่ำ
ดูแลให้ทารกได้รับนมอย่างเพียงพอ
ให้ได้รับสารน้ำและสารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำ
ป้องกันสาเหตุที่ส่งเสริม เช่น ภาะอุณหภูมิร่างกายต่ำ
ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และรายงานแพทย์
ทารกคลอดเกินกำหนด
(Postterm baby)
ทารกเกิดเมื่ออายุครรภ์
มากกว่า 42 สัปดาห์
ลักษณะทารกคลอดเกินกำหนด
มีการสะสมไขมันใต้ผิวหนังลดลง
ผมและเล็บยาว
เติบโตช้าในครรภ์
ผิวหนังแห้งแตก เหี่ยวย่น
บทบาทการพยาบาล
ระยะรอคลอด
EFM ทุก 1-2 ชั่วโมง
ระยะคลอด
ป้องกันการบาดเจ็บจาก
การคลอด/การคลอดติดไหล่
ระยะหลังคลอด
ดูดสิ่งคัดหลั่งจากปากและจมูก
9.3 ทารกแรกเกิดติดเชื้อ
Treponema pallidum
-ติดเชื้อ Treponema pallidum ที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิส
ติดเชื้อภายหลัง 16สัปดาห์ Langhan’s epithelial layer จะหายไปทำให้ทารกเสี่ยงต่อภาวะ congenital syphilis
อาการแสดง
congenital syphilis
-น้ำหนักตัวน้อย ศีรษะเป็นรูปสี่เหลี่ยม
หน้าผากโหนก จมูกแบน Hydrop fetalis
ฝ่ามือฝ่าเท้าลอก ต่อมน้ำเหลืองโต
แนวทางการรักษาทารก
ติดเชื้อ Treponema pallidum
สังเกต ภาวะ congenital syphilis
ส่ง cord blood for VDRL ติดตามผลเลือด
แยกทารกออกจากทารกคนอื่นๆ
ดูแลให้ได้รับยาตามแผน
แนวทางการรักษาด้วยยา
ดูแลให้ยา Aqueous penicillin G 50,000
ยูนิต/กก.ทางหลอดเลือดดำ และให้ Procaine
penicillin G 50,000 ยนูิต/กก. ทางกล้ามเนื้อ
ดูแลให้ยา Benzathine penicillin G
50,000 ยูนิต/กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 1 ครั้ง
หัดเยอรมันกับการตั้งครรภ์
-เชื้อ Rubella Virus
-ติดต่อตั้งแต่ในครรภ์ผ่านรกได้
ไตรมาสแรกโอกาสติดเชื้อร้อยละ 80 ส่งผลให้เกิด
congenital rubella syndrome (CRS)
congenital rubella syndrome (CRS)
ความผิดปกติทางตา (ต้อกระจก ต้อหิน)
ความผิดปกติทางหู (หูหนวก)
ความผิดปกติของหัวใจ PDA
สมองพิการและปัญญา่อน
เกล็ดเลือดต่ำ
เติบโตช้าในครรภ์
หญิงตั้งครรภ์รับเชื้อช่วง 4 เดือนแรก
ส่งผลให้ทารกแท้ ตายคลอด
Titer > 1:8 ในระหว่าง GA 1- 16 สัปดาห์ ควรให้ข้อมูลใน
การยุติการตั้งครรภ์
เชื้อเข้าไปยับยั้งการแบ่งตัวของ cell
ทารก ทำให้โครโมโซมทารกแตก
แนวทางการรักษา
ทารกควรได้รับการแยกจากทารกปกติ
เก็บเลือดทารกส่งตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อ
โรคสุกใส (Chickenpox)
-เชื้อไวรัส varicella virus
-ระยะติดต่อ 24 ชม.ก่อนผื่นขึ้นและ 6 วันหลังผื่น
การติดเชื้อในระยะตั้งครรภ์
GA 6-12 wks. เกิดความผิดปกติของแขนขา
GA 16-20 wks. มีผลต่อการพัฒนาสมอง
3 เดือนแรกอาจทำให้ทารกพิการได้
ถ้าเป็นสุกใสก่อนคลอด 5 วันหรือหลังคลอด 2 วัน
ทารกมีโอกาสเป็นสุกใสชนิดรุนแรง
แนวทางการรักษา
ถ้ามารดามีอาการขณะคลอด
มารดาและทารกควรได้รับการแยกกันดูแล
จนกระทั่งมาดาตกสะเก็ดจนหมด
ทารกที่คลอดจากมารดาสุกใสก่อนคลอด 5 วันหรือ
หลังคลอด 2 วัน ควรได้รับ varicella-zoster immunoglobulin (VZIG) ทันทีที่คลอด
โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)
-เชื้อ Neisseria gonorrhea
-พบในวันที่ 1-4 หลังคลอด
เชื้อจะเข้าสู่ตาทารกเป็นส่วนใหญ่
ป้องกันการติดเชื้อที่ตาโดยป้ายตา 0.5% erythromycin หรือ 1% tetracyclin oinment หรือ หยอดตาดว้ย 1% silver nitrate
แนวทางการรักษา
ดูแลให้ได้รับยา Cefixin 1 mg/kg ทางหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ วันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 7 วัน
เช็ดตาด้วยNSS หรือล้างตาทุก 1 ชม.จนกว่าตาจะแห้ง
โรคเริม
-เชื้อ Herpes simplex virus
-ทารกหลังคลอดมีการตอดเชื้อจากมารดา
อาการของทารก
ไข้ อ่อนเพลีย
การดูดนมไม่ดี
ตัวเหลือง ตับม้ามโต
ชัก
แนวทางการรักษา
แยกออกจากทารกคนอื่นอย่างน้อย 7-10วัน
ดูแลให้ได้รับยา Acyclovir ตามแผนการรักษา
โรคเอดส์(AIDS)
-เชื้อ HIV
-ติดต่อทางรก สัมผัสเลือด
หรือสารคัดหลั่ง
การให้ยาต้านไวรัสสามารถป้องกันการ
ถ่ายทอดเชื้อไวรัสจากมารดาสู่ทารกได้
แนวทางการรักษา
หลีกเลี่ยงการใส่สายยางสวนอาหารในกระเพาะอาหารทารก
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อต้องได้รับยา NVP ชนิดน้ำ 6 มิลลิกรัมทันทีหรือภายใน 8-12ชม.หลังคลอดร่วมกับ AZT 2มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หลังจากนั้น AZT ต่อทุก 2 ชม.
ตรวจหาการติดเชื้อ viral load ด้วยวิธี real time PCR assay ถ้าพบเชื้อ HIV-RNA ใน 48 ชั่วโมงแรกหลังคลอดแสดงว่าทารกติดเชื้อตั้งแต่ในครรภ์ ถ้าตรวจพบใน 6 สัปดาห์แสดงว่าติดเชื้อในระยะคลอด
ทารกครบ 12 เดือน ควรตรวจหาภูมิต้านทาน IgG และ IgM และตรวจอีกเมื่อ 18 เดือน
โรคตับอักเสบบี
-hepatitis B virus
-ถ่ายทอดผ่านเลือด น้ำลาย อสุจิ
แนวทางการรักษา
แรกคลอดดูดมุกและเลือดออกจาก
ปากและจมูกให้มากที่สุด
ทารกดูดนมได้ทันทีหลังคลอดโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ทารกได้รับวัคซีน ถ้ามารดามีหัวนมแตกให้งด
ดุแลให้ทารกแรกเกิดได้รับ HBIG ร่วมกับ HBV
เข็มที่ 1ภายใน 12 ชม.หลังคลอดโดยฉีดคนละ
ตำแหน่ง HBV เข็มที่ 2 ตอนอายุ 1 เดือน
และให้วัคซีน DTP-HB ตอนอายุ 2,4,6 เดือน
แนะนำให้มารดาพาทารกมาตรวจเลือดตามนัด เมื่ออายุ 9-12 เดือน เพื่อตรวจหา HBsAg และ Anti-HBs