Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

pneumothorax - Coggle Diagram

- - - - o : ผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบ
      - o: อัตราการหายใจ 28 ครั้ง/นาที
      - o : ตรวจร่างกายพบ Flail chest , decrease breath sound at right lung
      - o : X-ray ปอด พบ Right pneumothorax with close fracture right clavicle
      - o : O2 saturation = 90%
      - o : ลักษณะเสมหะมีสีเหลือง ข้น เหนียว
      - o : มีประวัติในอดีตเคยเป็นวัณโรคปอดและหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง
      - o : ดิ้นกระสับกระส่ายตลอดเวลา พยายามดึงท่อช่วยหายใจออก
      - o :ค่า Hematocrit = 26.6% มีค่าต่ำกว่าปกติ
      - o :ค่า Hemoglobin = 8 g/dl มีค่าต่ำกว่าปกติ
    - - 1.อัตราการหายใจ 16-24 ครั้ง/นาที
      - 3.ผล X-ray ปอดปกติ
      - 4.O2 saturation ≥ 95-100%
      - 5.ไม่มีเสมหะ /เสมหะลดลง เสมหะไม่เหนียว ไม่มีสี
      - 6.ไม่มีลักษณะของภาวะพร่องออกซิเจน เช่น มีภาวะcyanosis บริเวณปลายมือปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง ปลายมือปลายเท้าซีด เย็น Capillary refill time >3 sec หายใจเหนื่อยหอบ
      - 7.ค่า Hematocrit อยู่ในช่วงปกติหรือไม่ลดลงจากเดิม
      - 8.ค่า Hemoglobin อยู่ในช่วงปกติหรือไม่ลดลงจากเดิม
    - - 1.ดูแลท่อช่วยหายใจ ET – tube ให้คงอยู่ โดยการผูกท่อด้วยเทปผ้าหรือติดพลาสเตอร์ไว้ ตลอดจนการอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงเหตุผลในการใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าจำเป็นอาจต้องพิจารณาผูกข้อมือผู้ป่วยไว้
        
        2.ประเมินสภาพการหายใจทุก 4 ชั่วโมง เช่น การฟังเสียงการหายใจ สังเกตการณ์ขยายของทรวงอก
        สังเกตความสามารถในการหายใจเองของผู้ป่วย สังเกตภาวะพร่องออกซิเจน
        
        3.ดูดเสมหะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเสมหะ โดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ ในการดูดเสมหะ
        จะต้องเพิ่มออกซิเจนก่อนและหลังดูดเสมหะทุกครั้ง
        
        4.สังเกตการทำงานของ ventilator เช่น VT FiO 2 อัตราการหายใจ mode ของ ventilation
        การใช้ PEEP CPAP หรือ PSV peak inspiration pressure และตั้งสัญญาณเตือน
        
        5.วัดความดันของกระเปาะ ( cuff ) ET – tube หรือท่อเจาะคอ โดยจะต้องใส่ลมในกระเปาะ (inflate cuff)
        ในอัตราที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันการรั่วของอากาศออกรอบ ๆ กระเปาะ
        
        6.สังเกตภาวการผันแปรของออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจ เช่น pulse oximetry , ABG
        
        7.ติดตามผลเอกซเรย์ปอด เพื่อติดตามการบวมของปอด หรือตำแหน่งของท่อหายใจ
        
        กระตุ้นและช่วยเหลือผู้ป่วยเปลี่ยนท่านอนทุก 1-2 ชม. จัดให้นอนศีรษะสูง 30 องศา เพื่อให้ปอดขยายตัวได้ดี
        
        ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนและหลังให้การพยาบาล
        
        แยกของใช้ เช่น Ambubag, ขวดน้ำเครื่องดูดเสมหะ ในผู้ป่วยแต่ละคน
        
        ดูดเสมหะในปากก่อนดูดเสมหะในท่อหลอดลมคอ
        
        สังเกตลักษณะ จำนวน สีและกลิ่นของเสมหะ
        
        ติดตามผลการเพาะเชื้อ และการย้อมสีเสมหะ
        
        ทำความสะอาดปากฟันทุก 4 ชม.
        
        ให้ยาตามแผนการรักษา ได้แก่ Dormicum , Nimbex ,Beradual ,Paracetamol (500) และสังเกตภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยา
        
        สังเกตภาวะแทรกซ้อนของการใช้เครื่องช่วยหายใจ เช่น barotrama เช่น ฟังเสียงหายใจไม่ได้ยิน หลอดลมเอียงไปด้านข้าง
    - - -ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะเนื้อเยื่อของร่างกายขาดออกซิเจน
  - - - o :กระดูกซี่โครงหัก 2 ตำแหน่ง
        
        o :หายใจหอบเหนื่อย
        
        o :หัวไหล่ข้างขวาปวด บวม
        
        o :เสียงลมที่ปอดลดลง
        
        o :กระดูกไหปลาร้าข้างขวาหัก
        
        o :มีเลือดซึมเล็กน้อยจากการผ่าตัดใส่ท่อระบาย
    - - 1.หัวไหล่ข้างขวาไม่ปวด ไม่บวม
        
        .อาการหายใจหอบเหนื่อยลดลง
        
        3.เสียงลมปอดปกติ
        
        4.ไม่มีเลือดซึมจากการผ่าตัดใส่ท่อระบาย
    - - ประเมินสัญญาณชีพให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
        
        ประเมินการหายใจการขยายของทรวงอกวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนที่ปลายนิ้ว
        
        จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 30-45 องศา
        
        ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวลประเมินคะแนนความปวดให้ยาระงับปวดตามแผนการรักษา
        
        ให้สารน้ำทดแทนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษาบันทึกปริมาณสารน้ำเข้าออกร่างกาย
        
        ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังให้การพยาบาล
        
        ประเมินสายระบายทรวงอกให้การระบายลมและสิ่งคัดหลั่งในช่องเยื่อหุ้มปอดมีประสิทธิภาพไม่ให้สายระบายหักพับงอหรือถูกกดทับ
        
        ให้ข้อมูลผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับแผนการรักษาของโรค
    - - -ผู้ป่วยมีความสุขสบาย -อาการปวดของผู้ป่วยลดลง
  - - - o:T= 38.6ºC
        
        o:X-ray ปอดพบ Infiltration at right lung
        
        o:ลักษณะเสมหะมีสีเหลือง ข้น เหนียว
        
        o:ค่า WBC = 20,000 cells/cu.mm. สูงกว่าปกติ
        
        o: ค่า eosinophil = 10% สูงกว่าปกติ
    - - 1.อุณหภูมิร่างกาย = 36.5-37.4 ºC
        
        2.ผล X-Ray ปอดปกติ
        
        3.เสมหะลดลง ลักษณะไม่เหนียว ไม่มีสี
        
        5.ค่า eosinophil = 0-6 %
        
        4.ค่า WBC = 4,500-10,000 cells/cu.mm.
    - - 1.ตรวจวัดสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง
        โดยใชน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ไม่ควรใชน้ำเย็น เพราะจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้การระบายความร้อยไม่ดีเท่าที่ควร และอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่นได้ควรใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆ ลูบเบา ๆ
        ในทิศทางเดียวกันแล้ววางไว้ที่หน้าผาก ซอกคอ ซอกรักแร้ แผ่นหลัง แผ่นอกและประเมินอีกครั้งหลังจากเช็ดตัวลดไข้ 30 นาที
        
        2.ให้ยา Paracetamol ลดไข้ตามแผนการรักษาเป็นครั้งคราว
        ห่างกันอย่างน้อยทุก 4-6 ชั่ว โมง
        เมื่อมีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส
        
        3.ประเมินสัญญาณชีพ ได้แก่ อุณหภูมิชีพจร หายใจ
        และความดันโลหิต อย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
        
        4.สังเกตลักษณะ สี กลิ่นของเสมหะ
        ส่งตรวจ Sputum gram stain, AFB, C/S พร้อมติดตามผลตรวจ
        
        5.ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวผู้ป่วย
        เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
        
        6.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
        
        7.จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก
        ให้ได้พักผ่อน และลดการใช้พลังงาน
    - - ผู้ป่วยไม่มีไข้ และไม่มีการติดเชื้อเพิ่ม
  - - - o:ปัสสาวะสีเหลืองเข้มมีตะกอน
        
        o:ค่า Creatine = 1.5 mg/dl สูงกว่าปกติ
        
        o:ท้องโต แข็ง ไม่มีรอยผ่าตัด
    - - 1.ปัสสาวะสีเหลืองอ่อน ใส ไม่มีตะกอน
        
        2.ค่า Creatine = 0.62-1.1 mg/dl
        
        3.ท้องไม่โต ไม่แข็ง
    - - 1.สังเกตระดับความความรู้สึก เพื่อประเมินภาวะของเสียคั่ง
        
        2.ตรวจสอบสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง
        
        3.ดูแลให้ได้รับยา Lasix ตามแผนการรักษา
        
        4.ดูแลให้ได้รับการทำ CRRT,HD,CAPD ตามแผนการรักษา
        
        5.ติดตามผลการตรวจ BUN, Cr ,Electrolyte
        
        6.ดูแลให้ได้รับอาหารจืด เนื้อน้อย โปตัสเซียมต่ำ แคลอรีสูง ตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        7.บันทึกจำนวนน้ำเข้าและขับออกทุก 8 ชั่วโมง
    - - ผู้ป่วยไม่มีของเสียคั่งในร่างกาย
  - - - o:ริมฝีปากแห้ง
        
        o:ค่าIntake/Out put = Intake > Output
        
        o:ค่า Albumin= 2.5 gm/dL (ค่าปกติ 3.5-5 gm/dL)
        
        o: content สีแดงจาง ประมาณ 20 ml.
    - - 1.ริมฝีปากไม่แห้ง
        
        2.ปริมาณสารน้ำเข้า-ออก มีความสมดุล
        
        3.ค่า Albumin= 3.5-5 gm/dL
        
        4.content ไม่มีสีแดง
    - - ดูแลและสังเกตอาการขาดน้ำ เช่น ผิวหนังแห้ง ริมฝีปากแห้ง ตาลึกโบ๋ ปัสสาวะสีเข้มและปัสสาวะน้อย
        
        บันทึกปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับสูญเสียจากร่างกายในแต่ละวัน เพื่อประเมินอาการขาดน้ำ
        
        กรณีผู้ป่วยที่ดื่มน้ำไม่ได้ หรือได้น้อยไม่เพียงพอ แพทย์จะให้น้ำทางหลอดเลือดดำพยาบาลต้องดูแลไม่ให้น้ำเร็วเกินไป
        เพราะจะทำให้ปอดบวมน้ำ (Pulmonary edema) ถ้าแพทย์ผ่าเส้นเลือดเพื่อสอดสายวัดความดันที่หลอดเลือดดำใหญ่ (CVP)
        ในกรณีผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย ผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันภาวะน้ำท่วมปอด พยาบาลต้องวัดความดันที่หลอดเลือดดำใหญ่
        เพื่อช่วยพิจารณาว่าควรจะให้น้ำเร็วขึ้นหรือช้าลง
        
        ติดตามประเมินสภาพขาดน้ำจากผู้ป่วย การบันทึกลงในฟอร์มปรอท
        และติดตามผลซีรั่มอิเล็คโตรไลท์เพื่อพิจารณาในการให้น้ำทดแทน
        
        ป้องกันการเสียน้ำเพิ่มขึ้น
        
        5.1 เช็ดตัวให้ผู้ป่วยเมื่ออุณหภูมิของร่างกายเกิน 38.2 องศาเซลเซียส เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย ช่วยลดการเสียน้ำทางผิวหนังและทางการหายใจด้วย
        5.2 ให้ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียงในระยะไข้สูง เพื่อช่วยลดการเผาผลาญ ความร้อนจากการเผาผลาญจะลดลงด้วย
    - - สารน้ำและอิเล็คโทรไลต์ในร่างกายผู้ป่วยมีความสมดุล
  - - - o:รับประทานอาหารได้น้อย เนื่องจากไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร
        
        o:รูปร่างผอม
        
        o:ริมฝีปากแห้ง
        
        o:มีแผลในปาก
        
        o:มีเสมหะในปาก
        
        o:มีกลิ่นปากเล็กน้อย
    - - ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
        
        2.ผู้ป่วยมีรูปร่างสมส่วน
        
        ผู้ป่วยไม่มีริมฝีปากแห้ง
        
        ผู้ป่วยไม่มีแผลในปาก
        
        5.ผู้ป่วยไม่มีเสมหะในปาก
        
        6.ผู้ป่วยมีกลิ่นปากลดลง
    - - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารตรงตามเวลา ในปริมาณที่พอสมควรกับความต้องการของร่างกาย
        
        ดูแลให้ได้รับประทานอาหารระหว่างมื้อเพิ่มเติม หรือแนะนำญาติให้นำอาหารที่เป็นผักและผลไม้
        ที่มีกากใยช่วยในการลดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นอาหารที่ผู้ป่วยชื่นชอบมา
        ให้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารมากขึ้น
        
        5.ติดตามน้ำหนักตัวผู้ป่วย ทุก ๆสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามภาวะขาดสารน้ำสารอาหารของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
        
        สังเกตบันทึกพฤติกรรมจำนวนอาหารและน้ำที่ผู้ป่วยได้รับในแต่ละวัน
        
        สังเกตการขับถ่ายของผู้ป่วย เช่น มีอาการท้องผูก เนื่องจากได้รับอาหารและน้ำน้อย เพื่อติดตามอาการของผู้ป่วย
        
        ประเมินและสังเกตอาการขาดสารน้ำสารอาหาร โดยการสังเกตการณ์รับประทานอาหารน้อย มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เพื่อประเมินภาวะโภชนาการและดัชนีมวลกายของผู้ป่วยทุกสัปดาห์ :
        
        กระตุ้นให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากรับประทานอาหาร ดังนี้
        
        2.1 กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำความสะอาด ปากและฟัน เพื่อให้อยากรับประทานอาหารมากขึ้น
        2.2 จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการรับประทานอาหาร เช่น ห้องรับประทานอาหาร ให้สว่างและสะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก
    - - ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  - - - o:T= 38.6 ºC
        
        o:ค่าlymphocyte= 14% ต่ำกว่าปกติ
        
        o:ค่าmonocyte = 7% ต่ำกว่าปกติ
        
        o:ค่า WBC = 20,000 cells/cu.mm. สูงกว่าปกติ
        
        o:ค่า eosinophil = 10% สูงกว่าปกติ
        
        o:ได้รับอาหารทางสาย NG tube
        
        o:ใส่สายสวนปัสสาวะ
        
        o:ทำการระบายน้ำระหว่างซีกโครงขวา แบบ 3 ขวด
    - - 1.อุณหภูมิร่างกาย = 36.5-37.4 ºC
        
        2.ค่าlymphocyte ปกติ
        
        3.ค่า monocyte ปกติ
        
        4.ค่า WBC ปกติ
        
        5.ค่า eosinophil ปกติ
        
        6.ไม่มีอาการและอาการแสดงของการอักเสบ/ติดเชื้อ คือปวด บวม แดง ร้อน
    - - ผู้ป่วยไม่มีการติดเชื้อจากการใส่สอดใส่สายต่าง ๆ เข้าไปในร่างกาย
    - - 1.สังเกตและประเมินภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในร่างกาย
        
        ประเมินสภาพเพื่อหาแหล่งติดเชื้อ โดยการวัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง ดูแลความสะอาดปากฟัน
        ทางเดินปัสสาวะ ดูว่าปัสสาวะขุ่นหรือมีตะกอนหรือไม่ทางเดินหายใจฟังเสียปอดดูว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่สังเกตสีของเสมหะว่าเปลี่ยนสีหรือไม่
        
        ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทางปากช่องคลอดทางเดินปัสสาวะทางเดินหายใจและกระแสเลือดที่สำคัญ
        คือล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลสิ่งของและเครื่องใช้ต้องสะอาดหากปนเปื้อนหรือไม่แน่ให้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคก่อนมาใช้กับผู้ป่วยรักษาความสะอาดปาก ฟัน เพราะการติดเชื้อในช่องปากพบได้บ่อย
        
        ให้การพยาบาลด้วยวิธีปราศจากเชื้อมากที่สุดเช่นการดูดเสมหะ
        การฉีดยาให้เลือดโดยการเช็ดผิวหนังด้วยแอลกอฮอล์ 70%
        ดูแลบริเวณที่แทงเข็มถ้ามีการอักเสบต้องเปลี่ยนตำแหน่งทันทีต้องทำความสะอาดบริเวณ
        อวัยวะสืบพันธุ์ล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
        
        ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผลเพาะเชื้อต่าง ๆ
        
        ดูแลความสะอาดสิ่งแวดล้อม
  - - - ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรได้มากขึ้น
    - - o: ผู้ป่วย on right intercostal drainage (ICD) แบบ 3 ขวด
        
        o:ผู้ป่วย on endotracheal tube (ET-tube)
        
        o:ไม่สามารถบอกการขับถ่ายได้ รับประทานอาหารทางสาย NG tube
        
        o:มีแผล Pressure injury บริเวณสะโพกข้างขวา gr.I ขนาด 10×10 cm
        
        o:ผิวหนังบาง
    - - 1.ญาติสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้
        
        2.ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรได้มากขึ้น
        
        3.แผล Pressure injury บริเวณสะโพกข้างขวา gr.I มีขนาดลดลง
        
        4.ผิวหนังไม่บาง
    - - 1.ประเมินผิวหนังผู้ป่วยว่ามีพยาธิสภาพที่ผิวหนังหรือไม่ มีลักษณะอย่างไร
        
        2.ขออนุญาตผู้ป่วย/ให้เหตุผลก่อนให้การพยาบาล
        
        3.แนะนำการดูแลความสะอาดร่างกายทั่วไป/ช่วยดูแลกรณีผู้ป่วยไม่สามารถทำความสะอาดร่างกายได้
        
        4.ช่วยผู้ป่วยในการเคลื่อนไหว เช่น ลุกนั่ง หรือ พลิกตัว แนะนำให้ลดการทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็น
        เพื่อไม่ให้มีอาการเหนื่อย และเป็นการลดการใช้ออกซิเจน
        
        5.แนะนำผู้ป่วยหากมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียมากขณะปฏิบัติกิจกรรมหรือออกแรง ควรหยุดทำกิจกรรมและพักบนเตียง
        
        6.ดูแล/สังเกตไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ตกเตียง ท่อช่วยหายใจหลุด เป็นต้น
        
        7.ดูแลบาดแผล ด้วยหลัก Aseptic technique อย่างนุ่มนวล เลือกใช้วิธีทำแผล และ
        น้ำยา ที่เหมาะกับสภาพ
        
        8.แผลผู้ป่วย เมื่อเปียกชื้นพิจารณาเปลี่ยนให้ตามความเหมาะสม
        
        9.พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชม. และหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแรงเสียดทานกับผู้ป่วยเช่น
        ผ้าปูที่นอนไม่เรียบ ฯลฯ
        
        10.ประเมินภาวะสูญเสียความสมบูรณ์ของผิวหนัง หลังให้การพยาบาลพร้อมบันทึกทุกเวร
  - - - o:หูตึงเล็กน้อย
        
        o:ไม่สามารถพูดโต้ตอบได้
        
        o:ไม่สามารถสื่อสารด้วยการเขียนได้
    - - ผู้ป่วยมีประสิทธิภาพในการสื่อสารมากขึ้น
    - - 1.ผู้ป่วยสามารถสื่อสารด้วยการเขียนได้
    - - 1.ประเมินความสามารถของผู้ป่วยที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
        
        2.หาวิธีสื่อสารแทนคำพูด
        
        3.หมั่นเยี่ยมและไต่ถามความต้องการของผู้ป่วย
        
        4.ใช้คำพูดช้า ๆชัดๆ ในการติดต่อสื่อสาร
        
        5.อธิบายให้ญาติเข้าใจถึงปัญหาและสาเหตุของการสื่อสารลำบาก
- - - - ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        Hb= 8 g/dlต่ำ
        
        Hct=26.6%ต่ำ
        
        WBC=20,000 cells/cu.mm. สูง
        
        Plt=145,000 cells/cu.mm ปกติ
        
        neutrophil=73% ปกติ
        
        lymphocyte=14%ต่ำ
        
        monocyte=7% ต่ำ
        
        eosinophil=10% สูง
        
        Basophils=0%ปกติ
      - ตรวจร่างกาย พบ poor skin turgor ,no neck vein engorgement,แขนข้างขวา on IV site แดงปวด
        เล็กน้อย พบรอยถลอกบริเวณแขนทั้ง 2 ข้าง,no petting edema, capillary refill time 4 sec,คลำชีพจร
        บริเวณ carotid pulse, brachial pulse,redial pulse,femoral pulse,popliteal pulse, dorsalis pedis
        pulse เต้นแรง จังหวะสม่ำเสมอ PR=80-100 bpm ฟังเสียงหัวใจ HR= 100 bpm.เต้นแรงดี จังหวะการเต้นสม่ำเสมอ no murmur, no rub,normal S1 ,S2 ,no bruit, no heave thrill,PMI อยู่ในตำแหน่ง ICS 5th
      - On EKG monitor show normal sinus rhythm rate 90-100 bpm. no PVC
      - ประเมินปัญหาทางการพยาบาล
        1.ปริมาณเลือดออกจากหัวใจในหนึ่งนาทีลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้น/จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
    - - ตรวจร่างกาย ท้องโต แข็ง ไม่มีรอยผ่าตัด เคาะบริเวณไตไม่เจ็บ ปัสสาวะสีเหลืองเข้มมีตะกอน
      - ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        eGFR 60 >60 มีระดับ Creatinine สูง
        
        Creatine 1.5 mg/dl สูงกว่าปกติ
        
        BUN 22 mg/dl สูงกว่าปกติ
      - การบันทึก Intake/Out put
        
        วันที่ 25/08/62 Intake (ml.) = 900 Out put (ml.) =500
        ( Intake > Output)
        
        วันที่26/08/62 Intake (ml.) = 700 Out put (ml.) = 400
        (Intake > Output)
        
        วันที่27/08/62 Intake (ml.) = 350 Out put (ml.) = 100
        (Intake > Output)
      - ประเมินปัญหาทางการพยาบาล
        1.ไม่มีความสมดุลของปริมาณสารน้ำและอิเล็คโทรไลต์
        2.Creatine คั่งอยู่ในเลือดสูงเนื่องจากไตมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
  - - - pH=6.5 กรด(acidosis)
        
        PaCO3 =55 mmHg กรด(acidosis)
        
        PaO2 = 60 mmHg Mild hypoxemia(60-80mmHg)
        
        HCO3 =30 mmHg ด่าง(alkalosis)
        
        O2 sat =88% ระดับออกซิเจนต่ำ ( Hypoxemia )
        
        BE =2 ปกติ
  - - - AST (SGOT) = 10 U/L ปกติ
        
        AST (SGPT) = 23 U/L ปกติ
        
        ALP = 167 U/L สูง
        
        Total bilirubin = 0.5 mg/dL สูง
        
        Direct bilirubin = 0.2 mg/dL ปกติ
        
        Total protein = 4.4 gm/dL ต่ำ
        
        Albumin = 2.5 gm/dL ต่ำ
        
        Globulin = 2.3 gm/dL ปกติ