Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนตร์สั้น "A beautiful mind", A-beautiful-mind-poster,…
ภาพยนตร์สั้น "A beautiful mind"
ประวัติทั่วไป
ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ป่วยเพศชาย ชื่อ นายจอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์
อายุ 24 ปี
เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
ประวัติครอบครัว
ภรรยาชื่อ นางอลิเซีย และมีบุตรร่วมกัน 1 คน
มีน้องสาว 1 คน
สัมพันธภาพในครอบครัว
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัว ไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง
ผู้ป่วยมีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับตัวเลข
ผู้ป่วยเคยเกือบทำร้ายภรรยาเนื่องจากเห็นภาพหลอนของผู้จ้างวานให้ถอดรหัสลับ
ผู้ป่วยไม่มีความรู้สึกที่อยากมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
สาเหตุ
ด้านครอบครัว
ถูกครอบครัวตำหนิ
ด้านสังคมและวัฒนธรรม
สภาพแวดล้อมรอบตัว
ต้องการเป็นที่ยอมรับ
ไม่มีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
เป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่ชอบเข้าสังคม
มีปัญหาในการปรับตัว
ด้านพันธุกรรม
สารสื่อประสาทในสมอง
ด้านจิตใจ
ความสามารถในการปรับตัว
ไม่สามารถจัดการความเครียดได้ด้วยตนเอง
ความขัดแย้งภายในจิตใจ
ความเครียด
ประสบการณ์ในอดีต
โดนเพื่อนแกล้ง
อาการและอาการแสดง
ไม่ชอบเข้าสังคม
ไม่มีเพื่อน
ชอบอยู่คนเดียว
ไม่ชอบทำกิจกรรมนันทนาการกับผู้อื่น
ควบคุมตนเองไม่ได้
ทำร้ายตนเอง
ทำร้ายคนรอบข้าง
ประสาทหลอน
เห็นภาพเพื่อนชื่อ "ชาร์ล" และ ผู้จ้างงานให้สืบราชการลับชื่อ "แพชเชอร์" ทั้งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ
คิดว่ามีคนคอยทำร้าย
หูแว่ว โดยได้ยินเสียงคนสั่งให้ทำตาม
มองภาพจิตแพทย์ เป็นทหารรัสเซีย
คิดว่าตนเองเป็นสายลับ
พฤติกรรม
มองซ้าย-ขวาตลอดเวลา แววตาหวาดระแวง
กระสับกระส่าย เดินไปมา
เดินหลังค่อม ไม่ชอบสบตาใคร สีหน้าวิตกกังวล
พยายามโต้ตอบกับใครคบางคน
หน้าตาเฉยเมย ไร้ความรู้สึก มีเหม่อลอยในบางครั้ง
พูดตะกุกตะกัก หากเป็นเรื่องที่ตนสนใจจะพูดเร็ว
คิดว่าตนเองแตกต่างจากคนอื่น
หวาดระแวง
คิดว่ามีคนสะกดรอยตาม
คิดว่ามีคนตามมาทำร้าย
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยรุ่น
ผู้ป่วยมีบุคลิกภาพแตกต่างจากผู้อื่นชัดเจน
ผู้ป่วยยังคงเก็บตัวและไม่มีเพื่อนสนิท
ผู้ป่วยมุ่งมั่นในการเรียนจบปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์ด้วยอายุ 20 ปี
เรียนปริญญาเอก
มีความโดดเด่นด้านคณิตศาสตร์ระดับอัจฉริยะและ คิดว่านักคณิตศาสตร์มีผลต่ออนาคตของอเมริกา
ชาร์ลส์คอยอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยเสมอ แม้ว่าผู้ป่วยเริ่มหมกมุ่นและมีพฤติกรรมแปลก ๆ
ผู้ป่วยสนใจด้านคณิตศาสตร์มากขึ้น
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น
หลังจบปริญญาเอก
ได้ทำงานที่ตนเองใฝ่ฝันรวมถึงงานที่เป็นสายลับ
เริ่มสร้างห้องทำงานลับโดยใช้ถอดรหัสลับจากนิตยสาร
วัยเด็ก
ทำทุกอย่างด้วยตนเองเสมอ
ผู้ป่วยมักเก็บตัว ชอบการอยู่คนเดียว
ผู้ป่วยเรียนเก่ง
ผู้ป่วยไม่มีเพื่อนสนิท
ผู้ป่วยมีปัญหาในการปรับตัว
ผู้ป่วยมีความสนใจด้านวิทยาศาสตร์และชอบทำการทดลองด้วยตนเอง
การคาดการณ์โรคที่เกี่ยวข้อง
โรคกลัวสังคม (Social anxiety disorder)
อาการและอาการแสดง (แบ่งตามเกณฑ์ DSM-5)
มีอาการกลัวอย่างชัดเจน
รู้สึกเหมือนมีคนตามหรือถูกเฝ้ามองจากผู้อื่น
หลีกเลี่ยงการเข้าสังคมเนื่องจากมีความกลัวในการเข้าสังคม
กลัวว่าตัวเองจะแสดงสิ่งที่น่าอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้อื่น
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
อาการและอาการแสดง (แบ่งตามเกณฑ์ DSM-5)
มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน โดยอย่างน้อยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อยู่ 1 อาการ
ประสาทหลอน (Hallucinations)
พูดขาดช่วง (Disorganized speech)
ไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลงผิด (Delusions)
มีพฤติกรรมต่างไปจากปกติ (grossly disorganized or catatonic behavior)
กลุ่มอาการทางลบ (negative symptoms)
ใช้เวลาในการคิดนานกว่าจะตอบ
การแสดงออกทางอารมณ์ลดลง ไม่ค่อยสบตา
ชอบเก็บตัว แยกตัวออกจากสังคม
เฉยเมย
โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง (Schizophrenia paranoid)
อาการและอาการแสดง (แบ่งตามเกณฑ์ DSM-5)
หวาดระแวง
มีอาการโกรธง่าย
หลงผิด
ก้าวร้าว ชอบทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น
โรคจิตหลงผิด (Delosional disorder)
อาการและอาการแสดง (แบ่งตามเกณฑ์ DSM-5)
หูแว่ว
มีสีหน้าเฉยเมย
มีอาการหลงผิดคิดว่าถูกควบคุม
การรักษา
รักษาด้วยยา
ยารับประทาน
Clozapine
เปลี่ยนแปลงการทำงานของสารเคมีในสมอง
เพื่อลดอัตราการทำร้ายตนเอง
ผลข้างเคียง
ง่วงซึม กระสับกระส่าย
หัวใจเต้นเร็ว มีเหงื่อออกมาก
มีความคิดหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตนสนใจ/ย้ำคิดย้ำทำ
ซึมลง ตัวแข็ง ชีพจร ความดันโลหิตไม่คงที่
น้ำหนักตัวเพิ่ม
ความรู้สึกทางเพศลดลง
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ยาฉีด
Insulin coma therapy
โดยการฉีด Insulin ให้ผู้ป่วยหมดสติ
แก้ให้ฟื้นด้วยกลูโคส
ทำให้อาการทางจิตดีขึ้น
รักษาด้วยไฟฟ้า
Electroconvulsive therapy:ECT
ใช้ในกรณีผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา โดยใช้ ECT ร่วมไปด้วย
ประเด็นที่สงสัย
ผู้ป่วยรายนี้ควรได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือควรได้รับการรักษาที่บ้านโดยคนในครอบครัว
การรักษาที่โรงพยาบาล
การรักษาด้วยไฟฟ้า ECT รวมกับยา
การรักษาด้วย Insulin coma therapy
การรักษาที่บ้าน
ดูแลให้ได้รับยาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ผู้ป่วยทานยาต่อหน้า
ทำไมถึงเก็บตัวอยู่คนเดียวและคิดว่าเพื่อนไม่ชอบตนเองเกิดจากอะไร
เกิดจาก
ผู้ป่วยมีความสามารถในทางการศึกษามากกว่า ทำให้เพื่อน ๆ ชอบรังแกเขา เพราะคิดว่าเขาไม่เหมือนผู้อื่น
มีปัญหาทางด้านการปรับตัวเข้าหาผู้อื่น
ทำไมผู้ป่วยไม่ทานยาอย่างต่อเนื่อง
เนื่องมาจากผลข้างเคียงของยาที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ
ความรู้สึกทางเพศลดลง
ผู้ป่วยคิดว่า ความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ของเขาจะหายไป
มีความคิดหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตนสนใจมากเกินไป
กระสับกระส่าย
ความคิดหลงผิดกับภาพหลอนต่างกันอย่างไร
หลงผิด (Delusion)
สาเหตุ
ปัจจัยอื่น ๆ
การดื่มแอลกอฮอล์
การใช้สารเสพติด
ปัจจัยทางสภาพแวดล้อมและจิตใจ
มักพบในผู้ที่อยู่ในสภาวะที่มีความเครียดสูงหรือผู้ที่มีความโดดเดี่ยว
ผู้ที่ต้องต่อสู้กับโรคร้าย
ปัจจัยทางชีวภาพ
สมองทำงานผิดปกติ
ส่งผลต่อการควบคุมการรับรู้และความคิดของผู้ป่วย
อาการ
โกรธ
เบื่อหน่าย
หงุดหงิด
เข้าใจผิดในบางเรื่องเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน
ประเภทของอาการหลงผิด
Grandiose Delusional Disorder
หลงผิดว่าตนเองมีความสามารถเกินจริงหรือเป็นบุคคลสำคัญ
Somatic Delusional Disorder
เชื่อว่าร่างกายตนเองมีความผิดปกติ เช่น มีแมลงไต่ตามตัว
Persecutory Delusional Disorder
หลงผิดว่าตนเองจะถูกทำร้าย
Erotomantic Delusional Disorder
หลงผิดว่าบุคคลอื่นมาหลงรักหรือเป็นคู่รักของตนเอง เช่น ดาราหลงรักตนเอง
Jealous Delusional Disorder
หลงผิดว่าคู่รักของตนนอกใจ
Mixed Delusional Disorder
หลงผิดแบบผสม มีอาการหลงผิดมากกว่า 1 อาการ โดยไม่มีเรื่องใดที่เด่นชัด
nspecified Delusional Disorder
หลงผิดแบบไม่ระบุเจาะจง
ประสาทหลอน (Hallucination)
อาการ
พูดคนเดียวบ่อยครั้ง
หูแว่ว
เห็นภาพหลอน
สาเหตุ
ด้านจิตใจ
เกิดความวิตกกังวลมาก
รู้สึกโดดเดี่ยว หรือ ถูกทอดทิ้ง
มีความเครียดทางจิตใจมาก
ด้านร่างกาย
มีพยาธิสภาพที่สมอง
การขาดการพักผ่อนนอนหลับ
การได้รับสารพิษ แอลกอฮอล์ สารเสพติดที่มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต
มาตรา ๑๗
การบำบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกาย การกักบริเวณ หรือแยกผู้ป่วย
มาตรา ๑๘
การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy, ECT)
กระทำได้ในกรณีที่ผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
มาตรา ๒๓
พบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีความผิดปกติทางจิต
มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือตำรวจโดยเร็ว
มาตรา ๒๔
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือตำรวจได้รับแจ้ง
ดำเนินการนำตัวผู้นั้นไปยังสถานพยาบาล เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ไม่สามารถผูกมัดร่างกายของบุคลนั้นได้
เว้นแต่ความจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อบุคคลนั้นเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น
นางสาวธัญรดา จำปาทอง ปี 2 ห้องA เลขที่ 37
รหัสนักศึกษา 613601038