Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา ทางระบบประสาท - Coggle Diagram
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา
ทางระบบประสาท
ชัก
ชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)
ชนิดของการชักจากไข้สูง
Primary febrile convulsion (ไม่มีความผิดปกติของสมอง)
Secondary febrile convulsion (มีความผิดปกติของสมอง)
การรักษา
ระยะที่กำลังมีอาการชัก
กรณีที่มีการชักเกิน 5 นาที ต้องทำให้หยุดชักเร็วที่สุด โดยให้ยาระงับอาการชัก เช่น diazepam ทางหลอดเลือดดำหรือทางทวารหนัก
2.ให้ยาลดไข้ ร่วมกับ เช่น ตัวลดไข้ (เน้นขณะชักห้ามให้ยาชนิดรับประทาน)
ระยะหลังชัก
1.ซักประวัติตรวจร่างกายโดยละเอียด ให้ยาป้องกันการชักรับประทานทุกวันนาน 1-2 ปี เช่น Phenobarbital , Depakine
โรคลมชัก (Epilepsy)
แบ่งชนิดตามลักษณะอาการชัก 2 ชนิด
Partial seizure ชักกระตุกเฉพาะที่
Generalized seizure
Primary generalized epilepsy ไม่มีความผิดปกติในระบบประสาท
Secondary generalized epilepsy มีความผิดปกติในระบบประสาท
สาเหตุการชัก
ได้รับอันตรายจากการคลอด
พันธุกรรม
Developmental and degenerative disorders
โรคติดเชื้อของสมอง
รอยโรคในสมองที่ทำให้เซลล์ประสาทหลั่งคลื่นไฟฟ้าสมองผิด
ปกติ
Metabolic และ Toxic etiologies
การรักษา
รักษาด้วยอาหาร Ketogenic diet คือการจัดอาหารสัดส่วนที่มีปริมาณ
ไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ โปรตีนต่ำ
รักษาโดยการใช้ยาระงับอาการชักและยาป้องกันการชักซ้ำ
รักษาตามสาเหตุที่วินิจฉัยได้ เช่น ผ่าตัดเอารอยโรคที่สมองออก
การฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
คำแนะนำสำคัญสำหรับผู้ปกครองคือ
ให้เด็กรับประทานยากันชักต่อเนื่องทุกวันนาน อย่างน้อย 2 ปี
ห้ามหยุดยาเอง แนะนำวิธีการป้องกันอุบัติเหตุขณะชัก
มาตรวจตามนัดเพื่อแพทย์ประเมินอาการและปรับระดับยากันชักให้เหมาะสม
ชักจากการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมองหรือเนื้อสมอง
Meningitis
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย (Bacterial meningitis)
เชื้อไวรัส (Viral หรือ Asepitc meningitis)
พยาธิ (Eosinophilic meningitis)
เชื้อรา (Fungal memingitis)
Cerebrospinal fluid test
Pressure
เด็กโต = 110-150 mmH2O
ทารก 100 mmH2O
Red cells ไม่พบ
White cell count ไม่พบ
Glucose 50-75 mg/dl(ครึ่งหนึ่งของน้ำตาลในเลือด)
Protein 14-45 mg/dl
อาการและอาการแสดง
อาการที่แสดงว่ามีการติดเชื้อ เช่น มีไข้
ปวดศีรษะมาก ซึมลง กระหม่อมโป่งตึง อาเจียน ชัก
อาการแสดงของการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง คือ
คอแข็ง (Stiffness of neck)
Kernig’s sign ได้ผลบวก
Brudzinski’s sign ได้ผลบวก
การรักษา
การรักษาเฉพาะ คือ ให้ยาปฏิชีวนะที่สอดคล้องกับผลการเพาะเชื้อน้ำ
ไขสันหลังที่เป็นสาเหตุ
การรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ให้ยานอนหลับ ให้ยากันชัก ให้ยาลด
อาการบวมของสมอง ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำรักษาภาวะไม่สมดุล
อาจต้องเจาะคอหรือใช้เครื่องช่วยหายใจในรายที่มีปัญหาการหายใจหรือหมดสติ
การป้องกัน ควรฉีดวัคซีน เช่น Hib vaccine , JE vaccine,BCG
Encephalitis
สาเหตุ
เชื้อไวรัส
เชื้อแบคทีเรีย
เชื้อรา
เชื้อปาราสิต
ปฏิกิริยาต่อวัคซีน เช่น วัคซีนป้องกันโรคไอกรน หรือวัคซีนป้องกัน
พิษสุนัขบ้า
อาการและอาการแสดง
ไข้สูง
ปวดศีรษะ
ปวดบริเวณต้นคอ คอแข็ง (Stiffness of neck)
ซึมลง จนถึงขั้นโคม่าได้ภายใน 24 – 72 ชั่วโมง
ชัก มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
กระสับกระส่าย อารมณ์ผันแปร เพ้อ คลั่ง อาละวาด
การหายใจไม่สม่ำเสมอ
การรักษา
ให้ออกซิเจน, เจาะคอ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ
การให้ยา ระงับชัก ลดอาการบวมของสมอง นอนหลับ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
รักษาสมดุลของปริมาณน้ำเข้า – ออก ของร่างกาย
โรคไข้สมองอักเสบJapanese encephalitis (JE)
อาการและอาการแสดง
อาจมีอาการหายใจไม่สม่ำเสมอ ในรายที่เป็นรุนแรงมากจะ
ถึงแก่กรรมประมาณวันที่ 7-9 ของโรค
เริ่มด้วยมีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย
มีอาการปวดศีรษะจะมากขึ้น มีอาการอาเจียน ง่วงซึมจนไม่รู้สึกตัว บางรายอาจมีอาการเกร็งชักกระตุก
ถ้าพ้นระยะนี้แล้วจะผ่านเข้าระยะฟื้นตัว และมักจะมีความพิการเหลืออยู่
การตรวจวินิจฉัย
ตรวจแยกเชื้อไวรัส เจอี จากเลือด หรือน้ำไขสันหลังซึ่งพบได้ยาก
การวินิจฉัยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือตรวจหา IgM antibodyเฉพาะต่อไวรัสเจอี ในน้ำไขสันหลังและในเลือด
การรักษา
ต้องให้การดูแลรักษาเฉพาะใน Intensive care unit ให้ยาลดไข้
ลดการบวมของสมอง
ระงับอาการชัก ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยการดูดเสมหะบ่อยๆ
ถ้ามีเสมหะมากอาจต้องทำ tracheostomy บางครั้งจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
การป้องกัน
1) หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยุงกัด ยุงนี้จะกัดเวลาพลบค่ำ
2) ไม่ควรเลี้ยงหมูในบริเวณใกล้บ้านที่อยู่อาศัย
3) ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 1 ปีครึ่งครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 2-4 wk แล้วฉีดครั้งที่ 3 หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ได้ 1 ปี ควรจะเริ่มให้วัคซีนนี้พร้อมกับการให้ booster dose DTP และ OPV
หลักการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการชัก
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ตะแคงหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยสำลักเสมหะ น้ำลาย
ไม่ผูกรัดหรือตรึงผู้ป่วย ขณะชักเพื่อป้องกันกระดูกหัก
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดูดเสมหะ
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตรงตามแผนการรักษาในรายที่หายใจขัดเขียว
ขณะชักให้งดอาหาร น้ำ ทางปาก ตามแผนการรักษา
เตรียมไม้กดลิ้นไว้ที่โต๊ะข้างเตียงในรายที่มีอาการชักเกร็ง
ถ้าผู้ป่วยมีไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำธรรมดา หรือน้ำอุ่น เพื่อให้ไข้ลดถ้าไข้ไม่ลดรายงานแพทย์ทราบเพื่อให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยากันชัก ยาคลายกล้ามเนื้อตรงตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาระงับอาการชักตรงตามแผนการรักษาในรายที่มีอาการชักนาน
ขณะที่ผู้ป่วยชัก ควรป้องกันอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุ
ช่วยแพทย์ในการเตรียมตรวจ และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตามแผนการรักษา
ให้การพยาบาลผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวล และจัดสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้เงียบและอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ภายหลังให้การพยาบาลยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้ง และจัดสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขณะชัก
สังเกตและบันทึกลักษณะการชัก และระดับความรู้สึกตัวขณะชัก
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ อย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
การให้คำแนะนำและเตรียมความรู้แก่บิดา
ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโรค
แนะนำวิธีการปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีไข้
แนะนำวิธีปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยเกิดอาการชัก
แนะนำการดูแลให้ยากันชัก และผลข้างเคียงของยา
Hydrocephalus ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง
หมายถึงภาวะที่มีการคั่งของน้ำไขสันหลังในกะโหลกศีรษะ
บริเวณเวนติดเคิลของสมองและ subarachnoid space มากกว่าปกติ
สาเหตุภาวะน้ำคั่งโพรงสมอง
1.การสร้างหรือการผลิตน้ำไขสันหลังมากผิดปกติ
การอุดกั้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง
ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสันหลัง
Overproduction of CSF
Obstruction of the flow of CSF
Defective absorption of CSF
อาการและอาการแสดง
ศรีษะโต/ หัวบาตร (craniumenlargement)
เด็กเล็กที่กระหม่อมยังไม่เปิดพบว่ากระหม่อมหน้าโป่งตึงกว่าปกติ(fontanelle bulging )
หนังศีรษะบางและมองเห็นหลอดเลือดดำที่บริเวณใบหน้าหรือศรีษะโป่งตึงเห็นชัดมากกว่าปกติ(enlargement & engorgement of scalp vein)
macewensige Cracked pot sound
อาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูงsigns of increase intracranial pressure
ตาทั้ง 2 ข้างกรอกลงข้างล่าง setting-sun sign
ตาพล่ามัว เห็นภาพซ้อน(diplopia)
8 .รีเฟลกซ์ และ tone ของขา2 ข้าง ไวกว่าปกติ(hyperactive reflex)
กลิ่มเนื้ออ่อนแรง
10.พัฒนาการทั่วไปช้ากว่าปกติ(delay developement)
การเจริญเติบโตและพัฒนาการช้าสติปัญญาต่ำกว่าปกติหรือปัญญาอ่อน
การวินิจฉัย
การตรวจด้วยการส่องไฟฉาย( transillumination test)
Transillumination test
Ventriculography
CT scan
Ultrasound
Head Circumference
ความยาวเส้นรอบวงศีรษะปกติ
แรกเกิด35 เซนติเมตร
2 เดือน 35+4 เซนติเมตร
4 เดือน 39+3 เซนติเมตร
6 เดือน 42+2 เซนติเมตร
8 เดือน 44+1 เซนติเมตร
10 เดือน 45+1 เซนติเมตร
1 ปี 45 เซนติเมตร
2 ปี 47 เซนติเมตร
การรักษา
ผ่าตัดรักษาสาเหตุ
ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำไขสันหลัง (Shunt)
Ventriculo-peritoneal Shunt (V-P Shunt)
การให้ยาลดการสร้างน้ำไขสันหลัง (Diamox)
ปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดใส่ Shunt
Obstruction
Infection
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
ปัญหาที่ 1 อาจเกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูงจากการคั่งของน้ำไขสันหลัง
การพยาบาล
ประเมินอาการความดันในกระโหลกศีรษะสูง
วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวันเวลาเดียวกัน
จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา
ปัญหาที่ 2 อาจเกิดแผลกดทับบริเวณศีรษะ
การพยาบาล
จัดให้นอนบนที่นอนนุ่มๆ ใช้หมอนนุ่มรองศีรษะไหล่
เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
รักษาความสะอาดของผิวหนัง
จัดปูที่นอนให้เรียบตึง
ตรวจสอบประเมินการเกิดแผลกดทับสม่ำเสมอ
และอาหารเนื่องจากการสำรอกอาเจียนหรือดูดนมได้น้อย
การพยาบาล
ดูแลให้รับนมน้ำครั้งละน้อยๆโดยแบ่งให้บ่อยครั้ง
ขณะให้นมอุ้มท่าศีรษะสูงเสมอ
หลังให้นมจับเรอไล่ลม
การพยาบาลหลังผ่าตัด
มีปัญหาเหมือนก่อนผ่าตัดแต่เพิ่มเรื่องการดูแลแผลผ่าตัดและการป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
1.การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
2.การระบายน้ำไขสันหลังเร็วเกินไป(เน้นนอนราบ
หลังผ่าตัด ใน 24 ชม.แรก
ปัญหาและภาวะแทรกซ้อนภายหลังทำผ่าตัดสายระบาย
1.การติดเชื้อของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
2.การทำงานผิดปกติของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
3.การอุดตันของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
ภาวะโพรงสมองตีบแคบ
ภาวะเลือดออกในศรีษะเนื่องจากการผ่าตัด
เกิดแผลเป็นที่สมอง
โรคสมองพิการ(Cerebral Palsy)
หมายถึง คนที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว เนื่องจากความผิดปกติใน
การทำงานของสมองทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆ
สาเหตุ
1.ระยะก่อนคลอด
การมีเลือดออกทางช่องคลอดของมารดาช่วงระหว่างการตั้งครรภ์เดือนที่6-9
การเกิดก่อนกำหนด การเกิดน้ำหนักตัวน้อย
มารดาขณะตั้งครรภ์ขาดสารอาหาร มารดามีภาวะชักหรือมีภาวะปัญญาอ่อน
มีการใช้ยาบางชนิดทำให้สมองเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ
2.ระยะคลอด
เป็นสาเหตุร้อยละ 30 สมองขาดออกซิเจน ได้รับอันตรายจากการคลอด
คลอดยาก รกพันคอ คลอดท่าก้น การใช้คีมดึงเด็ก
3.ระยะหลังคลอด
เป็นสาเหตุร้อยละ 5 การได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ตัวเหลืองเมื่อแรกเกิด
เส้นเลือดที่สมองมีความผิดปกติ การขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ
การติดเชื้อบริเวณสมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีที่สมอง
การได้รับสารพิษ เช่น สารตะกั่ว ยาฆ่าแมลง
อาการและอาการแสดง
ลักษณะอ่อนปวกเปียก อาจหายใจช้า
พัฒนาการช้า เช่น การดูด การกลืน การเคี้ยว ทำให้สำลักนม
การเคลื่อนไหวกับสมดุลของร่างกายมีความผิดปกติถ้าสมองส่วนที่เสียนั้นควบคุมการทรงตัว
ภาวะปัญญาอ่อนตั้งแต่ขนาดน้อยถึงมาก พูดไม่ชัดเจน
การรักษา
การให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ diazepam,baclofen
การทำกายภาพบำบัดของกล้ามเนื้อแขน ขา หรือลำตัว
การให้ early stimulation เพื่อให้สมองส่วนต่างๆที่ไม่มีความเสียหายได้พัฒนา
การแก้ไขความผิดปกติของการรับรู้ที่สำคัญ
การแก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น
การให้คำแนะนำผู้ปกครองในการดูแลเด็กในชีวิตประจำวันและส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตามความสามารถและศักยภาพอย่างเหมาะสม
การพยาบาล
1.ได้รับสารอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย เนื่องจากปัญหาการรับประทานอาหาร
2.เสี่ยงต่อพัฒนาการช้ากว่าวัย/มีพัฒนาการช้ากว่าวัย เนื่องจากความบกพร่องของระบบประสาท
3.เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากความบกพร้องด้านการเคลื่อนไหว/ระบบประสาท
บิดา มารดาหรือผู้ดูแลเด็กขาดความรู้ในการดูแลเด็ก
Spina bifida
Spina bifida occulta
Meningocele
Myelomeningocele
การวินิจฉัย
มารดามีประวัติติดเชื้อขณะตั้งครรภ์การตรวจทาง
ห้องปฏิบัติการพบ Alphafetoprotien ในน้ำคร่ำสูง
การตรวจร่างกายทารกพบความผิดปกติ
การรักษา
การผ่าตัดเย็บปิดถุงที่ยื่นออกมา
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
อาจเกิดการติดเชื้อ เนื่องจากถุงน้ำแตก
การพยาบาล
จัดท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
ไม่นุ่งผ้าอ้อม
ดูแลถุงน้ำให้ชุ่มชื่น ระวังไม่ให้เกิดแผล
หมั่นตรวจสอบการฉีกขาด รั่ว
ประเมินการติดเชื้อ
อาจมีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะเนื่องจากการคั่งของน้ำปัสสาวะ
การพยาบาล
ทำ Crede’manuever ทุก 2-4 hr
2.ทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย
3.ให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
มีกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงจากการกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง
การพยาบาล
ทำ Passive Exercise ให้ผู้ป่วย
สอนผู้ปกครองในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
สังเกตอาการอ่อนแรงของแขนขาการควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
มีโอกาสติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ง่ายจากการปนเปื้อนอุจจาระปัสสาวะ
การพยาบาล
จัดท่านอนตะแคงหรือคว่ำไม่นุ่งผ้าอ้อม
ดูแลทำความสะอาดแผล
3.ดูแลให้ยา Antibiotic / check V/S
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
การพยาบาล
ตรวจสอบสัญญาณชีพ อาจทุก 2-4 hr
เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus
วัดเส้นรอบศีรษะทุกวันเพื่อประเมินภาวะHydrocephalus
บริหารแขนขา/ เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
(Down ’s syndrome)
ความผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที︎21
โอกาสเสี่ยงจะสูงถ้าแม่อายุ>30ปี
อาการและอาการแสดง
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก
หัวแบนกว้าง (brachiocephaly)
คอสั้น/ผิวหนังด้านหลังคอค่อนข้างมากและนิ︎ม
หูติดอยู่ต่ำ , brush field spot
ปากอ้าลิ้นยื่นออก มีรอยแตกที่ลิ้น
มือกว้างและสั้นมักมีsimian crease
นิว︎ก้อยโค้งงอ(clinodactyly)
เส้นลายนิ้วมือพบ ulnar loop มากกว่าปกติและพบ distal triradius ในฝ่ามือ
ทางเดินอาหารอุดตัน Hypothyroidism
ร่างกายเจริญเติบโตช้า
Polycythemia
ผิดปกติเกี่ยวกับตา
ผิดปกติเกี่ยวกับหู
อวัยวะเพศชายอาจเล็กกว่าปกติ
พัฒนาการทางเพศช้า หัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด
ติดเชื้อทางเดินหายใจง่ายกว่าเด็กทั่วไป
การรักษา
ส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตาม วัยตั้งแต่อายุยังน้อย(early stimulation)
การรักษาโรคทางกายอื่นๆ
โรคหัวใจ
โรคระบบทางเดินอาหารอุดกั้น
ภาวะฮัยโปไทรอยด์
ให้คำปรึกษาแนะนําด้านพันธุกรรม
Guillain Barre ‘s Syndrome
การบวมอักเสบระบบประสาทส่วน ปลายหลายๆเส้นอย่างเฉียบพลัน
สาเหตุ
มีการสร้างแอนติบอดี ต่อMyelinsheathเส้นประสาท ไขสันหลัง
ไขสันหลังไม่สามารถสั่งงานมายัง กล้ามเนื้อได้ตามปกติ
อาการและอาการแสดง
Sensation
มีอาการเหน็บชา เจ็บ ปวด ที่ปลาย แขนปลายขา ไหล่สะโพก
เริ่มด้วยคล้ายเป็นตะคริวที่ส่วน ปลาย แล้วมีอาการอ่อนแรง ชา สูญเสีย reflex
motor
กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั้งสองข้าง
อาการอัมพาตใน GBS
ลามตั้งแต่ส่วนล่างขึ้นบน
ไม่รุนแรงเกิดแค่ปลายเท้าตกเท่านั้น
มีการลุกลามไปที่กล้ามเนื้อช่วยใน
การหายใจ ทําให้หายใจล้มเหลว
ประสาทสมอง
(Facaial nerve) มีอัมพาตของ หน้า ปิดตา และปากไม่สนิท
เส้นประมาทคู่ที่7(Facial nerve),9 (Glossophryngeal nerve) , และ คู่ที่10 (Vagus nerve) จะมีอาการ กลืน พูด และหายใจลำบาก
ลุกลามของประสาทอัตโนมัติ
medulla oblongata ควบคุม อวัยวะสําคัญ เส้นประสาท vagus
เกิดความผิดปกติ
การเต้นหัวใจผิดจังหวะ
ความดันไม่คงที่
หัวใจเต้นช้าหรือเร็ว
การรักษา
การรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา
รักษาด้วย Intravenous Immunglobulin (IVIG)
เสี่ยงน้อยกว่าการแลกเปลี่ยนพลาสม่า
ราคาแพง มีโอกาสเป็นซ้ำมากกว่าplasmapheresis
รักษาแต่เนิ่นๆ ︎2-4สัปดาห์หลังเริ่มมี อาการครั้งแรก สามารถช่วยชีวิตได้ เร็วขึ้น
วินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดการหายใจไม่เพียง พอจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อน แรงอย่างเฉียบพลัน
เสียงต่อการขาดสารอาหารจากไม่สามารถช่วยตนเองจาก กล้ามเนื้อ อ่อนแรงอย่างสมบูรณ์
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหวจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงทําให้สูญเสียความสามารถในการดูแลตนเอง
พักผ่อนไม่เพียงพอ
ทุกข์ทรมานจากอาการปวดกล้ามเนื้อ
หลักการพยาบาลในระยะเฉียบพลันและต่อเนื่อง
Check vital sign โดยเฉพาะ RR ต้องมีการตรวจวัดvital capacity , tidal volume หรือ minute volume
ให้ออกซิเจนถ้ามีภาวะหายใจไม่พอ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจพร้อมเครื่อง ช่วยหายใจ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ สภาวะของmotor sensory และ cranialnerve
ช่วยฟื้นฟูObserveอาการแทรกซ้อน จากการจำกัดการเคลื่อนไหว
ดูแลการขาดสารอาหาร
สังเกตการปวดตามกล้ามเนื้อ︎
ประคับประคองด้านจิตใจ ส่งเสริม การมองโลกในแง่ดีสำหรับผู้ป่วย