Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind, ศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล : https://med…
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind
ข้อมูลจาก Chart Data
ข้อมูลส่วนบุคคล
อายุ 24 ปีเชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
ผู้ป่วยชื่อนายจอหน์ ฟอบส์แนช จูเนียร(์Mr. John F0rbes Nash, Jr.)
ประวัติครอบครัว
มีภรรยาชื่อ อลิเซีย และมีลูกด้วยกัน 1 คน
มีน้องสาว 1 คน
อาการและอาการแสดง
delusion(ความคิดหลงผิด)
incoherence ผู้ป่วยพูดไม่ต่อเนื่อง ขาดเป็นห้วงๆ
grandiose delusion คิดว่าตนเองมีความสำคัญ (สายลับ)
presecutory คิดไปเองว่าถูกปองร้าย
thought broadcasting คิดว่าผู้อื่นสามารถล่วงรู้ความคิดของตน
perception(ความผิดปกติของการรับรู้)
auditory hallucination มีหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก
visual hallucination มีภาพหลอน
ผู้ป่วยเดินหลังค่อม มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา
พูดคนเดียว
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ มีเหม่อลอยบ้างเล็กน้อย
มีความรู้ความเข้าใจและมีสติปัญญาในระดับอัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์
กระสับกระส่าย เดินไปเดินมา
พยายามโต้ตอบกับใครบางคน
หวาดระแวง
การรักษาที่ได้รับ
Thorazine 30 mg IM q 6 hrs
Thorazine 30 mg IM q 6 hrs
ECT 1 course (5 times per week/ 10 weeks)
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยเด็ก
ไม่มีเพื่อยสนิทและมักมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน
ไม่ชอบกิจกรรมนันทนาการแต่มีความสนใจในงด้านวิทยาศาสตร์และทําการทดลองด้วยตนเองตั้งแต่อายุ 12 ปี
ชอบเก็บตัวเพื่อนแกล้ง
เรียนปริญญาโท/เอก/ทำงาน
เริ่มมีบุคลิกที่ดูแตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงเรียนปริญญาเอกชารล์อยู่กับเขาตลอดเเละเป็นเพื่อนคนเดียวที่สามารถพูดคุย
หันมาสนใจทางด้านคณิตศาสตร์
จบปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์ด้วยอายุ 20 ปี
ช่วงทำงานชาร์ลส์ยังมาปรากฏตัวอยู่กับเขาในหลายสถานการณ์บางครั้งยังมีหลานสาวตามมาด้วย
learning objective; LO
โรคที่คิดว่าจะเป็น
โรคจิตเภท (Schyzophrenia)
อุบัติการณ์
ในคนทั่วไป 100 คนจะพบผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นโรคนี้ 0.3-1 คน ในทุกๆ ปีจะมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้น 1 คนต่อประชากร 1 หมื่นคน
ลักษณะอาการ
ระยะเริ่มมีอาการ
มักมีปัญหาในด้านหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือด้านสัมพันธภาพ การเรียนหรือการทำงาน ญาติหรือคนใกล้ชิดมักเห็นว่าผู้ป่วยเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิม
เก็บตัวมากขึ้น
อาจเห็นว่าผู้ป่วยกลายเป็นคนขี้เกียจ การสนใจเรื่องของร่างกาย หรือการแต่งตัวก็ลดลง
ระยะอาการกำเริบ
อาการประสาทหลอน
auditory hallucination(พบบ่อย) มีหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก มักได้ยินเสียงคนพูดเป็นเรื่องราวหรือวิพากษ์วิจารณ์ตัวผู้ป่วย และขณะที่ได้ยินก็รู้ตัวดียู่ตลอด
visual hallucination(รองลงมา) มีภาพหลอนโดยอาจเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรืออย่างอื่นส่วนใหญ่จะเห็นสีสันรายละเอียดชัดเจน และมักมีหูแว่วร่วมด้วย
ประสาทหลอนชนิดอื่นๆ เช่น ได้กลิ่นแปลกๆ หรือลิ้นรับรู้รสแปลกๆ อาจพบได้ แต่ไม่บ่อย
อาการด้านความคิด
ผู้ป่วยมักมีความคิดในลักษณะที่มีเหตุผลแปลกๆ ไม่เหมาะสม ตนเองเข้าใจคนเดียว
ผู้ป่วยไม่สามารถรวบรวมความคิดให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันได้ตลอดพูดเรื่องหนึ่งยังไม่ทันจบก็เปลี่ยนเรื่องทันที
ตอบไม่ตรงคำถามอาจใช้คำแปลกๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากตัวเขาเอง
อาการหลงผิด
erotomanic delusion
Grandiose delusion
jealous delusion
Persecutory delusion
Somatic delusion
ความหลงผิดที่มีลักษณะแปลกพิลึกพิลั่น เป็นความเชื่อที่ไม่ว่าใครทราบก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เช่น เชื่อว่าตนเองมีเครื่องดักจับสัญญาณคลื่นอยู่ในสมอง หรือมีอำนาจอะไรบางอย่างมาบังคับให้ตนเองต้องทำตามทุกอย่างอย่างฝืนไม่ได้เลย
อาการด้านพฤติกรรม
ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้
ทำท่าทางแปลกๆ บางครั้งจู่ๆ ก็ตะโกนโวยวายหรือหัวเราะขึ้นมา หรือยิ้มกริ่มทั้งวัน
มีพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างที่เดิมไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะหากญาติไปขัดใจหรือห้ามไม่ให้ทำอะไรบางอย่าง
อาการด้านลบ
ไม่สนใจเรื่องการแต่งกาย แต่งตัวมอซอ ผู้ป่วยอาจนั่งอยู่เฉยๆ ทั้งวันโดยไม่ทำอะไร
ไม่อยากได้อยากดี ไม่กระตือรือร้น เฉื่อยชาลง
พูดน้อยหรือไม่ค่อยพูด หรือไม่สนใจคบหาสมาคมกับใคร ใครชวนไปไหนก็มักปฏิเสธ
ระยะอาการหลงเหลือ
อาการหลงผิดหรือประสาทหลอนจะหายไป หรืออาจมีแต่ก็น้อยหรือเป็นนานๆ ครั้ง พูดจาฟังรู้เรื่องขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมักยังมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง เช่น มีความคิดแปลกๆ เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์หรือโชคลาง อาการด้านลบมักพบบ่อยในระยะนี้
ความเป็นไปของอาการ
นิสัยเดิมเป็นคนเก็บตัวมาตั้งแต่เด็กหรือวัยรุ่น เป็นคนไม่ช่างพูด มีเพื่อนไม่กี่คน ชอบเพ้อฝัน ไม่ชอบเล่นกีฬาหรือการแข่งขัน ชอบกิจกรรมที่ทำคนเดียว ไม่ชอบเที่ยว ส่วนใหญ่จะชอบอ่านหนังสือ
ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นจะเริ่มมีอาการขณะอายุราว 20 ปี ถึง 30 ปีเศษ พบว่าเพศชายเริ่มมีอาการขณะอายุน้อยกว่าเพศหญิง พบน้อยที่มีอาการก่อนช่วงวัยรุ่น โรคนี้ยังอาจพบได้ในคนสูงอายุ เช่น เริ่มมีอาการหลังอายุ 45 ปี แต่พบไม่มาก
วินิจฉัย
ก. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน
อาการประสาทหลอน
พูดจาสับสนมาก มักเปลี่ยนเรื่องจนฟังไม่เข้าใจ
อาการหลงผิด
พฤติกรรมเรื่อยเปื่อย วุ่นวาย หรือมีท่าทางแปลก
อาการด้านลบ ได้แก่ อารมณ์เฉยเมย ไม่ค่อยพูด หรือเฉื่อยชา
หมายเหตุ แม้มีเพียงอาการเดียวก็ถือว่าเข้าเกณฑ์ หากเป็นอาการหลงผิดที่มีลักษณะแปลกพิลึก หรือหูแว่วเสียงคุยกันเรื่องผู้ป่วย หรือแว่วเสียงวิจารณ์ตัวผู้ป่วย
ข. กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน การคบหาพูดคุยกับผู้อื่นแย่ลงมาก หรือไม่สนใจดูแลสุขอนามัยของตนเองอย่างมาก
ค. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป โดยต้องมีระยะอาการกำเริบ (ตามข้อ ก) นานอย่างน้อย 1 เดือน และระยะที่เหลืออาจเป็นระยะเริ่มมีอาการ หรือระยะอาการหลงเหลือ
สาเหตุ
กรรมพันธุ์
ระบบสารเคมีในสมอง
(dopamine) ในบางบริเวณของสมอง มีการทำงานมากเกินไป
ความผิดปกติในส่วนอื่นๆ ของสมอง
มีช่องในสมอง (ventricle) โตกว่าปกติ
มีเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าลดลง และการทำงานของสมองส่วนหน้ามีไม่เต็มที่
การรักษา
การรักษาด้วยไฟฟ้า
การดูแลรักษาด้านจิตใจและสังคม
ยารักษาโรคจิต
โรคจิตหลงผิด (Delusional disorder)
ลักษณะอาการ
อาการหลงผิดที่พบบ่อยที่สุดคือ ระแวงว่าตนถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกปองร้าย ผูกเรื่องเชื่อมโยงไปในแนวทางเดียวกัน ส่วนใหญ่ไม่พบว่ามีประสาทหลอน เช่น หูแว่ว ผู้ป่วยมักจะยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ
วินิจฉัย
มีอาการหลงผิด (delusion) ตั้งแต่ 1 เรื่องนานตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ปัจจัยด้านสังคม เกิดจากสังคมที่มีความเครียด กดดัน การแข่งขันสูง การเอารัดเอาเปรียบ ทำให้รู้สึกว่าถูกผู้อื่นคุกคาม หรือรู้สึกว่าได้รับการกระทำที่ไม่ดีจากผู้อื่น จึงมีความระแวงได้มากขึ้น
ปัจจัยด้านชีวภาพ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่พบว่าสัมพันธ์กับสมองส่วนที่ควบคุมความเป็นเหตุผลและอารมณ์ความรู้สึก
ปัจจัยด้านจิตใจ อาจเกิดจากการเลี้ยงดู ที่ไม่ได้รับความอบอุ่น ทำให้ไม่เชื่อใจใคร และมีความรู้สึกไวต่อท่าทีของผู้อื่น
การรักษา
การรักษาด้วยยา ด้วยยารักษาโรคจิตโดยอยู่ในความดูแลของแพทย์
รับตัวรักษาในโรงพยาบาล หากอาการรุนแรง เช่น มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง หรือผู้อื่น
เน้นที่สัมพันธภาพในการรักษา ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถช่วยผู้ป่วยได้ โดยรับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่โต้แย้งคัดค้านอาการหลงผิดว่าไม่จริง ในขณะเดียวกันก็ไม่สนับสนุนความเชื่อของผู้ป่วย
สถิติ/อายุ
พบได้ในคนที่มีความเครียดสูง ผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน มีฐานะไม่ดี ทำให้มีการปรับตัวที่ผิดปกติ และเกิดความหวาดระแวงได้ ซึ่งสามารถพบได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 18-90 ปี และพบมากในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
ประเภทของโรคจิตหลงผิด
หลงผิดคิดว่าคู่ครองของตนนอกใจ (Jealous Type)
ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต (Persecutory Type)
เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น มีความหยั่งรู้พิเศษ (Grandiose Type)
หลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง เช่น บางส่วนของร่างกายผิดรูปร่าง หรือ อวัยวะไม่ทำงาน (Somatic Type)
หลงผิดว่าบุคคลอื่นมาหลงรักตัวเอง โดยบุคคลนั้นมักเป็นผู้ที่มีความสำคัญหรือมีชื่อเสียง (Erotomanic Type)
ความคิดหลงกับภาพหลอนต่างกันอย่างไร
ความคิดหลงผิด
ความหมาย
การปักใจเชื่อในบางสิ่งบางอย่างอย่างฝังแน่น ไม่ว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือมีหลักฐานคัดค้านที่เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาเชื่อนั้นผิด เขาก็ยังฝังใจเชื่อเช่นนั้น
ความผิดปกติของเนื้อหาความคิด
bizarre delusion เป็นความหลงผิดที่แปลกประหลาด เช่นเชื่อว่าตนสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้
jealous delusion เป็นความหลงผิดว่าคู่ครองนอกใจ
erotomanic delusion เป็นความหลงผิดว่ามีคนมาหลงรักตนและมักเป็นคนที่มีสถานภาพสูงกว่า
grandiose delusion เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น มีความหยั่งรู้พิเศษ
Idea of reference ผู้ป่วยคิดไปเองว่ามีคนพูดจาเกี่ยวกับตนซึ่งมักเป็นทางร้าย
Idea of being controlled ผู้ป่วยคิดว่าอำานาจบางอย่างจากภายนอกสามารถ ควบคุม ความรู้สึกความคิด และการกระทำของตน
persecutory delusion ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต
somatic delusion หลงคิดไปเองว่าตนป่วยเป็นโรคทางกายชนิดใดชนิดหนึ่ง
thought broadcasting คิดว่าผู้อื่นสามารถล่วงรู้ความคิดของตน
thought insertion เชื่อว่าความคิดที่มีอยู่ไม่ใช่ของตน แต่เป็นความคิดผู้อื่นใส่เข้ามาในสมองตน
thought withdrawal เชื่อว่าความคิดของตนถูกดึงออกไปจากสมอง
ความผิดปกติของรูปแบบความคิด
incoherence ผู้ป่วยพูดไม่ต่อเนื่อง ขาดเป็นห้วงๆ คำพูดไม่สัมพันธ์กันทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง
blocking กระแสคำพูดของผู้ป่วยหยุดชะงักทันที
loosening of association ความคิดขาดการเชื่อมโยงของเหตุผล ไม่สามารถลำดับความคิดตามขั้นตอนของเหตุการณ์ได้ ดังนั้นเวลาฟังผู้ป่วยจึงไม่ค่อยเข้าใจ หรือไม่รู้เรื่อง
neologism ผู้ป่วยคิดคำพูดขึ้นมาเองไม่มีใช้ในภาษาของเราโดยจะมีความหมายเฉพาะผู้ป่วยคนเดียว
perseverative ผู้ป่วยพูดพูดซ้ำๆติดต่อกันโดยไม่มีความหมาย
circumstantiality ผู้ป่วยตอบคำถามแบบอ้อมค้อมยืด
ยาวแต่จบลงตรงประเด็นที่ต้องการได้
tangentiality ผู้ป่วยคล้ายจะตอบคำถามแต่ตอบออก
นอกเรื่องไม่ตรงกับเรื่องราวที่ต้องการจะพูด ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องที่ผู้ป่วยพูด
flight of idea มีความคิดหลายอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วแสดงออกโดยการพูดมากและเร็วพูดเรื่องนึงยังไม่ทันจบไปพูดอีกเรื่องนึง
ภาพหลอน
ความหมาย
เป็นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติโดยไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก
ชนิด
visual hallucination มีภาพหลอนโดยอาจเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรืออย่างอื่น
olfactory hallucination ได้กลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นเหม็นไหม้
auditory hallucination มีหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก อาจเป็นเสียงรูปแบบต่างๆหรือเสียงคนคุยกัน
gustatory hallucination รู้สึกว่าลิ ้นได้รับรสแปลกๆ เช่น รสโลหะ
tactile hallucination มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ตามตัว หรือรู้สึกแปลกๆตามผิวหนัง
Illusion ผู้ป่วยแปลภาพที่เห็นหรือเสียงที่ได้ยินผิดไปจากความเป็นจริง เช่นเห็นเชือกบอกว่างู (visual illusion)
Depersonalization ผู้ป่ วยรู้สึกว่าตนเองแปลกหรือเปลี่ยนไปจากความเป็นจริง
derealisation ผู้ป่วยรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป เช่น ขนาดของสิ่งของที่คุ้นเคยรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป
เหตุผลของการรักษาคืออะไร
Diazepam
กลุ่มยา
Benzodiazepines เพิ่มประสิทธิภาพของ GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยลดการเคลื่อนไหวของสัญญาณประสาทในสมอง
ข้อบ่งใช้
ภาวะวิตกกังวลผิดปกติ (Anxiety disorders )
โรควิตกกังวลชนิดทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder: GAD)
โรคตื่นตระหนก (Panic disorder)
โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder: OCD)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
ภาวะชัก (adjunct in seizures)
Withdrawal symptoms
ยานอนหลับใช้ในเวลาสั้นๆ
ผลข้างเคียง
Physical dependence
Hematological effects
Central nervous system effects
Overdose
Electroconvulsive Therapy(ECT)
ใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นต่ำผ่านสมองเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดอาการชัก ซึ่งจะส่งผลให้อาการทางจิตดีขึ้น
ข้อบ่งใช้
ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตรุนแรงมีความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วนเพื่อควบคุมอาการของผู้ป่วยให้สงบลง เช่น ผู้ป่วยก้าวร้าวรุนแรง มีอาการคลุ้มคลั่ง หรือผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้ารุนแรงที่มีความคิดฆ่าตัวตายตลอดเวลาหรือมีพฤติกรรมพยายามฆ่าตัวตาย
ผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือมีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเช่น ผู้ป่วยจิตเวชที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยจิตเวชสูงอายุ หรือผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่สามารถทนต่ออาการข้างเคียงของยาได้
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่สบายตัว สับสน สูญเสียความจำชั่วคราว บางรายมีผลข้างเคียงที่รุนแรงอาจทำให้กระดูกหัก ข้อเคลื่อน หรืออาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคทางกายร่วม เช่น โรคหัวใจ โรคทางสมอง โรคกระดูกและกล้ามเนื้อ
Thorazine
กลุ่มยา
Antipsychotic drugs
Atypical antipsychotics กลไกลการออกฤทธิ์ block 5-HT2 , D2 receptor
Neuroleptics กลไกลการออกฤทธิ์ block D2 receptor ยับยั้งการหลั่ง Dopamine
ข้อบ่งใช้
ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการสับสน วุ่นวาย เอะอะ อาละวาดหรือพฤติกรรมรุนแรงต่างๆ
ใช้ร่วมกับยารักษาอารมณ์ซึมเศร้า ในผู้ป่วยโรคจิตอารมณ์แปรปรวน
ใช้ควบคุมอาการทางจิตที่สำคัญ ได้แก่ อาการหลงผิด อาการประสาทหลอน
ผลข้างเคียง
Acute dystonia
Parkinsonism
Akathisia
Tardive dyskinesia
กฎหมายพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง
พ.ร.บ. สุขภาพจิต พ.ศ. 2551ใช้ในการดูแลบุคคลที่มีความ
ผิดปกติทางจิตที่มีภาวะอันตรายหรือมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาบำบัดรักษาตามมาตรา 22
แจ้ง: แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องตันตามมาตรา 27
ตรวจ: สถานพยาบาลของรัฐหรือหรือสถานบeบัดรักษาต้องประเมินอาการและวินิจฉัยเบื้องตันภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่บุคคลนั้นมาถึง
เจอ: เมื่อพบบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตตามมาตรา 22 (ผู้ที่มีภาวะอันตราย และ/หรือมีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา)
ส่ง: ส่งรักษาในสถานบ าบัด (โรงพยาบาลจิตเวช) เมื่อผู้ป่วยจ าเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและการประเมินอาการโตยละเอียด ภายใน 30 วันหลังรับไว้ กรณีที่เป็นผู้ป่วยมาตรา 22
วินิจฉัย โรคจิตเภท (Schyzophrenia)
ผู้ป่วยรายนี้สมควรได้รับการรกัษาที่โรงพยาบาลหรือควรได้รับการรักษาที่บ้านโดยคนในครอบครัว
โดยทั่วไปแล้วหากผู้ป่วยมีอาการค่อนข้างมากแพทย์มักรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งนอกจากเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรบกวนผู้อื่นหรือเป็นการป้องกันอันตรายแล้ว ในการรักษาก็อาจจำเป็นต้องใช้ยาในขนาดสูง ซึ่งการรักษาในโรงพยาบาลจะสะดวกกว่าเนื่องจากมีแพทย์พยาบาลดูแลใกล้ชิด การปรับยาทำได้สะดวก หากมีอาการข้างเคียงจากยาก็แก้ไขได้โดยเร็ว
หากผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงมาก ญาติพอดูแลกันได้ แม้ผู้ป่วยจะมีอาการหูแว่วหรือประสาทหลอนแต่ก็ไม่วุ่นวาย ไม่ก้าวร้าว ตักเตือนพอเชื่อฟัง แพทย์ก็มักจะให้รักษาตัวอยู่กับบ้านมากกว่า เพราะการใช้ยาไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดสูง โอกาสเกิดอาการข้างเคียงก็มีน้อย ผู้ป่วยและญาติจำนวนไม่น้อยที่หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากเกรงว่าจะมีผู้อื่นทราบว่าเป็นโรคจิต หรือเกรงว่าจะมีผลต่องานที่ทำ นอกจากนี้การอยู่โรงพยาบาลนานๆ ยังทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหินจากญาติไป เมื่อกลับบ้านก็ต้องมาเริ่มปรับตัวกันใหม่
การพยาบาล
ประเมินความคิดของผู้ป่วยว่ามีผลอย่างไรต่อพฤติกรรมและการกระทำของผู้ป่วย
สร้างสัมพันธภาพเพื่อให้ผู้ป่วยไว้วางใจ
แสดงความเชื่่อมั่น ให้เกียรติ แสดงความจริงใจ
แสดงความสม่ําเสมอ
ไม่แสดงอาการขบขันความคิด คําพูด หรือพฤติกรรมแปลกๆของ
ผู้ป่วย
รักษาคําพูดหรือข้อตกลงต่างๆที่ให้ไว้กับผู้ป่วย
ยอมรับความคิดหลงผิดของผู้ป่วยโดยพยาบาลไม่ควรโตแย้งหรือท้าทายว่าที่ผู้วยเล่าให้ฟังนั้นไม่จริงและพยาบาลไม่ต้องปฏิบัติตามที่ผู้ป่วยเชื่อ
ประเมินอาการประสาทหลอนที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยว่าเกี่ยวข้องกับระบบ
รับสัมผัสใดผู้ป่วยแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อการรับรู้นั้น ๆ และอาการประสาทหลอนเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด
ถ้าพยาบาลพบผู้ป่วยที่กำลังแสดงอาการประสาทหลอน พยาบาลควรบอกสิ่งที่เป็นจริง(Present reality)กับผู้ป่วยในขณะนั้นนั เช่น ผู้ป่วยบอกว่าเห็นแม่มาหา ซึ่งขณะนั้นไม่มีแม่ผู้ป่วย พยาบาลควรบอกให้ผู้ป่วยรู้ว่า พยาบาลไม่เห็นแม่ของเขา
หลีกเลี่ยงการเข้าไปจับต้องตัวผู้ป่วยก่อนก่อนผู้ป่วยจะรู้ตัวเพราะผู้ป่วยมีแนวโน้มจะตีความหรือรับรู้ผิด
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยพูดถึงอาการประสาทหลอน และหาวิธีที่จะให้ผู้ป่วยเผชิญอาการประสาทหลอนของเขาอย่างเหมาะสม
ให้ผู้ป่วยแยกแยะว่าอาการประสาทหลอนที่เกิดขึ้นนั้น เขารู้สึกอย่างไรอาการเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด หรือมีเหตุการณ์อะไรนำมาก่อนเพราะผู้ป่วยจะได้รู้จักป้องกันตนเองไม่ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น
ประเมินลักษณะการสื่อสารของงผู้ป่วยว่ามีความบกพร่องอย่างไร เช่น พูดหลายเรื่องผสมกันจนคนฟังไม่เข้าใจ หรือไม่พูดเพราะอาการทางจิตต่างๆ
ชักชวนผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งกิจกรรมระยะแรกควรเป็นกิจกรรมที่ง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวและมีสมาชิกกลุ่มไม่มากเกินไปกระตุุ้น ให้ผู้วยสื่อสารมากขึ้น
สร้างสัมพนัธภาพกับครอบครัวของผู้ป่วยพร้อมกับประเมินสภาพทั่วไปของครอบครัว เช่น บทบาทของสมาชิกแต่ละคน
เตรียมญาติในการดูแลและอยู่ร่วมกับผู้ป่วยวยโดยการใหคำปรึกษาปัญหาต่างๆที่ญาติเผชิญอยู่การใหค้วามรู้เกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของการป่วยทางจิตเวช และการใหคำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
การรักษา
Psychotherapy, Individual, Group, Behavioral, Supportive, Family Therapy อาจเลือกใช้ตามความเหมาะสม
การรักษาดว้ยยา เช่น ยา Antipsychotic drugs, Antiparkinson agents อาจต้องเตรียมไว้เพื่อลด
อาการ extra pyramidal side effect ของยา
Milieu Therapy เนน้ ที่การจดัสิ่งแวดลอ้ มที่เหมาะสม ลดภาวะเครียด พฒั นาความสามารถในการปรับตัวรายบุคคล
Somatic or Electroconvulsive Therapy
ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าอย่างมากร่วมด้วยบางรายมีอารมณ์เศร้ารุนแรงและคิดฆ่าตัวตายการรักษาดว้ยกระแสไฟฟ้าจะช่วยลดอาการซึมเศร้าและป้องกนัการฆ่าตัวตาย
ผู้ป่วยที่มีอาการคลุ้มคลั่งมากไม่สามารถควบคุมด้วยยา ทำสัปดาห์ละ 3 คร้ัง ทำ 6-12 สัปดาห์ต่อการรักษาคร้ังหนึ่ง
Severe Schizophrenia ผปู้่วยรายที่ใชย้าไม่ไดผ้ล หรือเป็ นชนิด catatonia แบบ stuporหรือ excitementผปู้่วยจะมีอาการดีข้ึนเร็วมาก ภายหลงัทา 2-3 คร้ังโดยใหย้าจิตบา บดัร่วมไปดว
ศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล :
https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-0855
ผศ. พญ.ดาวชมพู นาคะวิโร
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/home/article/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A/