ภาพยนตร์สั้น A beautyful mind
ข้อมูลทั่วไป
ประวัติการเจ็บป่วย
2 ปีก่อนมาโรงพยาบาล หลังจบปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
ปฏิเสธการเจ็บป่วยในอดีต ปฏิเสธการแพ้ยา/อาหาร และการใช้สารเสพติด
click to edit
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยเด็ก
วัยรุ่น
เรียนเก่ง ชอบทำอะไรด้วยตนเอง
เก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิท
มีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน
ชอบอยู่คนเดียว
รู้สึกว่าเพื่อนชอบแกล้งเขาเพราะเห็นว่าเขาเก่งกว่า ฉลาดกว่า
สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และทำการทดลอง
ไม่ชอบกิจกรรมนันทนา
สนใจทางด้านคณิตศาสตร์
จบปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์ด้วยอายุเพียง 20 ปี
บุคลิกที่ดูแตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
เก็บตัวและไม่มีเพื่อนสนิท
เรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
มีความโดดเด่นด้านเรียนในระดับอัจฉริยะ
เริ่มคิดว่านักคณิตศาสตร์มีความสำคัญต่ออนาคตของอเมริกา
มีเพื่อนชื่อชาร์ลส์
ทักทาย และเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมห้องพัก
มาชวนพูดคุยในสถานการณ์ต่างๆ
ให้กำลังใจและคอยอยู่เป็นเพื่อนเสมอ
ผู้ป่วยเริ่มมีความคิดหมกมุ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆเพิ่มมาก
จบปริญญาเอก
ทำงานที่วีลเลอร์แลปส์
ทำงานสายลับ
นายชาร์ลส์มาปรากฏตัว มาหาผู้ป่วย
มีหลานสาวมาด้วยในบางครั้ง
เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเรื่องราวต่างๆให้ฟังได้
เริ่มสร้างห้องทำงานลับที่ใช้ทำงานสายลับถอดรหัสจากนิตยสารต่างๆ
มีแฟน และตัดสินใจแต่งงานกัน
โรคที่คาดการณ์
โรคจิตเภท(Schizophrenia)
อาการ
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก
โรคกลัวสังคม(Social anciety disorder)
ข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์
เพศ ชาย
อายุ 24 ปี
เชื้อชาติอเมริกัน
สัญชาติอเมริกัน
ประวัติครอบครัว
มารดาเป็นครูสอนภาษา
บิดาเป็นวิศวกร
บิดาเป็นวิศวกร
มีน้องสาว 1 คน
ภรรยาชื่อนางอลิเซีย
โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง(Schizophrenia paranoid)
โรคจิตหลงผิด(Delusional disorder)
อาการ
หลงผิด
ควบคุมตนเองไม่ได้
ไม่ชอบเข้าสังคม
ด้านพฤติกรรม
มีคนสะกดรอยตาม
กำลังถูกปองร้ายจากกลุ่มคนที่เป็นสายลับรัสเซีย
ชอบอยู่คนเดียว
ไม่มีเพื่อน
เกือบทำร้ายภรรยาและลูก
ไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง
เดินหลังค่อม
มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา
ความสามารถในการรับสัมผัส
พูดคนเดียว
สอบถามทราบว่ากำลังสนทนากับเพื่อนชื่อชาร์ลส์
เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนปริญญาเอก
อยู่ด้วยกันมาตลอด
ชาร์ลส์มาปรากฏตัวอยู่กับเขาบ่อยๆ
ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่
นั่งกุมมือและบีบมือตัวเองเกือบตลอดเวลา
สีหน้าวิตกกังวล แววตาหวาดระแวง
เหม่อลอยบ้างเล็กน้อย
เชื่อว่าตนเองเป็นสายลับของกระทรวงกลาโหม
ไม่ชอบยุ่งกับใคร
ผู้ป่วยมีอาการหลงผิด อาจเป็นเรื่องเดียวหรือหลายเรื่องก็ได้ มีหูแว่วบ่อยๆ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ไม่มีอาการของ disorganized หรือ catatonic type
catatonic type
ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ลดการเคลื่อนไหว/ไม่พูด
ต่อต้านการจัดท่า หรือคำสั่งให้เคลื่อนไหวโดยไม่บอกว่าทำไมถึงต่อต้าน
อยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยน
ลุกลี้ลุกลน แบบไม่มีสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม
อยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมหรือแปลกๆเป็นเวลานานๆ
disorganized type
ถดถอยอย่างชัดเจน พูดจาเพ้อเจ้อ ไม่สัมพันธ์กัน
เรื่องราวที่คิดหรือพูดไม่สัมพันธ์กัน
พฤติกรรมยุ่งเหยิงอย่างชัดเจน
เริ่มมีอาการในช่วงวัยรุ่น เป็นแล้วไม่หายขาด มีอาการกำเริบเป็นช่วงๆ มีอาการหลงเหลืออยู่บ้างในระหว่างนั้น
หมกมุ่นอยู่กับอาการหลงผิด
การปักใจเชื่อในบางสิ่งบางอย่างอย่างฝังแน่น
ไม่ว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือมีหลักฐานคัดค้านที่เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาเชื่อนั้นผิด เขาก็ยังฝังใจเชื่อ
เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีเหตุการหรือสถานการณ์ชวนให้เกิดมาก่อน
เกิดการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ทั้งที่ตามจริงแล้วไม่มีสิ่งที่รับรู้นั้นเกิดขึ้น
เกิดขึ้นได้กับการรับรู้ทั้งในด้าน รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
มีพฤติกรรมที่ไม่ว่าใครเห็นก็คิดว่าผิดปกติ
วุ่นวายตลอดไม่หยุด
อาจเป็นแบบอยู่นิ่งเฉย ไม่ทำอะไรหรือมีท่าทางแปลกๆ
ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้
อาการด้านความคิด
มีความคิดในลักษณะที่มีเหตุผลแปลกๆ ไม่เหมาะสม ตนเองเข้าใจคนเดียว
การรักษา
การใช้ยารักษาโรคจิต
ยารักษา
ระยะควบคุมอาการ
ใช้เพื่อควบคุมอาการให้สงบลงโดยเร็ว
ระยะให้ยาต่อเนื่อง
หลังจากที่อาการสงบลงแล้ว
เพื่อป้องกันมิให้กลับมามีอาการกำเริบขึ้นมาอีก
การรักษาด้วยไฟฟ้า
การใช้กระแสไฟฟ้าผ่านบริเวณศีรษะของผู้ป่วยในปริมาณน้อยๆ เพื่อทำให้เกิดการชักเหมือนกับในโรคลมชัก
กระแสไฟที่ใช้มีขนาดต่ำมาก ไม่มีอันตรายต่อสมอง
การดูแลรักษาด้านจิตใจและสังคม
การช่วยเหลือด้านจิตใจ
การให้คำแนะนำแก่ครอบครัว
กลุ่มบำบัด
นิเวศน์บำบัด
เกิดจากความหวาดกลัวว่าจะถูกคนรอบข้างมองในแง่ลบ
อาการ
ใจสั่น
กลัวว่า ตนเองจะทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าผู้อื่น
กลัวว่า จะทำผิดพลาดและถูกต่อว่า
กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้าง
มือสั่น
เสียงสั่น
เหงื่อออกมาก
มีอาการประหม่า
อึดอัด กังวลใจ
รู้สึกไม่สบายใจ
ผลกระทบ
ส่งผลต่อหน้าที่การงานโดยตรง
เพราะผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงการนำเสนอผลงาน
สูญเสียความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
หลีกเลี่ยงการพบผู้คน ไม่ค่อยเข้าสังคม
การรักษา
ต้องพยายามปรับเปลี่ยนที่ความคิดของผู้ป่วยเอง เพื่อประเมินตนเองให้น้อยลง
สาเหตุ
ผู้ป่วยประเมินตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีกลัวดูไม่ดีในสายตาคนอื่น กลัวถูกจับจ้อง ซึ่งหลายครั้งเป็นการคิดไปเองของผู้ป่วยในความเป็นจริง ผู้อื่นอาจไม่ได้สนใจผู้ป่วยเลยก็เป็นได้
การมีความเชื่อ หรือความคิดไม่ตรงกับความเป็นจริง(อาการหลงผิด)
ตั้งแต่ 1 เรื่องนานตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป
อาการ
การหลงผิดระแวงว่าตนถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกปองร้าย ผูกเรื่องเชื่อมโยงไปในแนวทางเดียวกัน
ไม่พบว่ามีประสาทหลอน
เช่น หูแว่ว
ผลกระทบ
การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต
การทำงานและคุณภาพชีวิต
ส่งผลให้เกิดการทำร้ายผู้อื่นได้
ยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ ยกเว้นบางกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความหลงผิด
ความแตกต่างของจิตหลงผิดกับประสาทหลอน
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
เป็นความผิดปกติในเนื้อหาของความคิด
การรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ
ไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก
สาเหตุ
ร่างกาย
จิตใจและสังคม
พันธุกรรม
สมอง
ด้านครอบครัว
ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง
ด้านสังคม
การใช้อารมณ์ต่อกันสูง
ครอบครัวที่ขาดความรู้ความเข้าใจ
ไม่เข้าใจความเจ็บป่วยของผู้ป่วย
ด่าทอรังเกียจเดียดฉันท์ผู้ป่วย
ความตึงเครียด
สภาพกดดัน
ผลข้างเครียง
ง่วงนอน
ตาลาย วิงเวียน หน้ามืดขณะเปลี่ยนท่า
ปากแห้ง คอแห้ง
ท้องผูก
น้ำหนักเพิ่ม
กระสับกระส่ายไม่อยู่นิ่ง เดินไปมาคลอดเคลื่อนไหวช้า ตัวแข็งทื่อ สั่น
ปัสสาวะลำบาก
เคี้ยวปากดูดลิ้น
การรักษา
ควรรักษาอาการที่กำเริบให้ผู้ป่วยเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล เมื่ออาการเบาลงสามารถกลับมาดูแลโดยครอบครัวของผู้ป่วยได้
ผลข้างเคียงการรักษา
การรักษาด้วยไฟฟ้า
การรักษาด้วยยา
ผู้ป่วยไม่ทานยาต่อเนื่อง เพราะจะคิดว่าตนเองมีอาการที่ดีขึ้นแล้ว
ปวดศีรษะ
ปวดเมื่อยจากการเกร็งกล้ามเนื้อ
มีภาวะหลงลืม ให้ญาติช่วยกระตุ้นความจำ
เคี้ยวปากดูดลิ้น
กระสับกระส่ายไม่อยู่นิ่ง เดินไปมาคลอดเคลื่อนไหวช้า ตัวแข็งทื่อ สั่น
ท้องผูก
ปากแห้ง คอแห้ง
ง่วงนอน
ตาลาย วิงเวียน หน้ามืดขณะเปลี่ยนท่า
ปัสสาวะลำบาก
น้ำหนักเพิ่ม
ยาที่น่าจะนำมารักษาผู้ป่วย
Chlorpromazine
ใช้รักษา ความผิดปกติของจิตใจ อารมณ์ และสภาวะอื่น ๆ
Haloperidol
รักษา อาการเห็นภาพหลอนในผู้ป่วย
ผิวหนังแดง
ครอบครัวมีส่วนช่วย
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
การพักผ่อนและออกกำลังกาย
การรับประทานยา
การบำบัดภายในครอบครัว